วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2558

วุ่นนัก...ที่รักผมเป็นหมอ(ฟัน) บทที่ 2


เฉินเหว่ยถิง = หมอเฉินเหว่ยถิง เป็นหมอฟัน เจ้าของคลินิกแห่งหนึ่งในเซี่ยงไฮ้ ชื่อ “ถิงหยาฉือ” 
                    อุปนิสัย-เงียบ สงบ เย็น ภูมิฐาน เป็นงานเป็นการ ความรู้แน่น  แต่บางทีก็สามารถขี้เล่นขึ้นมาได้
หลี่อี้เฟิง = ดาราดาวรุ่งสุดฮอตแห่งวงการ ถ่ายละครและหนัง คิวแน่นไม่หยุดหย่อน 
                   อุปนิสัย-ร่าเริง กินเก่ง ชอบกินขนม ของหวาน ลูกอม เค้ก ไอติม แต่กลัวเลือดมากที่สุด


บทที่ 2 "Follow up"

                  วันนี้ทั้งวัน ผมต้องทนฟังเสียงตื่นเต้นของเหล่าผู้ช่วยสาวที่รู้ว่า ผม"หมอเฉินเหว่ยถิง" มีเคสผ่าฟันคุด ดาราดังสุดหล่อ "หลี่อี้เฟิง" ผมหน่ะ ไม่รู้จักเค้าหรอกครับ ก็วันๆผมได้ดูทีวีที่ไหนกัน งานผมยุ่งมาก ทำงานเสร็จก็ต้องกลับบ้านไปดูแลแม่และหลานๆอีก ไหนจะต้องทบทวนความรู้ เพราะบางทีผมก็ต้องไปสอนให้โรงเรียนแพทย์ด้วย ผมหน่ะ เรียนเก่งนะครับ!!! ไม่ใช่หน้าตาดีอย่างเดียว 555555 ไม่ได้โม้นะ...

"หมอคะๆ วันนั้น พวกเราไม่เห็น อี้เฟิงเลย เค้าน่ารักมั้ย พวกหนูเห็นตอนเค้าเล่นละครนะ น่ารักมากเลย" 

เงียบ......

สักพักนึง....

"หมอถิงอ่ะ ไม่ยอมบอกเลยว่า อี้เฟิงเป็นยังไง วันนี้ขอหนูช่วยหมอนะคะ อยากดูดน้ำลายหลี่อี้เฟิง คริคริ!!!!"

นี่ล่ะครับ วันนี้ทั้งวัน ผมแทบไม่มีสมาธิ ก็ผู้ช่วยในร้าน ที่ปกติ สองสาวนี่ก็พูดมากอยู่แล้ว วันนี้ยิ่งแย่งกันจะเข้าเคสช่วยผม สำหรับเคสพิเศษช่วงเย็น "ผ่าฟันคุด ดาราดัง หลี่อี้เฟิง"...

สำหรับผมหน่ะเหรอ ถามว่าตื่นเต้นมั้ย ไม่หรอกครับ แค่รู้สึกแปลกๆ....

มันท้าทาย แบบอยากเข้าไปศึกษาและอยากรู้ปฏิกิริยา ว่าคนแบบนี้เค้าเป็นยังไง ถ้าเจอคนแบบผม ผมเป็นหมอฟันก็จริง แต่ชอบเรียนรู้และศึกษาพฤติกรรมของคนด้วย สมัยเรียนปี1 ผมชอบเรียนจิตวิทยามากกว่าด้วยซ้ำ......

ผมผ่านอะไรมาเยอะครับ ชีวิตผมไม่ธรรมดานะ ตั้งแต่มัธยมจนมหาวิทยาลัย ถึงจะเป็นเด็กเรียน แต่ก็มีมุมเกเรบ้าง ไว้ผมจะค่อยๆเล่าให้ฟังนะครับ แต่เรื่องนึงที่ไม่เคยเป็นคือ ผมไม่เคยเจอดารากะเค้าหรอก ก็อยากรู้เหมือนกันว่าดาราดังโดนผ่าฟันคุดจะเป็นยังไง ผมเริ่มนึกสนุก อยากให้ถึงเวลานัดทุ่มนึงเร็วๆแล้วล่ะ...

@@@@@@@
@@@@@@@


"เจ๊เฉินหน่ะ ผมบอกแล้วไง ว่าวันนี้ผมต้องผ่าฟันคุด ขอกินขนมเยอะๆก่อน"

"ไม่ได้สิ เดี๋ยวก็อ้วนกันพอดี ยิ่งช่วงนี้เราไม่ค่อยได้ออกกำลังเหมือนแต่ก่อนนะ"

ผมได้ยินเสียงถกเถียงกัน เมื่อประตูหน้าถูกเปิดเข้ามาพร้อมเสียงกระดิ่งที่ถูกแขวนไว้ เพื่อเป็นสัญญาณให้คนในห้องด้านในได้ยิน...

ผมยังทำคนไข้ก่อนหน้าอยู่ เพราะอีก 10 นาทีกว่าจะถึงเวลานัดเคสสุดท้าย....

.........พอเสร็จ ผมจึงให้ผู้ช่วยไปจัดการส่วนที่เหลือและบอกให้เค้าเรียก คนไข้เคสพิเศษของผมเข้ามา.........

พอเค้าเลื่อนประตูเข้ามาด้านใน

....ผมเห็นเค้าดูเหนื่อยนิดหน่อย แต่ท่าทางไม่ดูอวดดีน่าแกล้งเหมือนคราวก่อน ผมจึงตั้งใจทำขรึมๆใส่เค้า ที่เดินเข้ามาแบบไม่พูดไม่จา...

"ว่าไงครับ คุณหลี่อี้เฟิง เตรียมตัวพร้อมแล้วรึยัง เชิญนั่งที่เก้าอี้เลยครับ" ผมบอกให้เค้านั่งลง

"พร้อมก็ได้ครับ แต่หมอห้ามทำเจ็บนะ ห้ามบวม ห้ามปวดด้วย ผม...เอ่อ ผม ผมกลัว" 

คราวนี้เค้ามาคนละแบบเลยจริงๆ เสียงอ่อยมาก 5555 ผมแอบขำในใจ สีหน้าเหมือนแมวน้อยหวาดๆ นี่มันน่ารักชะมัด!!!!

เค้ามานั่งที่เก้าอี้ทำฟันแต่โดยดี ทำหน้าเหมือนงอแง จนเกือบจะร้องไห้ ผมแอบสงสารอยู่นะ แต่ผมต้องวางมาดขรึมไว้ก่อน

"คุณจะกลัวอะไร ผมจะพยายามให้เจ็บน้อยที่สุด แต่พูดจริงๆนะ ยังไงมันก็ต้องปวดต้องเจ็บบ้าง มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับที่จะไม่รู้สึกเลย" ผมต้องพูดความจริง ในขณะนั่งลงที่เก้าอี้ เพื่อเตรียมพร้อมจะปรับให้เค้านอนลง

"โธ่!!! หมอ ผม...ผมไม่เคยผ่าฟันคุดนี่นา ผมรู้ว่ามันจะต้องเจ็บบ้าง แต่ยังไงก็ตาม ผมขอให้หมอค่อยๆทำหน่อยได้มั้ย ผมขอร้อง"

สายตาแมวน้อยวิงวอนในขณะที่ผมกำลังจัดของที่ต้องใช้เพื่อเตรียมตัวจะผ่าฟันคุด ผมรู้สึกอยากแกล้งปนอยากช่วยให้เค้าสบายใจด้วย.......

@@@@@@@@@@@@ 

จริงๆ ด้วยความเป็นหมอ ผมไม่ควรทำแบบนี้ แต่ขอฝ่าฝืนจรรยาบรรณแพทย์สักวันเถอะ...

ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้เค้า แล้วไปกระซิบที่ข้างหูเค้าว่า
"ไม่ต้องกลัวนะ ผมจะไม่ทำให้คุณเจ็บหรอก เชื่อผมสิ!!!" 

เสร็จแล้วผมกับเค้าก็สบตากันตรงๆ แปลกดีนะ ผมว่าดาราดังตรงหน้าผม หน้าแดงแหละ...เหมือนเค้าจะเขินผม นิ่งไปเลย 555 น่ารักอีกแล้ว 

ปกติผมก็มีคนมาชอบ บางทีไปชอบคนอื่นก็มี แต่ไม่มีคนไหน ทำให้ผมรู้สึกทั้งอยากแกล้งและอยากปลอบใจไปพร้อมกันแบบนี้เลย...ผมพูดอะไรผิดไปเหรอ เค้าถึงหันมาทำหน้าเขินและแดงใส่ผม 

คราวนี้ไม่ต้องรอให้ผมพูดต่อ เค้าพิงเก้าอี้มาแต่โดยดี แถมไม่พูดไม่จาอีกเลย...

ผู้ช่วยผมเดินกลับเข้ามาแล้ว ผมเลยเริ่มเอาผ้าปิดหน้าเค้าและใส่ยาชา ผ่าฟันคุดจนเสร็จ โดยไม่พูดอะไรมาก ส่วนขั้นตอนหน่ะเหรอครับ อย่าให้ผมบอกเลย...เคสพิเศษเนี่ยะ ยากพอควรเลยล่ะ เล่นเอาผมเหงื่อตกเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็เรียบร้อย ผมเย็บแผลไป แล้วก็บอกเค้าว่า

"เสร็จแล้วนะครับ คุณต้องรักษาความสะอาดด้วย เดี๋ยวผมเย็บแผล คุณต้องกลับมาตัดไหม อีกอาทิตย์นึงนะ ประคบน้ำแข็งคืนนี้ และดูแล แผลด้วย กัดผ้าไว้ก่อน แน่นๆนะครับ"

พอผมกำลังจะเปิดผ้า ผมให้ผู้ช่วยไปบอกการดูแลกับผจก.เค้าด้านนอก ผมรู้แล้วว่าเจ๊คนนี้เป็นผจก. ไม่ใช่แฟนเค้าเหมือนอย่างที่ผมเข้าใจ พวกผู้ช่วยผมนี่รู้ดีจริงๆ แถมหาว่าผมไม่รู้เรื่องอีก ที่ไม่รู้จัก!!!

พอเปิดผ้าขึ้น สิ่งที่ผมเห็นทำให้ผมตกใจนิดหน่อย...
"คุณอี้เฟิง คุณร้องไห้ทำไม????"

ผมรีบปรับเก้าอี้ขึ้น มองหน้าเค้า คราวนี้น้ำตาไหลออกมาอีก เฮ้ย!!! ผมว่าผมไม่ได้ทำเจ็บนะ ถึงจะยาก แต่ผมก็ทำเหมือนคนไข้คนอื่นๆ ไม่เห็นมีใครร้องไห้เลย แล้วนี่อะไรกัน...

เค้าส่ายหน้า ผมเห็นแล้วยังงงๆ ผมรีบล้างมือแล้วเอามือปาดน้ำตาเค้าทั้งสองข้าง พร้อมกับพูดว่า

"เด็กที่มาทำฟันกับผม ยังไม่ร้องไห้เลย คุณนี่ไหนคราวก่อนออกฤทธิ์เยอะ คราวนี้ไหงกลายเป็นแบบนี้ล่ะ"

เค้าไม่ได้ร้องแล้ว แต่ยกมือเช็ดคราบน้ำตาตัวเอง และพูดแบบไม่ค่อยชัดเพราะกัดผ้าอยู่

"หมอ...ไม่เข้าใจหรอก" 

ใช่สิ!!!  ผมไม่เข้าใจ เค้าจะร้องไห้ทำไม ถ้ามันไม่เจ็บ แต่มันทำให้ผมอยากรู้มากขึ้นไปอีก ผมทำอะไรไม่ถูกหลักวิชาหรือก็เปล่า...

ผมเลยตัดสินใจ เดินไปหยิบกระดาษมาจดๆๆ แล้ววางใส่มือเค้า บนกระดาษเขียนว่า

"หมอเฉินเหว่ยถิง เบอร์ส่วนตัว 01xxxxxxxx ถ้าคุยไม่ได้ก็ส่งข้อความมานะ แมวน้อย"

เค้าเงยหน้าขึ้นมองผมเมื่ออ่านจบ ผมอมยิ้ม แล้วเค้าก็เก็บกระดาษใส่กระเป๋ากางเกง แล้วเดินออกไป 

ผมได้ยินเสียงผจก.โวยวายๆ แต่เจ้าแมวน้อยนั่นเงียบจ๋อยไปเลย แหงล่ะสิ คงจะพูดไม่ได้เพราะกัดผ้าอยู่...

หลังจากเคสพิเศษออกไป ผมกับผู้ช่วยก็เก็บของ เก็บร้าน แต่ในใจผมยังคิดวนไปวนมา เค้าร้องไห้ทำไมนะ!!!

พอจัดการเรื่องบัญชีเสร็จ ผมก็เดินออกไปหาข้าวต้มรอบดึกกินสักหน่อย ผมยังไม่ยอมกลับบ้าน ไม่รู้สิ ผมรออะไร???

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูระหว่างกินข้าวต้มหลายครั้งมาก และบอกกับตัวเองว่า นี่ชักจะบ้าใหญ่แระ!!!

ทำไมหน่ะเหรอครับ ก็ผมอยากให้เค้าโทร. หรือส่งข้อความอะไรมาก็ได้ ผมรู้สึกเป็นห่วง...ตลกดีนะ หมอฟันอย่างผม ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน...

แต่สักพัก ก็มีเสียงข้อความมา....ผมรีบเปิดอ่าน

"ประคบน้ำแข็งยังไง??? ทำไม่เป็น" นี่มัน!!! ข้อความแบบนี้ จะมาอ่อยผมอีกเหรอ คนอะไร โตจนป่านนี้ ประคบน้ำแข็งไม่เป็น ผมเลยกดส่งข้อความกลับไป

"อยู่ไหนล่ะ จะไปทำให้" อยากรู้เหมือนกัน ว่าเค้าจะตอบกลับว่ายังไงนะ

"ไม่ต้องหรอก บอกวิธีมา" นั่นแหน่ะ ยังจะมาไม้นี้ คิดว่าผมจะยอมเหรอ!!!

"ระวังบวมมากนะ ถ้าไม่ประคบ แล้วจะหาว่าหมอไม่เตือน" ผมต้องใช้มุขนี้แหละ เป็นดาราคงไม่อยากหน้าบวมหรอก...มั้ง 555 ถึงตอนนี้ ผมทั้งอยากเอาชนะ และอยากไปดูหน้าแมวน้อยจริงๆแล้วล่ะสิ คิดถึงภาพตอนร้องไห้นั่น มันยังติดอยู่ในใจผม...

และแล้วมุขนี้ก็ได้ผล ที่อยู่ถูกส่งข้อความมา ผมเลยจัดแจงบอกที่บ้านว่าจะกลับช้า ต้องบอกเค้าไว้จะได้ไม่เป็นห่วงกัน แต่ตอนนี้ใจผมมันแล่นไปถึงที่อยู่ในมือถือนี่แระล่ะ...

ผมมาหยุดอยู่หน้าห้อง ไม่รอช้า กดกริ่งเรียก เจ้าของห้องเดินมาเปิดประตู พร้อมทั้งเอามือกุมที่คางด้านขวาเอาไว้

"หมอแกล้งผม" เค้าทำเสียงอู้อี้ลอดออกมาตามฟันที่กัดกันไว้

"อ้าว ผจก.คุณไม่ได้ดูแลคุณหรอกเหรอ" ผมแกล้งถามไปงั้นๆ ดูจากในห้องก็รู้ว่าเค้าอยู่คนเดียว

ที่จริงคอนโดนี่ค่อนข้างกว้างเลยล่ะ มีสัดส่วนในห้องชัดเจน ผมสำรวจรอบๆ แล้วมาหยุดมองหน้าแมวน้อยที่ทำหน้าเซื่องๆนั่นแล้วถามว่า

"ตู้เย็นอยู่ไหนครับ" เค้าชี้มือไปที่ห้องครัวด้านใน ผมจึงไปจัดแจงเอาน้ำแข็งใส่ผ้าเช็ดหน้าที่ผมพกติดตัวมา มันสะอาดและค่อนข้างหนา แต่ก็แปลกนะ ในตู้เย็นกลับไม่ค่อยมีของกินมากนัก มีแต่ยากับอาหารบำรุงนิดหน่อย ทั้งๆที่ตู้เย็นออกจะใหญ่

เรียบร้อยแล้ว ผมจึงเดินไปที่โซฟา เค้านั่งอยู่โดยเอามือกุมที่คางไว้ตลอด ผมจึงนั่งลงและถามเค้าว่า

"กินยาแก้ปวดที่หมอให้รึยัง?"

เค้าไม่พูด แต่ส่ายหน้า

"อะไรกัน ก็ผมบอกแล้ว ว่าให้กินเลยพอกลับถึงบ้าน ผมให้ผู้ช่วยสั่ง ผจก.คุณแล้วนะ"

"เจ๊เฉินมีเรื่องที่บ้าน ต้องรีบกลับด่วน หมอ...ผมเริ่มปวดอ่ะ" เค้าเปล่งเสียงลอดออกมาจากฟัน

ผมจึงเอายาและน้ำให้เค้ากิน โดยบอกว่า

"ไม่ต้องกลัวหรอก กินยาก่อน จะได้ดีขึ้น ก็ปกติแหละ อ่ะ เอาผ้าออกได้ คุณก็กัดมาจะชม.นึงแล้วนี่นา"

ผมให้เค้าอ้าปากและดึงผ้าก๊อซที่กัดไว้ออก ทีนี่เค้าคงพูดได้สะดวกขึ้น

"หมอ เลือดออกเยอะจัง!!! มันจะไม่เป็นไรใช่มั้ย" หน้าเค้ายังคงดูกังวลเมื่อมองก้อนเลือดที่ผมเอาทิ้งไป

ผมไม่ตอบอะไร ยื่นยาแก้ปวดที่ผมเป็นคนจ่ายให้เอามาให้เค้ากิน...

เค้ายอมกินยาแต่โดยดี เมื่อกินยาเสร็จ ผมจึงพูดต่อ

"โตจนป่านนี้แล้ว ประคบน้ำแข็งไม่เป็น นี่คุณเป็นดารายังไงกันฮึ" 

เค้ายังคงเงียบสักพัก แต่แล้วก็พูดขึ้นมา

"ก็มีคนทำให้ทุกอย่าง ถ้าหมอไม่อยากช่วยก็กลับไปเถอะ ผมกินยาแล้ว"

น้ำเสียงคนไข้คนนี้ดูเอาเรื่องไม่ใช่เล่น นี่ขนาดเริ่มปวดแล้วนะ...

"หันหน้ามาทางนี้" ผมบอก แต่เค้ายังคงหันหน้าไปทางตรงด้านหน้า ไม่หันมามองผม

"หมอบอกว่าให้หันหน้ามาทางนี้ไง" ผมเริ่มทำเสียงเข้ม...

เค้าก็ยังไม่หันอีก ผมเลยเอามือไปจับคางเค้าเบาๆ แล้วบังคับให้หันหน้ามา

เค้าก็ยอมมาตามมือผมแบบฝืนนิดๆ ผมเห็นน้ำตาเริ่มคลอๆ อีกแระ เอ๊ะๆๆๆ อะไรของเค้าเนี่ยะ!!!

"ผมเป็นหมอนะ ก็ต้องอยากดูคนไข้สิ ถ้าคุณไม่เชื่อผม แล้วคุณจะหายดีได้ยังไง"

"แก้มผมจะบวมมั้ย แล้วหมอจะช่วยให้ผมหายดีใช่ไหม??? ผมไม่ชอบเลือด ผมกลัว.....สนุกมากเหรอ ที่ได้แกล้งคนกลัวเลือดแบบนี้"

ผมฟังจบ ก็เอาผ้าที่มีน้ำแข็งอยู่เต็ม ประคบเข้าไปที่แก้มด้านขวาที่ผ่าฟันคุดไปอย่างเบามือ

ตอนนี้คนตรงหน้าผมหลับตาลงและดูไม่ต่อต้านมากแล้ว....ผมเลยขยับเข้าไปใกล้เค้าอีก แต่มือนึงยังจับคางเค้า และอีกมือก็ประคบน้ำแข็งไปเรื่อยๆ 


"คุณนี่แปลกดีนะ บางทีก็ดูเอาแต่ใจ บางทีก็อ่อนแอ น่าสงสาร บางทีก็ดูร่าเริง ผมไม่เข้าใจคุณจริงๆ คุณหลี่อี้เฟิง"

เค้ายังคงเงียบและหลับตาเพื่อให้ผมประคบน้ำแข็งต่อไป...

ผ่านไปสักพัก ผมว่าปากเจ่อๆของเค้า ทำไมมันถึงได้เย้ายวนใจ น่าจูบแบบนี้ แต่นี้เค้าเพิ่งผ่าฟันคุดไป คงจะเจ็บน่าดู แล้วยังจะแก้มที่ถูกความเย็น จนมีเลือดฝาด สีชมพู อวบอิ่มนั่นอีก....โอ้ยๆๆๆๆ.....นี่ผมคิดฟุ้งซ่านอะไรเนี่ยะ


สุดท้ายผมทนไม่ไหว เอาผ้าที่ประคบออก แล้วเอียงหน้าเอาปากไปประทับแก้มเย็นๆ ข้างนั้นเบาๆ 
ผมว่ามันน่าจะยังชาๆนะ ไม่รู้เค้าจะรู้ตัวมั้ยนะ...

"หมอ ทำอะไรหน่ะ!!!" เค้าร้องออกมา พร้อมกับเอามือจับที่แก้มขวา

ผมแกะมือเค้าออก แล้วเอาผ้าที่ใส่น้ำแข็งวางบนมือเค้า

"ไม่มีอะไรนี่ ประคบน้ำแข็งไง!!!! อ่ะ คุณประคบต่อนะ ทำแบบนี้ต่ออีกสักครึ่งชม.  แล้วก็นอนเถอะ ผมจะกลับแระ"

ไม่มีเสียงตอบอะไรจากอีกฝ่าย ผมแอบขำ...

"ไปนะ คุณหลี่อี้เฟิง ไว้ผมจะมาดูใหม่ มา follow up นะครับ" แล้วผมก็ลุกขึ้น ออกจากประตูห้องไป...



                         ...โปรดติดตามตอนต่อไป...





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น