รายการฟิค

วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

บอดี้การ์ดหน้าใสกับคุณหนูตัวร้าย...My Pretty Boy (NC-17) ตอนที่ 2

บอดี้การ์ดหน้าใสกับคุณหนูตัวร้าย...My Pretty Boy (NC-17)

NC-17

My Pretty boy

เฉินเหว่ยถิง : บอดี้การ์ดหนุ่ม ใบหน้าหล่อเหลา ดึงดูดใจ นิสัยเงียบขรึม บางครั้งก็ขี้เล่น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ถูกประธานเคน เก็บมาเลี้ยงตั้งแต่ 10 ขวบ ไม่รู้ชาติกำเนิดของตัวเอง จำได้เพียงชื่อตัวเองเท่านั้น

หลี่อี้เฟิง : คุณหนูของบ้านตระกูลหลี่ เป็นลูกคนเดียวของประธานบริษัทผลิตน้ำหอมรายใหญ่ของโลก จึงถูกเรียกว่าคุณหนู นิสัยเอาแต่ใจตัวเอง เพราะถูกตามใจแต่เล็ก รวมทั้งพอแม่เสียตอนอายุ 15 ปี นิสัยนี้ยิ่งเป็นมากขึ้น อยากได้อะไรก็ต้องได้ เอาเงินซื้อทุกอย่าง

ประธานเคน : ประธานบริษัทหลี่เพอร์ฟูม ทำธุรกิจมากมาย ไม่มีเวลาให้กับลูกชายคนเดียวมากเท่าไหร่นัก เนื่องจากเมียตายจึงเสียใจมากและทุ่มเทกับงาน มีศัตรูมากมายจึงต้องจ้างบอดี้การ์ดดูแลหลายคน


อู๋อี้ฝาน : ลูกชายของบริษัทอู๋ คู่แข่งคนสำคัญของอี้เฟิง นิสัยร่าเริงสนุกสนาน มองโลกในแง่ดีตลอดเนื่องจากครอบครัวอบอุ่นมากจนบางทีเค้าก็บ่นว่าร้อนเลยทีเดียว

แม่นมเหยียน : ผู้ดูแลความเรียบร้อยในบ้านและอาหารการกินทุกอย่างของคุณหนูอี้เฟิง และเป็นคนดูแลเหว่ยถิงมาตั้งแต่ถูกเก็บมาเลี้ยงที่บ้านตระกูลหลี่

เลขาเทียน : ผู้คอยดูแลเรื่องเกี่ยวกับในบริษัทให้กับคุณหนูหลี่อี้เฟิง และต้องคอยบอกรายละเอียดงานกับบอดี้การ์ดเฉินเหว่ยถิงด้วย เขามักจะเห็นว่าสองคนนี้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งแปลกๆ แต่ก็ยังไม่มั่นใจนัก



ตอนที่ 2 เอาแต่ใจ (Dealing with a stubborn boy)


             เช้านี้แม่นมเหยียนเข้ามาทำความสะอาดห้องคุณหนูตามปกติ คุณหนูยังอาบน้ำอยู่ ส่วนเหว่ยถิงนั้นกลับไปที่ห้องพักตัวเองที่อยู่หลังตึกใหญ่แล้ว พอแม่นมมาเห็นที่บริเวณผ้าปูที่นอนก็ต้องส่ายหน้าไปมาแล้วเก็บผ้าปูที่นอนไปซัก คราบบางอย่างที่ยังหลงเหลือร่องรอยอยู่บ้างทำให้แม่นมเข้าใจได้ในทันทีว่า เมื่อคืนนี้มีอะไรเกิดขึ้นบนเตียงนี่และถึงแม้ว่าเธอจะเป็นสาวโสด แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจเรื่องแบบนี้ ดังนั้นหลังจากที่ลงมาจากห้องคุณหนูหลี่ จึงตรงมาที่ห้องพักของเหว่ยถิงทันที...



"เหว่ยถิง แม่บอกหลายครั้งแล้วใช่มั้ย ว่าอย่ายุ่งกับคุณหนูแบบนี้ ถ้านายท่านรู้เรื่องขึ้นมาจะทำยังไง" แม่นมตักเตือนไม่ใช่แค่เพื่อตัวคุณหนู แต่เพื่อเหว่ยถิง เด็กที่เธอเอ็นดูเลี้ยงเป็นลูกมาแต่เล็ก

"แม่ครับ ผมไม่สามารถขัดใจคุณหนูได้ เธอให้ผมทำอะไรผมก็ต้องทำ แต่ว่าผมก็เต็มใจ ผมอยากดูแลและปกป้องเธอไปตลอด ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้แม่ไม่สบายใจแบบนี้หรอกนะครับ"



"แม่รู้ว่าเราขัดไม่ได้ แต่เราก็หาทางเลี่ยงได้นี่นา แม่ไม่อยากให้นายท่านมาว่าเอาได้ ท่านมีบุญคุณกับพวกเรามาก ลูกก็รู้ดี"

"ครับ ผมทราบดี ทุกคนในตระกูลหลี่รวมทั้งแม่ มีบุญคุณกับผมมากที่เลี้ยงดูมานานหลายสิบปี ผมจะไม่ทำให้ใครต้องลำบากครับแม่ ผมสัญญา ถึงเวลาถ้านายท่านหรือคุณหนูไม่ต้องการผมแล้ว ผมก็จะไป"

เหว่ยถิงได้แต่รับปากและเจียมตัว เขารู้ดีว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เรื่องของเขากับคุณหนูไม่มีวันที่จะเป็นอย่างอื่นไปได้ นอกจากคุณหนูกับบอดีการ์ดที่ดูแลความปลอดภัย เขาไม่อาจเอื้อมไปมากกว่านี้อยู่แล้ว อีกทั้งนี่เป็นเรื่องของชายกับชาย ยากที่ผู้ใหญ่จะยอมรับได้ แต่จะให้เขาทำอย่างไรได้ ในเมื่อเขาอยากทำหน้าที่นี้เองด้วยใจที่ปรารถนา...


กำหนดการงานแต่ละวันของคุณหนูจะมีเลขาเทียนเป็นผู้บอกทั้งคุณหนูและเขา รวมทั้งลูกน้องเขาอีก 4-5 คนที่จะต้องคอยดูแลความปลอดภัย และบอกรายละเอียดให้คุณหนูเมื่อต้องไปร่วมงานต่างๆ ตอนสายเมื่อถึงบริษัทเลขาเทียนจึงรีบมารายงาน

"พี่เหว่ยถิงและคุณหนูครับ วันนี้ที่งานประมูลภาพการกุศลของสมาคมเด็กกำพร้า จะมีภาพที่คุณหนูส่งไปร่วมประมูลด้วยนะครับ ตอนเย็นวันนี้สมาคมเค้าเชิญและนายท่านก็สั่งมาว่าให้คุณหนูไปร่วมเพื่อภาพพจน์ของบริษัทเรา" 

"เลขาเทียน ไม่ทราบว่ามีแขกมาร่วมงานเยอะมั้ยครับ แล้วเค้ามีตำรวจหรือหน่วยรักษาความปลอดภัยในงานหรือเปล่า ผมอยากได้ข้อมูลส่วนนี้พอจะมีมั้ยครับ" ผมถามเพราะอยากให้มั่นใจ จะได้กะได้ถูกว่าต้องระมัดระวังส่วนไหนบ้าง งานไหนที่คุณหนูไป ผมก็ต้องรอบคอบไว้ก่อน


"อ้อ งานนี้มีตำรวจส่วนกลางมาอยู่แล้วครับ เพราะเป็นงานการกุศล อย่างอื่นผมไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ ผมหน่ะเช็คมาแล้ว งานนี้มีบริษัทอู๋มาด้วย ผมเลยไม่ค่อยไว้ใจ แต่ไงงานนี้ก็มีนักข่าวเยอะครับ เค้าคงไม่กล้าทำอะไร"

"อะไรนะ!!! บริษัทอู๋ แล้วนายอู๋อี้ฝานจะมามั้ย ทำไมงานแบบนี้ ป๊าต้องให้ชั้นไปด้วย ส่งภาพไปยังไม่พออีก เกลียดนักพวกชอบเอาหน้าแบบพวกบ้านอู๋"


คุณหนูคงไม่ค่อยพอใจนัก เพราะแต่ไหนแต่ไรมา ตั้งแต่ผมมาเป็นบอดี้การ์ดให้คุณหนู อู๋อี้ฝานลูกชายของบริษัทอู๋ก็เป็นคู่แข่งและชอบมาพูดจากระทบเหมือนจะแข่งกับคุณหนูทุกครั้งไป แต่ผมกับเค้า เรามีความลับบางอย่างที่บอกใครไม่ได้ครับ...

ตอนเย็นเมื่อมาถึงงาน คุณหนูถูกจัดให้นั่งแถวหน้า เนื่องจากเป็นผู้บริจาครายใหญ่ ผมยืนอยู่ด้านข้างคอยสังเกตโดยรอบ ระบบรักษาความปลอดภัยของตำรวจพอใช้ได้ แต่ถึงอย่างไรผมก็ไม่ไว้ใจ ผมสั่งให้ลูกน้องไปสำรวจรอบๆห้องจัดงาน...

ต่อมาไม่นานคุณชายอู๋อี้ฝานก็มาด้วย และถูกจัดให้นั่งข้างคุณหนูพอดี...


"อ้าว ว่าไงอี้เฟิง นายก็มาเหรอ เดี๋ยวเราก็จะได้รู้กันว่าภาพของใครจะถูกประมูลได้เงินเยอะกว่า ชั้นก็ส่งรูปมานะ เป็นภาพที่ไปช่วงซัมเมอร์ที่อังกฤษมา นายล่ะส่งภาพอะไรมา"


คุณหนูไม่ตอบ หน้าแทบไม่หันไปมองด้วยซ้ำ ดูคุณชายอู๋จะพูดตลอดเวลาอยู่คนเดียวเท่าที่สังเกตเห็น...ระหว่างการคุยกันนั้นผมไม่รู้ว่าเค้าทำได้ยังไง ข้อความถูกส่งจากมือถือมาหาผม

"เจอกันหน่อย อีก 5 นาที..."


หลังจากนั้นผมให้ลูกน้องคนหนึ่งมาประจำหน้าที่แทนแล้วไปที่ห้องน้ำชายเพื่อเจอกับเค้า อู๋อี้ฝาน...


ผมเอาป้ายทำความสะอาดห้องน้ำไปตั้งด้านหน้าห้องน้ำชายแล้วเข้าไป คุณชายอู๋รออยู่ก่อนแล้ว

"พี่ถิง!!! ผมคิดถึงพี่มาก"

เค้าทำท่าจะมากอดผม...

"คุณชายอู๋...ล้อผมเล่นอีกแล้วนะครับ" 

"555 ผมรู้อยู่แล้วว่าพี่ไม่สนใจใครนอกจากหลี่อี้เฟิง ผมมันก็แค่รุ่นน้องตัวประกอบ" 


"อย่าเพิ่งนอกเรื่องสิครับ ผมไม่มีเวลามาก ช่วยเข้าประเด็นด้วย เดี๋ยวคุณหนูจะสงสัยเอาได้"

"ก็ได้ๆ อะไรๆก็คุณหนูๆ ผมล่ะอยากรู้นัก หมอนั่นมันมีดีอะไร แต่ก็ช่างเถอะ เรื่องที่แม่ฝากมาบอกคุณคือ อยากให้คุณไปตามหาประวัติคนที่อยู่ที่นี่ ตามที่อยู่นี้ จะได้รู้ว่าเรื่องราวแท้จริงเป็นยังไง นี่ครับ!!! ที่อยู่"

"โอเค ได้ครับ ฝากขอบคุณท่านด้วย ผมจะไม่ลืมบุญคุณเลยถ้าได้เรื่อง ผมไปก่อนนะครับ ผมเป็นห่วงคุณหนู"



หลังจากนั้น ผมกลับมาประจำหน้าที่ ก่อนที่คุณชายอู๋จะกลับมานั่งที่เก้าอี้หลังจากผมมาอีกสักพักใหญ่ ผมเห็นเค้าพูดอะไรอีกก็ไม่รู้ แต่ผมไม่ได้สนใจ ผมต้องทำหน้าที่ก่อน ส่วนเรื่องที่อยู่นี่ เป็นเรื่องที่ผมต้องรอเวลาต่อไป...


"อี้เฟิงนะอี้เฟิง บอดี้การ์ดนายนี่น่าสนใจดีนะ ชั้นขอซื้อตัวได้มั้ย" คราวนี้คุณชายอู๋ต้องแปลกใจ เพราะเป็นครั้งแรกในงานนี้ที่คุณหนูหน้าสวยหันมามองหน้าเค้าเป็นครั้งแรก

"นายหมายถึงใคร???" เออนะ...เป็นครั้งแรกที่เค้าพูดออกมาซะด้วยสิ

"จึๆๆๆ นายนี่มันเป็นคนหวงของนะ ก็คนของนายไง ชั้นอยากได้" คราวนี้คุณชายอู๋ทำเสียงในลำคอพร้อมมองไปทางบอดี้การ์ดหน้าใสร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านข้าง

"คนของหลี่อี้เฟิง ไม่มีใครมาเอาไปได้หรอก" คุณหนูผู้เอาแต่ใจพูดเสร็จก็หันหน้ากลับไป 

หลังจากนั้น เหตุการณ์ประมูลภาพไม่สู้ดีนัก ภาพของคุณหนูได้เงินประมูลภาพมากอยู่ แต่ว่าภาพของคุณชายอู๋ดูมีชีวิตชีวาและสดใสกว่า ทำให้ได้เงินชนะไปหลายหมื่นหยวน...นั่นไม่เท่าประโยคสุดท้ายเมื่องานเลิก คุณชายอู๋เดินมากระซิบข้างหูคุณหนู...


"รอยสักไม้กางเขนนั่น สวยดีนะ!!!" 



ระหว่างทางคุณหนูไม่พูดอะไรเลย ผมไม่ได้ยินประโยคที่คุณชายอู๋คุยกับคุณหนูสักคำ เพียงแต่ว่าผมรู้สึกว่า ตั้งแต่กลับออกมาจากงาน มันมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ คุณหนูดูน่ากลัวมากกว่าทุกวัน...


พอกลับมาถึงคฤหาสถ์หลี่ ก็เป็นเวลาค่ำแล้ว...แม่นมเหยียนได้จัดข้าวต้มเป็นมื้อค่ำ ผมและแม่นมยืนเฝ้าดูคุณหนูเขี่ยข้าวไปมา...จนแม่นมเป็นห่วงและเอ่ยถาม

"คุณหนูคะ ไม่ทานเหรอคะ หรือว่าไม่อร่อย อยากได้อย่างอื่นมั้ยคะ แม่นมจะให้ในครัวทำมาใหม่"

"ไม่!!!ไม่ต้อง ผมไม่กินแล้ว..."


เพล้ง!!!!!!!!!!!! ชามใส่ข้าวต้มถูกปัดลงพื้นแตกกระจาย


แม่นมตกใจมาก ถึงแม้คุณหนูจะเจ้าอารมณ์บ่อยๆ แต่ไม่เคยทำข้าวของเสียหายแบบนี้ จึงรีบลงไปเก็บเศษชามที่แตกที่พื้น

ผมยิ่งไม่เข้าใจมากกว่า คุณหนูเป็นอะไร ทำไมต้องโมโหและไม่พอใจขนาดนี้

"แม่นม ตั้งแต่วันนี้ไป ให้พี่ถิงมานอนที่ห้องผม ช่วยไปจัดที่นอนให้เค้าในห้องผมด้วย รวมทั้งเสื้อผ้าทุกอย่าง เค้าต้องมาดูแลผมที่ห้องตั้งแต่คืนนี้เลย"


"ฮะ...อะไรนะ คุณหนูครับ   ถ้านายท่านรู้มันจะ...เอ่อ...ไม่ดีนะครับ"

ผมรีบแสดงความเห็นออกไป ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากทำแบบนั้น แต่อย่างที่แม่นมเคยเตือน ถ้านายท่านรู้ คงไม่เหมาะแน่ที่เป็นแบบนี้...


"นั่นสิ คุณหนูคะ แม่นมว่ามันไม่สมควรนะคะ เหว่ยถิงเป็นแค่บอดี้การ์ด ไม่ควรอาจเอื้อมไปนอนในห้องคุณหนูแบบนั้น ถ้าคุณหนูอยากได้คนอยู่เป็นเพื่อนเดี๋ยวแม่นมไปอยู่ด้วยก็ได้นะคะ"


"ไม่ ผมต้องการแบบนี้ แม่นมไปจัดการให้ผมเดี๋ยวนี้ พี่ถิง นี่เป็นคำสั่ง จำไว้!!!"


พูดจบคุณหนูก็เดินขึ้นห้องไป ปล่อยให้ผมกับแม่นม ยืนงงกันเป็นไก่ตาแตก...


"แม่ครับ ผม...ผมควรทำยังไงดี"

"เอาเป็นว่า วันนี้ก็คงต้องยอมๆไปก่อน ไว้แม่จะช่วยพูดให้ใหม่ ว่าแต่วันนี้ไปงานอะไรกันมา ทำไมคุณหนูถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ"


"ก็ไม่เห็นมีอะไรเลย งานการกุศลธรรมดาเองครับ"

ผมคิดว่าคุณหนูต้องคุยอะไรบางอย่างมากับคุณชายอู๋แน่ๆ หากแต่ความลับเรื่องที่ผมกำลังสืบอยู่ คุณชายอู๋สัญญาแล้วนี่นา ว่าจะไม่บอกใคร โดยเฉพาะคุณหนู


สุดท้าย ผมจึงต้องมาหยุดที่หน้าห้องคุณหนู แล้วเคาะประตูแต่โดยดี

"คุณหนูครับ ผมมาแล้ว..."

ไม่มีเสียงตอบ แต่ผมได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำเปิดอยู่ คิดว่าคุณหนูคงอาบน้ำอยู่ เลยลองเปิดประตูเข้าไปเพราะห้องไม่ได้ล็อค ประมาทจริงๆคุณหนูนี่ ไม่คิดถึงเรื่องความปลอดภัยเลย ผมต้องคอยระวังให้ตลอด ถึงแม้จะเป็นในบ้านก็ตาม เราไม่ควรไว้ใจใครทั้งสิ้น...

ในห้องคุณหนูกว้างมากอยู่แล้ว พื้นที่แทบจะกินชั้นสองปีกตะวันออกทั้งฝั่ง ผมเห็นที่นอนที่อยู่ที่พื้นห้อง ห่างจากเตียงคุณหนูไปอีกไกลมาก แม่นมคงจงใจให้เป็นแบบนี้...ส่วนเสื้อผ้าบางส่วนถูกจัดเข้าตู้อีกใบ ที่มีเหลือเฟือในห้องนี้


สักพักเสียงน้ำหยุดไหล คุณหนูตะโกนเรียก น่าจะได้ยินผมเดินเข้ามาในห้อง


"พี่ถิง เข้ามาในนี้!!!"


พอเข้าไปด้านใน ผมเห็นคุณหนูยังไม่ได้ถอดเสื้อผ้าออกเลย แต่ตัวชุ่มโชกไปด้วยน้ำที่น่าจะมาจากฝักบัวด้านบน...

"คุณหนู ทำไมไม่ถอดเสื้อผ้าก่อน ทำแบบนี้เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอกครับ"

ผมเอาผ้าเช็ดตัวที่แขวนไว้ด้านข้างมาเช็ดตัวให้

"พี่ถิง ยังเป็นห่วงผมอยู่เหรอ"

"ทำไม คุณหนูพูดแบบนี้ ผมก็เป็นห่วงคุณหนูตลอดนะครับ"


"ไม่ ไม่จริง พี่ไม่ได้เป็นห่วงผม วันนี้ในงาน พี่หายไปไหนมา???"

เอาแล้วไง ผมว่าแล้วว่าคุณหนูต้องเห็นผมหายออกไป...


"ผมไปห้องน้ำครับ มันสุดวิสัยจริงๆ แต่ผมก็สั่งให้คนอื่นมาดูแล ผมไม่ปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูหรอกครับ เชื่อผมสิ"


ผมยังคงเช็ดตัวคุณหนูต่อไป...แต่ในตอนนั้นคุณหนูก็ดึงผมไปกอดไว้แน่น


"พี่ห้ามไปไหนอีก ห้ามทิ้งผมไป เข้าใจมั้ย"


"ครับ ผมไม่มีวันทิ้งคุณหนูไปหรอก"


"จริงๆนะ ห้ามหลอกผม แม่ก็พูดแบบนี้ แล้วก็ทิ้งผมไป ป๊าก็เหมือกัน ไม่มีใครอยู่กับผมสักคน ไม่มีเลย...ฮือๆๆๆๆ"


คุณหนูร้องไห้กับอกผม จริงๆแล้ว คุณหนูคงขาดความรักนั่นแหละ ถึงได้เรียกร้องแบบนี้ เรื่องราวตั้งแต่เด็กจนโต คงค่อยๆบั่นทอนความรู้สึกโดยที่ไม่มีใครรู้


"คุณหนูครับ ไม่ว่ายังไงก็ตามคุณหนูก็ยังมีผมนะ พี่ถิงของคุณหนูไง"



ผมช้อนใบหน้าคุณหนูที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตานั่นขึ้นมาจูบ คุณหนูเลื่อนมือมากอดคอผม แล้วจูบตอบอย่างเร่าร้อน...

"พี่ถิง พี่เป็นของผม ไม่ว่ายังไงพี่ก็เป็นของผม เข้าใจมั้ย"

ผมไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ลิ้นของคุณหนูก็เข้ามาควานทั่วปากผม เหมือนจะแสดงความเป็นเจ้าของให้ผมรู้ ผมโยนผ้าเช็ดตัวทิ้งลงพื้น แล้วถอดเสื้อตัวเองออก...

ผมดันตัวคุณหนูเข้าไปประชิดกำแพง สองเท้าสัมผัสพื้นเปียกแฉะภายในบริเวณที่อาบน้ำ ผมเอามือยันกำแพงไว้ พร้อมเอาจมูกไปสัมผัสที่แก้ม แล้วถูไปมาช้าๆ 

"ผมเป็นของคุณหนูไงครับ ตั้งแต่วันที่คุณหนูเจอผมที่กองขยะนั่นแล้ว"

ผมเอาปากจูบและขบที่หูเบาๆ


"พี่ถิง ผมต้องการพี่!!!" 

ผมยังคงโลมเลียและจูบมาที่ซอกคอคุณหนู เสื้อและกางเกงคุณหนูถูกมือผมถอดออกจนหมดและไล่จูบลงมาถึงส่วนล่างนั่น ที่ตอนนี้เริ่มจะแข็งตัวขึ้นเล็กน้อย ตามการเล้าโลมจากปากของผม สองมือคุณหนูขยี้ผมเบาๆ ผมจึงใช้ปากและลิ้น เลียและอมส่วนนั้น จนกระทั่งมันเริ่มชูชันขึ้นมา ผมเลียด้านข้างสลับกับการอมรูดเป็นจังหวะขึ้นลง 

"อื๊อออ พี่ถิง อ๊า" พอผมถอนปากออก น้ำสีขาวขุ่นได้ผุดออกมาทันที คุณหนูเอามือแปะป่ายไปที่กำแพงด้านหลัง

ผมจึงถอดกางเกงตัวเองออก แล้วจับขาคุณหนูทั้งสองข้างขึ้น เอาตัวดันเข้ากำแพงอีก คุณหนูกอดคอผมไว้ทันทีเหมือนรับรู้ได้ สองขาหนีบมาที่เอวผม...

ส่วนของผมนั้น ตื่นตัวและพร้อมมานานแล้ว ตั้งแต่คุณหนูเริ่มเข้ามากอดผม ร่างกายผม มันควบคุมไม่เคยได้เมื่อคนตรงหน้ามาสัมผัสทุกครั้งไป นี่เป็นสิ่งที่มีมาตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน ตอนคุณหนูอายุ 20 กว่าๆ ผมก็เริ่มรู้สึกแรงขึ้นเรื่อยๆ พยายามไม่คิดและตัดมันออกไปจากหัว แต่จนกระทั่งเหตุการณ์ที่เกาะฮาวายเมื่อ 2 ปีก่อนนั่น ทำให้ผมไม่เคยปฏิเสธคุณหนูและต่อต้านตัวเองได้อีกเลย...


ผมจึงเอามือใหญ่เกาะกุมส่วนนั้นของคุณหนูรูดไปมาเพื่อให้ยังมีน้ำหล่อลื่นนั่นออกมาเรื่อยๆ จนเต็มฝ่ามือแล้วใช้นิ้วตัวเองขยายช่องทางเพื่อให้ส่วนของผมสามารถเข้าไปได้อย่างง่ายดายกว่าเดิม...

"อึ๊กก...อ๊า" ผมสอดเข้าและออกเป็นจังหวะรับกับสะโพกที่เคลื่อนไหวของคุณหนู ผมเริ่มเร่งจังหวะมากขึ้นเรื่อยๆ 

"อ๊า อ๊า อึ๊ก อ๊าาา พี่ถิง พี่ถิง..." มีเสียงคุณหนูที่ครางและเรียกชื่อผมออกมาเป็นระยะๆ แค่เห็นร่างที่เขย่าเป็นจังหวะไปพร้อมกับผมนั่นเป็นความสุขที่ผมอยากทำให้เค้ามาก ผมจึงดันตัวขึ้นไปสุดอีกจนสัมผัสถึงจุดที่คนตรงหน้าครางออกมาเสียงดังมาก

"อ๊าาาาาาา" เขาเอาเล็บมาจิกที่หลังผม ผมยังดันขึ้นไปอีกสองสามครั้ง และกระแทกตัวเข้าไปอีก เพื่อให้น้ำขุ่นในตัวผมไหลออกมาเรื่อยๆ ผมยิ่งรู้สึกเป็นสุข ไม่ต้องพูดถึงคนตรงหน้าที่ร้องครางแผ่วๆและหอบหายใจหนักจนเริ่มหมดแรง ส่วนผมต้องแบกรับน้ำหนักและใช้แรงมากในตอนนี้ แต่ก็ยันตัวอยู่ได้อีกสักพัก..ส่วนคุณหนูคงไม่แข็งแรงเท่าผม จึงฟุบหน้าลงมาที่บ่าผมในตอนท้าย...

ผมจึงปล่อยเค้าลงแล้วเอาผ้าเช็ดทุกส่วนให้แห้ง อุ้มคุณหนูไปวางที่เตียง ห่มผ้าไว้ แล้วกำลังจะลุกขึ้นไปหยิบชุดนอนมาใส่ให้ แต่คุณหนูก็ฉุดแขนผมไว้ จนผมนั่งลงข้างๆอีกรอบ...


คุณหนูเอานิ้วชี้มาที่บริเวณท้องน้อยของผม พร้อมมองด้วยตาปรือๆเพราะความเหนื่อย

"ไม้กางเขนนี่ ทำไมอู๋อี้ฝานถึงเห็นมันได้"

นิ้วจิ้มแรงขึ้นจนผมชะงักไป นี่สินะ ฉนวนเหตุวันนี้...

"โธ่!!! คุณหนูครับ เวลาผมยกมือ หรือให้สัญญาณ เสื้อก็หลุด เวลาถอดเสื้อก็เห็นบ้าง คนอื่นๆ ก็มีตั้งหลายคนที่รู้ว่าผมมีรอยสักนี้ ไปถามแม่นมยังได้เลย"

"ไม่ ต้องไม่ใช่นายนั่น"


ผมเริ่มรู้แล้วว่าเค้าโกรธอะไรมา...ผมเลยก้มลงจูบที่ปากคนเอาแต่ใจอีกที



"โธ่เอ้ย!!! คุณหนู คนอื่นอาจจะเห็น แต่มีคุณหนูคนเดียวนะ ที่ได้สัมผัสมัน  นี่ไงครับ" ผมจับนิ้วชี้นั่นลากไปมาที่ตัวกางเขน

"จริงๆนะ" เค้าถามผมเหมือนเป็นเด็กๆ

"จริงสิครับ นอนเถอะนะ คุณหนูเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เดี๋ยวผมไปหยิบชุดนอนมาใส่ให้นะ"


"อือ...แล้วพี่ถิงก็มานอนนี่นะ ไม่ต้องไปนอนหรอกตรงที่แม่นมปูผ้าเอาไว้ เข้าใจมั้ย"

"ครับ คุณหนู"

ระหว่างที่เดินไปหยิบชุดนอน ผมเริ่มรู้สึกถึงเรื่องวุ่นๆที่จะตามมาอีกในไม่ช้า...




                                           ....โปรดติดตามตอนต่อไป...

























ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น