Love me =>if you dare
บทที่ 1 Château de Versailles ชาโต เดอ แวร์ซาย (พระราชวังแวร์ซาย)
ผมยังคงตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้า ยังจำได้ใช่มั้ยครับ ผม"หลี่อี้เฟิง" รับนำเที่ยวให้กับคนจีนที่มาเที่ยวกรุงปารีสแบบส่วนตัว เพื่อหารายได้พิเศษเสริมครับ ตอนนี้ผมยังนั่งประจันหน้ากับคนตัวใหญ่ที่ดูทะเล้นๆ และเอาแต่ใจคนนี้ เขาคือจูบแรกของผม "เฉินเหว่ยถิง"ครับ
"คุณอี้เฟิง ว่าไง ได้ยินที่ผมพูดมั้ย ตกลงเราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่าครับ ผมคุ้นๆแต่จำไม่ค่อยได้" คนตรงหน้ายังคงถามต่อไป
"เอ่อ...เอ่อ ผมก็ไม่แน่ใจนะครับ เอาเป็นว่าคุณพอจะบอกโปรแกรมคร่าวๆ หรือสถานที่ๆอยากไปได้มั้ยครับ ผมจะได้จัดโปรแกรมให้ถูก" ผมถามเพราะไม่อยากให้เขาจ้องหน้าผมไปเรื่อยๆแบบนั้น ตอนนี้ใจผมมันเต้นแรงขึ้นจริงๆนะครับ
"อ่อ ก่อนจะพูดเรื่องโปรแกรม ผมได้ตกลงเรื่องค่าจ้างของคุณไว้กับคุณซาแมนธาแล้วนะครับ แล้วก็พรุ่งนี้อย่าลืมเอาเสื้อผ้ามาด้วยล่ะ แต่จริงๆก็ไม่เป็นไร ผมมีเยอะแยะ คุณจะใส่ของผมบ้างก็ได้นะ หรือถ้าไม่ชอบ ไว้วันไหนเราไปเดินช็องเซลิเซ่ก็แล้วกัน"
"คือยังไงครับ ผมไม่เข้าใจ ป้าซาแมนธาบอกแค่ว่าให้มาคุยกับคุณวันนี้ และพอดีกับช่วงนี้ผมเหลือวิชาเรียนไม่มาก สลับตารางได้ เลยจัดให้ว่างในวันที่คุณมาได้พอดี คุณจะให้ผมเอาเสื้อผ้ามาทำไมครับ"
"ผมบอกแล้วนะ ว่าผมหน่ะเอาแต่ใจ คือจากนี้ผมยังไม่แน่ใจเลยว่าวันไหนจะทำอะไร รวมทั้งยังไม่รู้จะไปไหนบ้าง ดังนั้นคุณต้องมาพักกับผม ต้าหลุนก็ต้องไปๆมาๆ พบลูกค้าและนัดลูกค้าให้ผมด้วย ว่างบ้างไม่ว่างบ้าง แถมทั่วทั้งปารีสนี่ผมก็ไม่รู้จักใคร คุยกับใครก็ได้แค่ภาษาอังกฤษ ผมเลยอยากให้คุณมาพักด้วยกัน ห้องก็ยังมีเหลืออีกห้องพอดี ไม่ดีเหรอคุณอี้เฟิง อยู่ฟรีเลยน้า"
"เอ่อ...ผมเดินไป เดินมาก็ได้นะครับ ที่พักก็ไม่ได้ไกลมาก" ผมตอบออกไปเพราะไม่รู้จะทำยังไง ผมไม่อยากมาอยู่ร่วมกับเค้า ก็ผมกลัวเค้านี่นา>>>>
"เอ๊ะ!!! คุณนี่แค่วันแรกก็ขัดใจผมแล้วนะ งั้นคุณก็กลับไปบอกคุณป้าซาแมนธาของคุณเลยละกันว่าผมขอเงินที่จ่ายไปคืนทั้งหมด ดูสิว่าป้ากะลุงเจ้าของบ้านคุณจะว่ายังไง? 55555" เขาพูดแล้วก็หัวเราะเสียงดังเหมือนไม่ได้หงุดหงิดนะ แต่ดูสะใจเสียด้วยซ้ำไป นี่มันบ้าไปแล้ว!!!
"นี่เราเคยชอบคนแบบนี้ได้ยังไงเนี่ยะ" ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง
"อะไรกันคุณ พูดอะไรก็พูดดังๆสิ ตกลงตามนั้นนะ อ้อ วันอื่นผมยังคิดไม่ออก แต่ที่ๆผมอยากไปพรุ่งนี้คือ พระราชวังแวร์ซาย อยากจะไปดูว่าเค้าสร้างยังไง สวยและใหญ่แค่ไหน เผื่อจะเอาแบบกลับไปสร้างบ้าง 5555"
"นี่บ้ารึเปล่า จะสร้างบ้านตัวเองเป็นแบบแวซายส์ นี่ต้องไม่ปกติแน่ๆ" ผมยังคงพึมพำต่อไป
"เอ้ คุณนี่ ผมบอกแล้วว่าให้พูดดังๆ ไม่เข้าใจรึไงนะ ตัวก็เล็กยังทำเสียงงุ้งงิ้งอีก ผมจะได้ยินมั้ยล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจ้างรถไว้แล้วตอนเช้าคุณก็เอาเสื้อผ้ามาแล้วมาเจอผมที่ล็อบบี้ข้างล่าง ต้าหลุนคงไปด้วย เพราะผมจะให้ช่วยดูรายละเอียด ตามนั้นนะ กี่โมงดีล่ะคุณอี้เฟิง"
"สัก 8 โมงก็ได้ครับ ถ้าจะไปแวซายส์จากที่นี่ต้องนั่งรถไปอีกเป็นชม. ผมจะได้จองตั๋วเข้าไว้ให้ก่อน รวมผมก็ 3 คนนะครับ" อีตานี่ วันแรกก็จะไปไกลเลยนะ เอาแต่ใจชะมัด แถมยังต้องมานอนที่นี่อีก เฮ้อ!!!จะบ้าตาย
"ได้ๆ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย คุณก็ไปเบิกที่ป้าซาแมนธาได้เลยนะ แต่ระหว่างที่คุณพาเที่ยวจำไว้ ผมออกเองโอเคนะ พรุ่งนี้เจอกัน ว้าวๆๆ ผมตื่นเต้นมาก ไปมาก็หลายที่นะ แต่ไม่ค่อยได้เที่ยว นี่จะเป็นครั้งแรกที่ผมจะได้มาเที่ยวจริงๆซะที" คนตัวใหญ่ตรงหน้าผมตอนนี้ หน้าตาดีใจเหมือนเด็กเลยแหละครับ เค้าคงไม่ได้ไปเที่ยวไหนมานานจริงๆ นี่อย่าบอกนะ ว่าจะให้ผมพาไปดิสนี่ย์แลนด์ด้วย โอ้ยๆๆ จะบ้าตาย!!!
เช้าวันต่อมา ผมก็แบกกระเป๋าใบใหญ่มา ช่วยไม่ได้ ผมไม่ใส่ของเขาหรอก เสื้อผ้าผมก็มีเยอะนะ ผม"หลี่อี้เฟิง" นักเรียนปีสุดท้ายของมหาวิทยาลัยที่เป็นหนึ่งด้านแฟชั่น จะน้อยกว่านี้ได้ยังไง...
อ้อ!!! ผมลืมบอก ก็ผมเรียนการออกแบบและแฟชั่นดีไซน์ ลงเรียนการแสดงบ้างบางครั้ง ช่วยไม่ได้ ชอบมีคนจากเอกการแสดงมาจับผมไปแสดงด้วย ทุกคนชอบบอกว่าหน้าผมหวาน ตาโต ตัวเล็กและสวยเหมือนผู้หญิง แล้วก็จับผมไปเล่นเป็นนางเอกทุกทีเลย.....
"โอ้โฮ!!! คุณ จะแบกอะไรมานักหนา บอกแล้วว่าเสื้อผ้าผมก็เยอะแยะ ตัวคุณก็ไม่ได้ใหญ่ จะใส่อะไรมากมาย" วันนี้พี่ถิงแต่งตัวสบายๆอีกแล้ว เขาเป็นคนที่ใส่เสื้อผ้าอะไรก็ดูเท่ห์ไปหมดสิ
"เอาเถอะครับ ให้ผมเอาของไปเก็บเลยมั้ย" ผมถามก่อนที่คนชอบออกคำสั่งตรงหน้าจะบอกว่าไม่ต้อง เดี๋ยวจะมีคนมาเอาไปเก็บให้ คนรวยนี่สบายจริงๆเลยนะ
"ไปกันเถอะ ผมอยากเที่ยวจะแย่แระ" คนตัวใหญ่ตาเป็นประกาย เห็นได้ชัดว่าอยากไปมาก
ระหว่างทางที่นั่งรถกันไป ผมคงต้องทำงานให้คุ้มค่าจ้างแหละล่ะครับ จึงพูดออกไปว่า
"ถ้างั้นผมขอเล่าเรื่องเกี่ยวกับแวร์ซายให้คุณฟังก่อนก็แล้วกันนะครับ"
"นี่คุณอี้เฟิง คุณไม่ต้องเรียกผมว่าคุณทุกคำได้มั้ย ผมอยากมาแบบสบายๆ กันเอง เรียกผมว่าพี่ถิงก็แล้วกัน ใครที่สนิทกับผมก็เรียกแบบนี้ทั้งนั้น" คนชอบสั่งก็มาเรื่องเยอะอีกแล้ว กับอีแค่คำเรียก
"ผมเรียกว่าคุณก็ดีอยู่แล้วหนิครับ เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น"ผมแย้งไป
"เอาน่า สักพักก็สนิทกันเองแหละ ผมรู้สึกถูกชะตา มันคุ้นๆสายตาแบบนี้ที่ไหนไม่แน่ใจ งั้นเอาเป็นว่าผมเป็นพี่ถิงของคุณ ส่วนคุณก็เป็นน้องเฟิงของผมก็แล้วกัน แบบนี้นะ จะได้เที่ยวกันแบบสนุกสนาน 555"
คนเอาแต่ใจตรงหน้าหัวเราะอีกแล้ว เสียงเวลาเขาหัวเราะมีความสุขผมชอบมาก แต่อร๊าย!!!ผมเป็นน้องเฟิงของเขาไปแล้ว ผมว่ามันขนลุกแปลกๆนะ แต่ช่วยไม่ได้ นายนี่ก็พูดถูก หลักการของการท่องเที่ยวคือ คนในทริปควรสนิทกันไว้ ผมยึดถือมาเสมอ แล้วผมก็ต้องเที่ยวกับเขาอีกตั้งหลายวัน
"ครับพี่ถิง งั้นผมจะเล่าให้ฟังก่อน ชาโต เดอ แวร์ซาย มาจากคำว่า...ชาโตคือสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ อย่างเช่น วัง ซึ่งอยู่ในเขตแวร์ซายเป็นเมืองที่อยู่ขอบๆกรุงปารีส เมืองนี้เป็นเมืองชนบท เล็กๆน่ารัก โดยที่พระราชวังแวร์ซาย ตอนนี้ได้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกแล้วด้วย" ผมเล่าไปพร้อมมองคนข้างๆเขาดูตั้งใจฟังมาก ส่วนต้าหลุนที่นั่งข้างหน้าก็จดๆๆอะไรไม่รู้ตลอดเวลา ดูเหมือนจะคอยเก็บข้อมูลทุกอย่าง
ผมเล่าประวัติคร่าวๆ พร้อมกับชี้ให้ดูตามเส้นทางที่ผ่าน วันนี้อากาศดีมากๆ ฟ้าเปิดและมีทุ่งหญ้ากับบ้านข้างทาง มองไปแล้วสวยงามจริงๆ พี่ถิงดูสงบและมีความสุข เขายิ้มและหัวเราะเมื่อผมเล่าเรื่องวีรกรรมที่เคยผ่านมาแถวนี้ให้ฟัง จนกระทั่งเขาพูดขึ้น
"นี่เปิดหน้าต่างด้านนี้หน่อยได้มั้ย ฉันอยากรับลมหน่อย" กระจกด้านข้างตัวผมก็เปิดออก พี่ถิงยื่นหน้าผ่านหน้าผมไป ใกล้จมูกผมนิดเดียว
"นี่น้องเฟิง อีกไกลมั้ยกว่าจะถึง" เขาถามพร้อมหันหน้าที่ปะทะลมมาหาผม
"ไม่ไกลแล้วครับ สักพักจะถึงแล้ว" พอผมพูดจบ เขาก็หลับตาแล้วหันหน้าออกไป บอกว่า
"ผมไม่อยากไปไหนเลย ผมเหนื่อย ผมอยากอยู่แบบนี้จัง" ไม่น่าเชื่อนะครับ คนเอาแต่ใจแบบเขา พอเข้าโหมดน่าสงสาร ผมรู้สึกว่าเค้าน่าสงสารจริงๆ จนอยากจะเข้าไปกอด นี่ผมคิดอะไรเนี่ย!!!
ทันใดนั้น ผมยังไม่ทันได้พูดอะไร เขาเลื่อนหัวลงมานอนที่ตักผม เงยหน้ามาแล้วบอกว่า
"ปิดกระจกได้ น้องเฟิง ขอนอนหลับแป๊บนะ" แล้วเขาก็หลับตาลง เฮ้ยๆๆๆ พี่ครับ พี่จะมานอนอะไรตรงนี้
ตอนนี้ขาผมไม่กล้าขยับ อะไรกัน ดีนะว่าใกล้จะถึงแล้ว เขานอนอยู่ไม่นานก็ถึงหน้าพระราชวังแวซายส์พอดี>>>
พอคนขับรถบอก เค้าก็ขยับตัวบิดขี้เกียจไปมา จนแทบจะชนหน้าผม คนๆนี้ทำไมถึงได้ตัวใหญ่เกะกะไปหมดนะ ตัวอย่างกับลิงกอริลล่าแหนะ
พอเราลงจากรถไปก็พบคนเยอะตรงที่ซื้อตั๋วเข้า ดีนะที่ผมซื้อตั๋วล่วงหน้ามาแล้ว เราก็เลยไม่ต้องรอนาน ผมจึงเล่าต่อให้เขาฟังตอนเดินเข้าไป...
"ในพระราชวังแวร์ซาย ประกอบด้วย 3 ส่วนครับ คือส่วนตัววัง ส่วนที่เป็นสวน และส่วนหมู่บ้านของพระนางมารีอังตัวเน็ต ที่จะต้องเดินไปอีกเป็นชม. ผมคิดว่าเราอาจะเที่ยวได้แค่ 2 ส่วนคือตัววังกับสวนนี่แหละครับ ตอนนี้เราจะเข้าไปที่วังกันก่อนเลยนะครับ"
ระหว่างที่เดินเข้าไปผมจึงบรรยายต่อ"ภายในนี้บางส่วนเขาห้ามถ่ายรูปนะครับ เราจะไปชมส่วนที่เรียกว่าห้องกระจก เป็นท้องพระโรงขนาดใหญ่ เคยใช้สำหรับเซ็นต์สัญญาสงบศึกในสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วย"
"น้องเฟิง ชอบห้องไหนที่สุดในวังนี้เหรอ พี่อยากรู้"
"เอ่อ...ถ้าจะให้ตอบจริงๆก็คงเป็นห้องบรรทมของพระนางมารีอังตัวเน็ตนะ ผมว่ามันคลาสสิคดีครับ" ผมตอบแบบไม่ได้คิดมาก ผมชอบจริงๆนะ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน...
เดินมาถึงส่วนที่ถ่ายภาพไม่ได้แต่พี่ถิงก็สั่งต้าหลุน ขีดๆวาดๆ ดูแบบ โต๊ะ ตู้เตียง ในสมัยกระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ใช้ ดูเขาจะสนใจมากจริงๆ พอหมดส่วนวัง ก็ไปถึงส่วนที่เป็นสวน มันใหญ่มากครับ ยังไม่ทันเดินเพราะมันใกล้เที่ยงแล้ว ผมเลยบอกว่า เราควรกินอาหารกันแถวนี้ เพราะมีร้านอาหารหลากหลาย เป็นบรรยากาศในสวนด้วย
พี่ถิงให้ต้าหลุนไปจัดการสั่งอาหารกับผม ส่วนเค้านั่งอยู่ที่โต๊ะ แต่ยังไม่ทันไร เค้าก็นั่งจิบไวน์สบายอารมณ์ ตามสไตล์ฝรั่งเศสไปแล้วครับ ทีแบบนี้ล่ะเก่ง พอมาถึงที่โต๊ะ เขาชวนผมกินด้วย ผมเลยตอบว่า
"ผมดื่มไม่ได้ครับ มันจะตัวแดงๆและร้อนมาก ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่"
"โห น้องเฟิงเนี่ยะ มันอร่อยจะตาย บรรยากาศดีๆ สบายๆ แบบนี้จิบนิดหน่อยจะเป็นไร"
"ไม่เอาดีกว่าครับ" ดีนะว่าเขาไม่บังคับผม แต่พี่ถิงสิ กินคนเดียวเกือบหมดขวด ต้าหลุนแบ่งไปจิบนิดหน่อย แต่แปลกนะ ไวน์นี่ดูทำอะไรเค้าไม่ได้เลย เค้ายังคงเอร็ดอร่อยกับอาหารและชื่นชมบรรยากาศตรงหน้า รวมทั้งหัวเราะไม่หยุด
หลังจากอิ่มแล้ว เราจึงเดือนเที่ยวสวนกันต่อ ผมจึงเริ่มบรรยายต่อไป
"สวนด้านหลังนี้ค่อนข้างใหญ่ จุดไฮไลท์ใหญ่อยู่ที่นำ้พุดราก้อน ที่แปลว่ามังกรนั่นแหละครับ มันใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในวังนี้แล้ว ต้องเดินต่อไปข้างหน้าอีกหน่อย" อ้าว พี่ต้าหลุน ไหวมั้นครับ ทำไมทำหน้าเหนื่อยแบบนั้น"
"โอ้ย คุณถิงครับ ผมเดินไม่ไหวแล้ว จุกด้วย สงสัยเมื่อกี้กินเยอะไปหน่อย แฮะๆ ขอรอแถวนี้ก่อนได้มั้ยครับ"
"เอ้า อะไรกัน ตามใจแก งั้นรอนี่นะ เดี๋ยวเราก็ต้องเดินกลับมาทางนี้อยู่แล้ว ไปกันน้องเฟิง อยากเห็นน้ำพุมังกรนั่นแระ ว่าจะเป็นยังไง เอาไปตั้งที่บ้านได้มั้ยนะ 555" คนตัวใหญ่หัวเราะร่า เขาดูอารมณ์ดี และหน้าแดงนิดหน่อย อาจจะมีฤทธิ์ไวน์ปนอยู่ด้วยนะนั่น
พวกเราเลยเดินไปเรื่อยๆ ผ่านน้ำพุเล็กๆ และต้นไม้ที่ตกแต่งสวยงาม จนมาถึง น้ำพุดราก้อนจนได้ ตรงนี้มีคนไม่มากแล้ว เพราะส่วนใหญ่คงเดินมากันไม่ถึงมาก ที่นี่ค่อนข้างไกลพอควร และทางเดินที่ผ่านมาก็ค่อนข้างร้อน แต่แปลกนะ ตอนนี้จู่ๆก็แดดร่มเลย พี่ถิงเห็นเก้าอี้ขาวตัวยาวข้างต้นไม้ที่เงียบๆไม่มีคนเลย จึงนั่งลงเอามือพาดเก้าอี้อย่างสบาย
"มาๆ น้องเฟิง มานั่งนี่ก่อน พี่ขอดูน้ำพุชัดๆและพักสักครู่นะ" สงสัยจะเร่ิมเหนื่อยเหมือนกัน ผมเห็นว่าบรรยากาศกำลังสบายด้วยจึงนั่งลงข้างๆ เสร็จแล้วคนนั่งข้างๆก็ถามว่า
"บางทีพระเจ้าหลุยส์อาจจะเคยมานั่งชมน้ำพุแบบนี้ก็ได้นะ จริงมั้ย" พูดเสร็จเขาก็หันมายิ้ม
โอ้ยๆๆ พี่ครับอย่ายิ้มแบบนี้ เหมือนวังนี้มีแค่เราสองคน ผมเห็นหน้าแบบนี้แล้วใจเต้นแรงทุกที>>>>
"เอ่อ ก็อาจจะเป็นไปได้นะครับ เพราะตรงนี้ก็เก่าแก่มากสำหรับพระราชวังนี้" ผมตอบไปแบบอัตโนมัติ แต่คนตรงหน้าก็ยังไม่เลิกจ้องหน้าผม ตอนนี้ผมว่าแก้มพี่ถิงดูจะเป็นสีชมพูนิดๆนะ
"น้องเฟิง พี่ว่าพี่จำได้แล้วนะ" เขาไม่พูดต่อ เอาหน้ามาใกล้ผมขึ้นทุกที จนกระทั่ง...ปากของเราสัมผัสกัน เป็นอีกครั้งที่ผมใจแทบระเบิดออกมาข้างนอก จูบนี่เป็นของจริง!!! คนตรงหน้าจูบบดปากเขาเบาๆเข้ามาอีกเหมือนจะตอกย้ำความจำให้กับตัวเอง ผมเผลอจูบตอบไปด้วย แต่แล้วพี่ถิงจึงถอนปากออก
"นี่เรากล้ามากนะ กล้าไม่เปลี่ยนสินะ แถมยังกล้าที่ทำเหมือนจำพี่ไม่ได้ ปล่อยให้พี่ต้องเตือนความจำตัวเองในแวร์ซายเชียวนะ" โอ้ย ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อแล้ว นี่เค้ามีกล้องวงจรปิด เก็บภาพมั้ย จะมีตำรวจฝรั่งเศสหรือใครมาเห็นพวกเราหรือเปล่า ผมนี่อึ้งไปเลย!!!
"อ้าว!! เงียบ ตัวแข็งทื่อไปเลย 555555" เขาระเบิดหัวเราะอีกแล้ว ผมไม่รู้จะมุดหน้าไปไหนแล้วครับ
พระราชวังแวร์ซายอันกว้างใหญ่กลับไม่มีที่ให้ผมซ่อนความอายจากคนตรงหน้าเลยรึไงนะ....
โปรดติดตามตอนต่อไป...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น