วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

วุ่นนัก...ที่รักผมเป็นหมอ(ฟัน) บทที่ 5

เฉินเหว่ยถิง = หมอเฉินเหว่ยถิง เป็นหมอฟัน เจ้าของคลินิกแห่งหนึ่งในเซี่ยงไฮ้ ชื่อ “ถิงหยาฉือ”
                    อุปนิสัย-เงียบ สงบ เย็น ภูมิฐาน เป็นงานเป็นการ ความรู้แน่น  แต่บางทีก็สามารถขี้เล่นขึ้นมาได้
หลี่อี้เฟิง = ดาราดาวรุ่งสุดฮอตแห่งวงการ ถ่ายละครและหนัง คิวแน่นไม่หยุดหย่อน 
                   อุปนิสัย-ร่าเริง กินเก่ง ชอบกินขนม ของหวาน ลูกอม เค้ก ไอติม แต่กลัวเลือดมากที่สุด

บทที่ 5 "Alcohol"

            "ผมชอบคุณ คุณหมอฟันของผม" ผมบอกได้เพียงแค่นี้ กระซิบกับหัวใจตัวเอง ผมไม่รู้ว่าเค้าคิดยังไงกับผมกันแน่ บางทีก็ดูเป็นห่วง ปกป้องและเหมือนอยากเข้าใกล้ผม แต่บางทีก็ทำเหมือนแค่เล่นสนุก ไม่ได้คิดอะไร 

           ผมยังคงนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ไฟในห้องยังไม่ได้ถูกเปิด ผมเอามือจับที่ริมฝีปากตัวเอง หมอจูบผม มันเป็นเรื่องจริง ปกติผมก็จูบกับนางเอกในซีรี่ส์ประจำ แต่ผมไม่เคยถูกผู้ชายจูบแบบนี้ มันทำให้ผมรู้สึกถึงความหวานที่แผ่ซ่านมา ผมไม่ค่อยเข้าใจตัวเอง สักเท่าไหร่ ผมรู้แค่ว่า ชอบรสจูบและการสัมผัสจากเค้าทุกอย่าง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า หลี่อี้เฟิงคนนี้จะเป็นไปได้ขนาดนี้....

          

           สามวันแล้ว ที่ผมต้องทนซ้อมบทกับผกก.ที่ออกแนวโรคจิตคนนี้ เวลานักแสดงคนอื่นอยู่เค้าก็ไม่ได้มีอะไรหรอกครับ แต่พอเวลาสบโอกาส ที่ผมอยู่กับเค้าสองคนเท่านั้นแหละ เค้าเป็นต้องพยายามจะเข้ามายุ่งกับผม เอามือมาสัมผัสตัวผม บางอย่างมันมากไปจนทำให้ผมรู้สึกขยะแขยงมาก จริงเหมือนที่หมอถิงเตือนสินะ!!!...

           สามวันแล้วที่ผมไม่ยอมตอบข้อความหมอ...เค้าส่งข้อความมาถามอาการ และบอกให้ทานยาแก้อักเสบในทุกมื้ออาหาร แต่ผมไม่ตอบกลับ...T T


 ทำไมหน่ะเหรอครับ ผมและเค้า ควรหยุดความสัมพันธ์ไว้แค่นี้...ผมไม่อยากให้เค้าต้องมาเดือดร้อนด้วย ถ้าผมคิดกับเค้ามากไปกว่านี้ ไม่รู้ว่าเราต้องเจอกับอะไรบ้าง นี่ผมเป็นนางเอกหนังเกาหลีรึไงนะ...เฮ้อ!!! แถมตอนนี้ผมคิดว่าหมออาจจะแค่เห็นผมเป็นเรื่องสนุกของเค้า ได้แกล้ง ได้เอาชนะและแปลกใหม่...หลี่อี้เฟิงคนร่าเริง ช่วงนี้แปลกไปจนเจ๊เฉินคงสังเกตได้ เลยต้องถามออกมา

"อี้เฟิง เป็นอะไรรึเปล่า ไม่สบายตรงไหนมั้ย อีก 2 วันก็ต้องไปตัดไหมแล้ว แผลก็น่าจะเกือบหายแล้วนี่ ถ้ามีอะไร เราไปให้หมอดูก่อนมั้ย 

ทำไมดูซึมๆแล้ววันนี้ก็โดนผกก.บ้าอำนาจนั่นว่าอีก ก็อย่าไปคิดอะไรมากนะ!!!
งานถ่ายที่นี่ก็เกินครึ่งเรื่องแล้ว อดทนอีกหน่อย ก็จะเสร็จแล้ว ส่วนเรื่องที่เล่าให้พี่ฟัง ก็ไม่ต้องห่วง พี่จะพยายามบอกบริษัทให้ แต่ไม่อยากให้มีปัญหากันระหว่างถ่าย ไม่งั้นจะเสียงานกันซะเปล่าๆ"

"ครับ เจ๊ ผมเข้าใจ ผมก็มืออาชีพนะ ไม่ได้เพิ่งเป็นดารา ผมรู้ว่าเราควรทำอะไรบ้าง แต่ช่วงนี้ผมขออยู่คนเดียวเงียบๆนะ ไม่อยากยุ่งกับใคร แล้วเจ๊คอยกันผกก.ออกห่างผมด้วยละกัน"

ตอนนี้ผมนั่งท่องบทที่จะถ่ายฉากกลางคืนอยู่ครับ วันนี้กว่าจะได้กลับคงดึกมาก...

ตอนนี้เย็นแล้ว ผมก้มมองโทรศัพท์ ข้อความจากคนที่ผมคิดถึงยังคงถูกส่งมา...เมื่อไหร่เค้าจะเข้าใจนะ ว่าไม่ควรมีอะไรมากไปกว่า ดารากับหมอฟันที่บังเอิญไปรักษาที่คลินิกก็แค่นั้น...

"อย่าลืมกินยามื้อสุดท้ายนะ หมดมื้อนี้ ยาก็หมดแล้ว ผมควรทำไงดี
 คุณยุ่งมากเหรอ ทำไมถึงไม่ตอบข้อความผมมาบ้าง...
รู้แบบนี้ไม่ให้หายก็ดีสิ...ผมอยากเจอคุณ ไปหาได้ไหม อยู่ไหน"

                                               หมอฟันของคุณ

คำลงท้าย ทำให้ผมรู้สึกเศร้า ผมก็อยากเจอเค้า อยากเป็นคนไข้ให้เค้าดูแล แต่ผมต้องห้ามใจเอาไว้ ตอนนี้ต้องตั้งสมาธิในการทำงานก่อน ฉากคืนนี้ก็ยากซะด้วย ต้องส่งอารมณ์กับนางเอก ผมต้องผ่านมันไปให้ได้ โดยที่ไม่ให้ผกก.มาว่าผมได้ 


              "คัท!!!! เอาล่ะ คืนนี้พอแค่นี้ ดีมาก อืม ผลจากการที่ผมดูแลคุณ เป็นไงล่ะ อี้เฟิง ที่ผ่านมาได้เนี่ยะ เพราะผมซ้อมให้คุณตั้งหลายรอบ ไปๆๆ วันนี้ผมเลี้ยงเหล้าเอง เจ๊เฉินก็ไปด้วยกันนะ ผมเลี้ยงๆๆ" 

เจ๊เฉินไม่รู้จะปฏิเสธยังไง สุดท้าย ก็มีผม ผกก. เจ๊เฉิน แล้วก็พวกช่างไฟ กับตัวประกอบอีก 2-3 คน ไปร้านอาหารกึ่งภัตตาคาร ค่อนข้างหรูพอควร ไม่ห่างจากกองถ่ายมากนัก...

"ผกก.ครับ ผมไม่ไปได้ไหม ผมไม่อยากให้นักข่าวมาเจอ"

"อะไรกันอี้เฟิง ถ้านักข่าวมาเจอก็ดีสิ เราไปกันหลายคน เค้าก็ต้องเห็นว่ากองเรารักสามัคคีกันดี คุณมากับผกก.ใหญ่นะ จะกลัวอะไร???"

มากะอีตาผกก.ลามกนี่แหละ น่ากลัวที่สุด!!! ผมเลยไปกระซิบเจ๊เฉินว่าให้คอยดูผกก.ให้ดี อย่าให้มายุ่งกับผม เพราะเจ๊บอกผมว่า มันจะไม่ค่อยดีถ้าเราปฏิเสธผกก.ไป ทั้งๆที่เค้าพูดแบบนี้


พอมาถึงที่ร้าน สถานการณ์ไม่เป็นอย่างที่ใจผมคิด...

 ร้านนี้มีห้องแยกเป็นห้องส่วนตัวแยกๆกันไป สามารถนั่งได้เกือบ 10 คนต่อห้อง ร้านเป็นแนวสไตล์ญี่ปุ่น นั่งพื้น มีเบาะรอง ผมถูกจัดนั่งใกล้ผกก.

เหมือนกับพวกตัวประกอบนั่นจะรู้กัน เจ๊เฉินถูกกันให้ห่างออกจากผม แต่ว่าก็ยังดีที่อยู่กันหลายคน เราก็กินอาหารกันไป ผมจิบๆเหล้าเข้าไปเล็กน้อย ตามที่ผกก.พยายามคะยั้นคะยอ...

แต่ทำไม ผมรู้สึกมึนหัวมากก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน...ผมมองนาฬิกาที่ผนังร้าน ตอนนี้เกือบเที่ยงคืนแล้ว ผมอยากกลับ ส่วนเจ๊เฉินนั่นเมาแทบหลับไปแล้วครับ ผมเลยคิดว่าคงต้องเอาตัวรอดก่อน

"ผกก.ครับผมไม่ค่อยสบาย ขอกลับก่อนนะครับ" 


"อารายกัน อี้เฟิง  ผมว่าคุณก็ดูสบายดีนี่นา มาๆๆ ดื่มเป็นเพื่อนผมอีกหน่อยนะ ดูสิ คนอื่นๆนี่ไม่ไหว คออ่อนกันมาก ผจก.คุณก็เหลือเกิน แล้วใครจะพาคุณกลับที่พักล่ะ" ผกก.พูดด้วยเสียงที่เมาๆ กลิ่นเหล้าเริ่มทำให้ผมเวียนหัว ผมกินเหล้าได้นะ แต่ก็ไม่ได้มาก...จริงๆวันนี้ก็ไม่ได้มากอะไร แต่ทำไมรู้สึกว่าแรงมาก

ผกก.เริ่มเอามือมาวางแปะที่หน้าขาผม...ตัวเค้าเริ่มขยับเข้ามาใกล้ 

ผมเห็นท่าไม่ดีแล้ว เลยลุกขึ้น... แต่ไม่รู้ทำไม วันนี้มันรู้สึกมึนมากๆๆ มากจนผิดปกติ ผมเซลงมานั่งอีกครั้ง ผกก.นั่นเข้ามากอดผมไว้ เอาหน้ามาซุกกับหน้าอกผม...

"อย่าเพิ่งไปสิ อี้เฟิง อยู่ด้วยกันก่อน ไม่อย่างนั้นจะฟ้องต้นสังกัดเลยนะ" เสียงเค้าอู้อี้เพราะความเมาและใบหน้าที่กดอยู่กับตัวผม

ผมดิ้นขยับไปมา ยิ่งทำให้ผมมึนหัวเข้าไปใหญ่...

"ผมไม่ไหวแล้วครับ ขอกลับก่อน ฝากดูเจ๊เฉินด้วยนะครับ" ผมอาศัยจังหวะที่ผกก.เริ่มคลายมือออก ลุกขึ้นและพยายามหาทางออกจากร้าน 

ผมเวียนหัวครับ เดินเซๆๆไปเกาะที่ประตูทางออก...



ตอนนั้นเอง ก็มีคนมาเกาะที่หลังผม!!!




"ไม่ๆๆ อี้เฟิง นายไปไม่ได้ ชั้นบอกนายแล้วไง ว่าถ้านายออกไป ชั้นจะแจ้งต้นสังกัด"


ผมมองไปรอบๆ ดีนะว่าในร้านตอนนี้เริ่มไม่ค่อยมีคนแล้ว และดูเหมือนเจ้าของร้านจะเป็นใจกับผกก.นี่ ถึงไม่มีใครมายุ่งกับผมเลย

"ไม่ได้ครับผกก. ผมปวดหัวมากแล้ว ขอตัวก่อนละกันครับ"

ผมพยายามดิ้นสุดชีวิต แต่ผกก.นี่มือเป็นตุ๊กแกเลยครับ กอดก่ายผม พยายามจะเอามือมาจับจุดนั้นของผม...

ตัวเค้ากับผมก็พอๆกัน แต่เค้าอ้วนกว่าผมอีก เลยมีน้ำหนักตัวกดลงมามาก ผมเลยยังไม่สามารถจะหลุดออกมาได้


ทันใดนั้น...ก็มีมือใหญ่มาผลักผกก.ล้มลงไป พร้อมกับฉุดข้อมือผมออกมาด้วยสภาพที่เสื้อเริ่มหลุดออกจากกางเกงเนื่องจากการดิ้นรนเมื่อกี้ เค้าพาผมลัดเข้าไปในซอยเล็กๆหลังร้าน ผมวิ่งตามเค้าไปแบบงงๆ จนคนตัวใหญ่หยุด ผมจึงไปชนแผ่นหลังเค้าจังเบ่อเริ่ม...ผมจำกลิ่นนี้ได้ กลิ่นน้ำหอมจางๆนี่ ที่ผมชอบ ผมอยากจะซุกหน้าไว้ตรงนี้จริงๆนะ...


เค้าหันหน้ามา พร้อมกับดึงรั้งผมไปกอดไว้...


"นี่คุณดาราครับ อยากถูกผกก.ปล้ำหรือยังไง ถึงได้ยอมมากับเค้า??? แล้วใครใช้ให้คุณดื่มแอลกอฮอล์ คุณยังไม่ได้ตัดไหมเลยนะครับ ทำไมไม่เชื่อฟังหมอ"


ตอนนี้ผมปวดหัวมาก ผมรู้ตัวเองดีว่าคิดถึงคนตรงหน้ามากขนาดไหน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรได้ นอกจาก...

"ผมขอโทษ" ผมพูดด้วยเสียงแผ่วเบา...

"คุณนี่นะ เป็นดาราประสาอะไร ไม่ดูแลตัวเอง แถมยังปล่อยเนื้อปล่อยตัว ขนาดนี้ ฮะ!!! อยากให้ผกก.นั่นมากินคุณหรือไง!!!" เค้าเสียงดังมาก จนผมรู้สึกตัว แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะไปโต้เถียงด้วย...

ผมได้แต่ซุกหน้าอยู่กับแผงอกแข็งแรงนั่นต่อไป แรงกระเพื่อมจากการหายใจและความถี่เหมือนจะแรงขึ้นด้วยความโมโห!!!


"ถ้าผมไม่ตามไปที่กองถ่ายก่อน ป่านนี้คุณเสร็จผกก.นั่นไปแล้วล่ะ เค้าวางยาคุณ รู้ไว้ซะ...อาการแบบนี้ เชื่อหมอได้เลย คุณนี่น้า...ชอบทำให้ผมเป็นห่วง"


เค้าพูดจริงเหรอ??? เค้าเป็นห่วงผม...แต่ตอนนี้ผมมึนหัวและรู้สึกผะอืดผะอม ผม...ผม...อยาก....อ้วกกกกกกกก 

"แหวะะะะะะะะะะะะะะะะ" เอ้า!!! ผมอ้วกใส่เสื้อเค้าเลย...



"เฮ้ย!!!! อะไรของคุณเนี่ยะ โอ้โห+++ แล้วจะทำไงกันล่ะ ดูสิเนี่ยะ เสื้อตัวโปรดผม อี๋ๆๆ"

"ผมขอโทษ" ผมพูดคำเดิม เหมือนเริ่มจะรู้สึกตัวมากขึ้น แต่ว่ายังมึนหัวอยู่ ผมเลยเซๆไป เค้าจับมือผมไว้ แล้วลากเดินไป...

"ตามผมมาเลย เรามีเรื่องต้องจัดการกันอีก คุณต้องรับผิดชอบที่ทำเสื้อผมเลอะเทอะแบบนี้" เค้าพาผมไปขึ้นรถเค้า

พออยู่ในรถ เค้าถอดเสื้อตัวเองออกแล้วโยนไปที่เบาะหลัง เหลือแต่เสื้อกล้ามสีขาวด้านใน เปิดเผยให้เห็นกล้ามเนื้อทั้งหมดที่ดูแข็งแรงชัดเจนยิ่งขึ้น...เค้าหยิบกระดาษทิชชู่ในรถมาเช็ดตัวเอง แล้วหยิบมาเช็ดที่ปากและหน้าผม   


ผมสบตาเค้า แล้วมอง แต่ไม่พูดอะไร... 

"คุณดาราครับ อย่าทำหน้าแบบนี้ หน้าคุณตอนนี้มันกำลังยั่วผมอีกแล้ว เข้าใจมั้ย???"

ผมเปล่านะ ผมแค่อยากมองเฉยๆ แต่ตอนนี้หน้าผมมันร้อนมาก...สักพัก ใบหน้าคนตรงข้ามกำลังเข้ามาใกล้ ผมรีบผลักเค้าออกไป

"อย่า!!! เดี๋ยวนักข่าวมาเห็น" ผมพูดไปด้วยเสียงแผ่วเบา เพราะหมดแรงจะทำอะไรแล้ว

"ทีแบบนี้กลัวนักข่าว อีตอนอยู่กับผกก.อ้วนบ้ากามนั่นในร้าน คุณไม่กลัว...ผมล่ะเชื่อคุณจริงๆ ใครจะถ่ายก็ถ่ายไปสิ ผมไม่เห็นจะสน!!!"

คราวนี้เค้าเอาปากประกบปากผม สองมือจับที่หน้าผมเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหน แต่ผมก็ไม่คิดหนีอยู่แล้วแหละ ในเมื่อผมคิดถึงรสจูบนี้ใจจะขาด...

เค้าเอาลิ้นเข้ามาตวัดกวาดไปทั่ว เพื่อรับรสแอลกอฮอล์ที่ยังคงเหลือในปากผม อาจจะออกเปรี้ยวๆบ้างนิดหน่อยซะด้วยซ้ำ รสชาติแปลกพิลึกผสมปนเป แต่ดูเหมือนเค้าจะกระหายมากกว่าผมอีก ลิ้นผมและเค้าสัมผัส นัวเนียกันอยู่ในปากเหมือนโหยหากันมานาน...นี่ผมก็คิดถึงเค้ามากขนาดนี้เลยเหรอ!!!


สุดท้ายเค้าขบริมฝีปากล่างผมและพูด
"อืมมมมมม..."

พอเค้าถอนปากออกแล้วมองตาผมเหมือนมีคำถาม...

"ทำไมคุณไม่ตอบข้อความ!!!" นำ้เสียงเปลี่ยนเป็นคาดคั้นผม ในขณะที่ใบหน้าหล่อนั่นอยู่ห่างผมแค่คืบ

"คุณกลับบ้านไปเถอะ ผมกลับเองได้" ผมพูดและเบือนหน้าออกไปมองหน้าต่างด้านข้าง เมื่อเริ่มได้สติ 

"สภาพนี้ยังจะพูดแบบนี้อีกนะ!!!"
คราวนี้สีหน้าคนตรงข้ามเปลี่ยนเป็นโมโหทันที แล้วเร่งเครื่องสตาร์ทรถออกไปด้วยความเร็ว...



                                 ...โปรดติดตามตอนต่อไป...































































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น