…The land before time…
“ไม่ว่ามนุษย์หรือโลก ย่อมเปลี่ยนแปลงไปมาได้”
บทที่ 4 แม่เฒ่าตงสุ่ย
ณ ถ้ำริมแม่น้ำดินแดนเหอ
ตอนนี้เพิ่งจะเริ่มมีแสงอาทิตย์ลอดเข้ามาในถ้ำไม่มาก แต่คนตาสีฟ้าแต่งตัวอย่างรวดเร็ว พร้อมด้วยจิตใจที่ร้อนรน เขาไม่รู้ว่าถิงยื่อไปไหน ไม่รู้ว่าเหตุใดถิงยื่อถึงหายไป เขาตัดสินใจแล้วว่าจะออกไปตามหา เขากลัวว่าถิงยื่อจะมีอันตราย จึงรีบเดินออกมานอกถ้ำ
จากคำบอกเล่าจากแม่เขานั้น ดินแดนเหอ 3 ใน 4 ส่วนเป็นน้ำทั้งหมด มีพื้นดินไม่มาก ดังนั้นผู้คนส่วนใหญ่จึงอาศัยในเรือ การดำเนินชีวิตที่นี่เรียบง่าย จับปลาในแม่น้ำกินกันเป็นอาหาร ท่านไม่ได้กล่าวถึงดินแดนนี้มากนัก เพราะคนส่วนใหญ่ในดินแดนนี้เป็นคนที่ไม่โยกย้ายไปไหนเนื่องจากไม่ชินกับสภาพแวดล้อมในดินแดนอื่น
คนดินแดนนี้ชอบอยู่กับน้ำ แต่สิ่งสำคัญที่ท่านแม่พูดและเขารู้สึกแปลกใจว่ามันเป็นจริงหรือ คือดินแดนนี้ คนทุกคนจะเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ดั่งน้ำ เราจะไม่รู้เลยว่าเขาจะกลายเป็นใคร ถ้าหากไม่สังเกตจากสัญลักษณ์บนตัวที่มีแต่คนใกล้ชิดเท่านั้นถึงจะรู้
เขาเดินออกมาเจอแต่น้ำ มองไปทางไหนก็เป็นน้ำ เขาผู้เป็นองค์ชายแห่งดินเยว่ เกลียดน้ำจริงๆ เพราะเห็นทีไรมันจะทำให้เขารู้สึกหนาวขึ้นอีกทุกครั้ง แต่ไงก็ตามเพื่อตามหาคนที่เขาอยากอยู่ใกล้ๆมากที่สุดในตอนนี้ เขาจำเป็นต้องไปตามแม่น้ำสายนี้
แต่เดินมาได้สักพัก ยังไม่ทันไร เขาก็พบเข้ากับเรือลำหนึ่งที่จอดอยู่ เรือลำนี้เป็นเรือไม้ ขนาดไม่ใหญ่นัก หากแต่สภาพยังใหม่มาก เขาจึงคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะหาทางสอบถามคนที่อยู่ในเรือว่าเห็นถิงถิงของเขาหรือไม่ จึงกลั้นใจเดินผ่านน้ำที่ยังตื้นๆอยู่แค่เท้า เพื่อให้ถึงตัวเรือ
“เอ่อ ขอโทษนะ มีใครอยู่มั้ย ข้าขอสอบถามสักหน่อย” เฟิงเยว่กล่าวลอยๆไป หากแต่ก็ยังเงียบ จึงตะโกนให้เสียงดังขึ้นหวังให้มีเสียงตอบ แต่ยังไม่ทันจะจบประโยคอีกครั้ง เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะอันดังที่เขาคุ้นเคย
“5555 ท่านนี่ตลกนะ ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะคุยกับท่านได้นาน 2 นาน แค่เดินมาหาเสบียง” เสียงจากคนตัวใหญ่แข็งแรงแต่ทว่าไพเราะดังขึ้น
“ท่านก็พูดเกินไป ข้าแค่เล่าเรื่องของการเปลี่ยนร่างของข้าพร้อมเปลี่ยนเป็นหมูให้ท่านดูก็ขำไปใหญ่ ท่านอยากจะให้ข้าแสดงให้ดูอีกทีมั้ยล่ะ” เสียงที่เฟิงเยว่ไม่เคยคุ้นมาก่อนดังซ้อนขึ้นมา ทั้งสองคนคุยกันดูสนุกสนานและมีความสุข เขาทนไม่ได้ที่จะก้าวขึ้นไปบนเรือแล้วมองภาพตรงหน้า ซึ่งก็ไม่มีอะไรนอกจากหมูตัวนึงที่พูดได้และคนที่เหมือนลิงยักษ์ที่หน้าตาดูมีความสุข และดูไม่ได้เป็นห่วงเขาเลยสักนิด แว๊บนั้นตาสีฟ้าคู่นั้นก็กลับเป็นสีครามและเข้มขึ้นทุกทีๆ
ยังไม่ทันที่เฟิงเยว่จะก้าวลงจากเรือ ถิงยื่อหันมาเห็นพอดี ที่จริงแล้วเขากะจะมาหาของกินไปให้เฟิงเยว่และก็มาดูรอบๆซะหน่อยว่าเป็นยังไง แต่ดันมาเจอเข้ากับเรือ ทำให้เขาสนใจมากเพราะดินแดนยื่อ มีเรืออยู่แค่ไม่กี่ลำซึ่งดินแดนเหอส่งให้เป็นเครื่องบรรณาการ แล้วก็จอดอยู่ในสระจำลองที่ขุดขึ้นในวังยื่อ ไม่น่าสนใจเลยสักนิด
แต่นี่เป็นเรือจริงๆลอยน้ำได้และมีคนอยู่ แถมคนดินแดนเหอก็น่าสนใจและคุยสนุก เขาจึงฟังจนเพลิน เขาก็กะว่าอีกนิดเดียวจะกลับแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นเฟิงเยว่ไปได้ ทำไงดีๆๆ เขาจะต้องโกรธมากแน่ๆ ที่ถูกปล่อยไว้ในถ้ำคนเดียว ซวยแล้วเรา!!!
เขาคิดได้แค่นั้น ดังนั้นเขาจึงลนลาน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่คนตาฟ้าหันหลังกลับทำท่าจะลงจากเรือ เขาจึงรีบไปคว้าข้อมือเล็กๆไว้ พร้อมกับทำเสียงอ้อนว่า “เฟิงเฟิง เจ้ามาได้ยังไงหน่ะ ใจเย็นๆก่อนนะ มานี่มา ข้าจะแนะนำให้นะ นี่น้องเหย้าเหอ เค้าเป็นคนแถวนี้ นี่ๆ เจ้ามาลองชิมน้ำองุ่นนี่สิ อร่อยมากๆเลยล่ะ ข้าว่าถ้าเรากลับไปดินแดนยื่อ ข้าจะไปให้ท่านพ่อหาสูตรมาทำคงจะไม่ยากเกินไป”
บัดนี้เขาเห็นหมูสีชมพูตรงหน้า กลายเป็นผู้ชายตัวเล็กๆ ผิวขาวสะอาดสะอ้าน น่าเอ็นดูมากๆ แค่เห็นหน้าใจเขาเหมือนจะร้อนขึ้น ซึ่งเขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน ตามปกติคนหน้าตาน่าเอ็นดูขนาดนี้ เขาต้องนิยมชมชอบสิ
แต่นี่อะไรกัน เขารู้สึกไม่ชอบหน้าชะมัด อยากจะออกไปจากตรงนี้ แต่ตามมารยาทแล้ว เขาต้องอดทนไว้ก่อน แล้วอีกอย่าง เขาไม่อยากปล่อยถิงยื่อไว้กับคนๆนี้สองต่อสองอีก เขารู้สึกว่ามันแปลกๆ ไม่รู้สิ หรือเขาจะอคติเกินไป
“ท่านนี้คือ?” เหย้าเหอถามเพื่อทักทาย “ข้าชื่อเฟิงเยว่ เป็น เอ่อ..เป็นคนดินแดนเยว่ ข้าขอโทษที่เดินขึ้นเรือท่านมาโดยพลการ พอดีจะมาสอบถามหาคน แต่ว่าไม่ต้องแล้ว” เฟิงเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงแบบเรียบๆ ซึ่งถิงยื่อรู้สึกเย็นวาบที่หลังขึ้นมาทันที “อะไรกัน ข้าออกมาหาเสบียงให้เจ้านะ อีกประเดี๋ยวก็จะกลับไปแล้ว เจ้าไม่น่าออกมาเลย ยิ่งร่างกายยังไม่แข็งแรง”
“อ้าว ท่านเฟิงเยว่ไม่ค่อยสบายรึ งั้นท่านลองชิมน้ำองุ่นของข้าสิ ทำจากน้ำในแม่น้ำตงเหอนี่นะ เป็นน้ำที่ใสบริสุทธิ์สะอาดมาก จะช่วยทำให้ท่านรู้สึกดีขึ้น” เหย้าเหอกล่าวด้วยน้ำเสียงสดใส
“ไม่เป็นไรท่าน ระหว่างทางมานี่ ข้าได้ดื่มน้ำมาแล้ว ตอนนี้ไม่รู้สึกระหายใดๆ แล้วเมื่อคืน ข้าก็ได้หลับอย่างสบาย ตอนนี้หายดีแล้ว”พูดเสร็จเขาก็หันหน้าไปสบตาเจ้าลิงยักษ์ตรงหน้า แล้วสีหน้าเปลี่ยนเป็นแดงขึ้นมาในฉับพลันเมื่อรู้ว่าเขาพูดอะไรที่ทำให้เจ้าลิงยักษ์นั่นยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัยแบบนั้น
“อ้อ ใช่ ข้าลืมไป น้องเหย้าเหอ ว่าเมื่อคืนพวกเราผ่านการผจญภัยกันมามาก งั้นข้าไม่รบกวนล่ะ ขอตัวไปก่อน” ถิงยื่อคิดว่าเฟิงเยว่คงไม่รู้ว่าที่พูดออกมามันคิดได้หลายอย่าง เขาอดคิดถึงคืนอันน่าจดจำ ที่เจ้าแมวน้อยนี้อยู่ในอ้อมกอดเขาทั้งคืน พร้อมกับความน่ารักที่เชื่อฟังเขาแต่โดยดีทุกอย่าง แต่ตอนนี้สิ เขารู้สึกว่าจะทำยังไงต่อไปดี เจ้าแมวตัวนี้ตาเป็นสีเข้มใหญ่แล้ว ต้องรีบพาออกไปจากตรงนี้ก่อนจะดีกว่า
“อ้อ แล้วก็เรื่องที่ท่านถามนะ ถ้าท่านเดินเลาะริมน้ำไปเรื่อยๆ ไม่ไกลมาก ท่านก็จะเจอหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ที่สามารถจะเสาะหาคนที่ท่านต้องการพบได้ แต่ข้าบอกท่านก่อนว่า บางทีท่านอาจจะไม่ได้เจอนางก็เป็นได้” เหย้าเหอพูดด้วยใบหน้าที่ยังคงสดใสเหมือนเดิม
“ขอบคุณมากน้องเหย้าเหอ ไว้มีโอกาสข้าจะหาทางมาเยี่ยมและนั่งชิมน้ำองุ่นท่านใหม่นะ” ถิงยื่อไม่รู้ตัวเลยว่า ยิ่งพูด ยิ่งทำให้คนตาฟ้าตรงหน้าไม่พอใจมากยิ่งขึ้น เขาไม่รู้ว่าเขาทำอะไรให้ไม่พอใจอีก นอกจากที่ยังไม่ยอมกลับไปตอนเจ้าแมวตื่น
“ข้าลาล่ะ ขอบคุณท่านมากสำหรับไมตรี” เฟิงเยว่ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองโกรธมากแค่ไหน แต่เขาไม่พอใจ เขาไม่ชอบ เขารู้สึกแค่นี้ เมื่อเห็นว่าลาตามมารยาทเสร็จแล้ว เขาก็รีบก้าวเท้าลงจากเรือ แล้วเดินจ้ำอ้าวๆ ไปอย่างเร็วโดยไม่รอถิงยื่อที่กำลังโบกมือและรีบเดินตามมา
“เฟิงเฟิง เจ้าเป็นอะไร เจ้าโกรธข้าที่ข้าทิ้งเจ้าไว้คนเดียว ข้ารู้ แต่ว่าข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ อย่างที่เจ้าเห็น ข้ามาหาเสบียงให้เจ้า แล้วก็มาสืบข่าวด้วยว่าเราควรจะทำยังไงต่อไปและตอนนี้ข้าก็รู้แล้ว” ถิงยื่อคว้าข้อมือไว้พร้อมกล่าวง้ออย่างรวดเร็ว เขาไม่รู้จะทำอะไรดี นอกจากพูดความจริงทั้งหมด เขาไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ ทำไมคนตาฟ้าตรงหน้าเขาต้องทำตาเป็นสีครามน่ากลัวขนาดนี้ด้วย
“เจ้า....เจ้า ....เจ้าเห็นข้าเป็นอะไร เจ้าเห็นว่าเมื่อคืนข้าอ่อนแอ ข้าไม่มีแรงจะสู้เจ้าได้ ข้าต้องพ่ายแพ้ให้เจ้า เจ้าถึงได้ทำกับข้าแบบนั้น ทั้งๆที่ข้า......แล้วพอมายามรุ่งสาง เจ้าก็หายไป เจ้ารู้มั้ยว่าข้าตื่นมาแล้วไม่เห็นเจ้า ใจข้ารู้สึกยังไง ข้ากลัวมาก ข้ามันอ่อนแอ ข้ามันไม่ควรเลย ไม่ควรที่จะเชื่อเจ้า ไม่ควรที่จะยอมมอบทั้งตัวและหัวใจให้เจ้าแบบนั้น” พูดเสร็จ เค้าก็หันกลับแล้วก็พยายามจะออกแรงเดินไปให้มากที่สุด พร้อมปาดน้ำตา ที่มันไหลออกมาได้ยังไง เขาก็ยังไม่รู้
“เฟิงเฟิง เฟิงเฟิง” ถิงยื่ออึ้งไปนิดนึง เขารู้สึกได้เลยว่าคราวนี้เขาแย่มาก เขาไม่คิดว่าเจ้าแมวน้อยนี้จะมีความรู้สึกกับเขามากมายขนาดนี้ เขาจึงปล่อยให้เจ้าแมวลากไป แต่พอเขารู้สึกแบบนั้น เขาจึงมั่นใจว่าสิ่งที่เขามอบให้จะไม่เสียเปล่า เขาจริงใจกับเฟิงเยว่เสมอ แต่เมื่อเช้าเขาพลาดไปจริงๆ
“เฟิงเฟิง เจ้าฟังข้าก่อน เฟิงเฟิง เจ้าฟังข้าอธิบายก่อนสิ เฟิงเฟิง” เขาชักจะมีแรงฮึดและโมโหบ้าง นี่เจ้าแมวจะลากเขาไปถึงไหน ตรงนี้เวิ้งว้าง ไม่มีบ้าน ไม่มีผู้คน แต่เขารู้เส้นทางแล้วว่าจะเดินไปไหน เขาจึงดึงคนตรงหน้าให้กระเด้งกลับมาชนที่ตัวเขาทันที
“เจ้า เจ้า ปล่อยข้าเลย ถือว่าตัวใหญ่เป็นลิงยักษ์ แล้วจะมาบังคับข้า ทำแบบนี้ไม่ได้นะ เจ้าหน่ะ....อื้อ อื้อ อื้อ...” ไม่รอช้า ถิงยื่อเอามือจับแก้มอวบอูมนั่นไว้แล้วก็ประกบปากตัวเองเข้ากับปากที่พูดจาโต้เถียงกับเขาทันที แล้วบดขยี้อย่างรุนแรงแล้วค่อยๆลดลงอย่างช้าๆกลายเป็นอ่อนโยน
ในขณะที่อีกฝ่ายยังมีคราบน้ำตาอยู่ เขาจึงไล้ปากขึ้นไปแล้วดูดซับน้ำตาจากใบหน้าเนียนๆนั้นไปเรื่อยๆ บรรจงจูบเข้าที่เปลือกตาและไล่กลับลงมาที่ปากใหม่ เป็นช่วงเวลาที่จะไม่มีเสียงมาบ่นว่าเขาได้ เขารักเฟิงเยว่ เขาไม่ได้บังคับ และเขาคิดว่า เขาอยากแก้ไข และอยากขอโทษ แต่ต้องให้เจ้าแมวตัวดี หยุดฟังเขาก่อน
รสจูบที่หนักแน่นและสัมผัสที่ใบหน้าจากถิงยื่อทำให้เฟิงเยว่สงบได้ น่าแปลกที่ความโมโหต่อเหย้าเหอเมื่อกี้มันหายไปหมด ร่างกายสงบลงอีกแล้ว เฟิงเยว่รู้สึกว่าเขาชอบการจูบของถิงยื่อมาก เพราะมันช่างหอมหวานและทำให้ร่างกายเขาสบาย ทุกครั้งที่ได้จูบหรือสัมผัสกับคนๆนี้ ร่างกายเขาเหมือนได้อยู่สมดุล เขาจึงหยุดทุกอย่างไว้ตรงนี้
เมื่ออีกฝ่ายค่อยๆสงบลง ถิงยื่อจึงยอมที่จะถอนปากออกเพื่อพูดต่อ จริงๆเขาไม่อยากหยุดหรอกนะ แต่ไม่ได้ เพราะเขาต้องบอกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ “เฟิงเฟิง ข้ารักเจ้านะ รักเจ้าจริงๆ ไม่ใช่เพิ่งรัก ข้ารักตั้งแต่เห็นตาเจ้า เห็นตัวเจ้า และยิ่งเมื่อคืน ข้าไม่ได้อยากบังคับเจ้า เจ้าก็น่าจะรู้
ข้าเคยบอกแล้วว่าข้าจะไม่ยอมยกเจ้าให้ใคร เจ้าเข้าใจข้าบ้างมั้ย เจ้าไม่เคยบอกว่ารักข้าเลย ข้าคิดว่าข้ารู้ได้จากคำตอบเมื่อคืนแล้ว เจ้าอภัยให้ข้าได้มั้ย ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าอยู่คนเดียวอีกตลอดชีวิต”
คำพูดบอกรักต่างๆ ออกจากปากถิงยื่อไม่หยุด เฟิงเยว่รู้สึกซาบซึ้ง และไม่คิดว่าองค์ชายใหญ่แห่งดินแดนที่ปกครองดินแดนเหนือฟ้าทั้งหมด จะพูดกับเขาอย่างชัดเจนและหนักแน่นขนาดนี้ แต่ยังไงก็ตาม เขาก็ยังรู้สึกว่าเขาไม่คู่ควร เขาไม่มีค่าพอขนาดนั้น
แต่เขาอยากอยู่กับคนๆนี้ตลอดไปแน่นอน แต่เขาไม่กล้าที่จะบอกรักหรอก จึงตอบไปว่า “เอาเถอะ ข้าไม่ว่าอะไรท่านแล้ว เอาเป็นว่าคราวหลังจะทำอะไร จะไปไหนก็บอกให้ข้ารู้ด้วยนะแล้วก็ข้าไม่อยากให้เจ้าไปดื่มน้ำอะไร กับใครอีก เข้าใจมั้ย ข้าไม่ชอบ ก็แค่นั้น”
“555 นี่เจ้ากำลังหึงข้าล่ะสิ ได้ ข้าสัญญา ด้วยเกียรติขององค์ชายถิงถิง” เขาบอกพร้อมกับยิ้มให้อย่างทะเล้นอีกครั้ง หน้าแบบนี้แหละที่ทำให้เขารัก เฟิงเยว่คิดในใจ แล้วบอกไปเบาๆว่า “ถิงถิง ข้าขอบใจเจ้าที่รักข้า” ถิงเยว่ตกใจมาก เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเฟิงเยว่เรียกตัวเองแบบนั้น
“อะไรนะ ข้าได้ยินไม่ชัด เจ้าเรียกข้าว่าถิงถิงใช่มั้ย เจ้าเรียกแบบนี้ตลอดไปเลยนะ” เฟิงเยว่ก็พยักหน้า พร้อมกับเริ่มที่จะยิ้มนิดๆได้บ้าง เพราะเจ้าลิงยักษ์ตรงหน้าชอบทำหน้าทะเล้นใส่ “ว่าแต่ ที่เจ้ารู้มาหน่ะ สรุปว่าเราจะไปไหนกันต่อล่ะ”
“เราจะไปหมู่บ้านชาวประมงข้างหน้า ไม่ห่างจากตรงนี้เท่าไหร่นะ เราจะไปตามหาแม่เฒ่าตงสุ่ย ที่น่าจะอยู่ในหมู่บ้านนั่น น้องเหย้าเหอบอกว่า แม่เฒ่าเป็นผู้รอบรู้ที่สุดในดินแดนเหอแล้ว เขาน่าจะให้คำตอบเราเรื่องหยกเหอเสวี่ยได้ว่า มันคืออะไร แล้วเราควรจะทำยังไงต่อดี เอาเป็นว่าจากตรงนี้ไปให้ถึงหมู่บ้านก่อนแล้วค่อยคิดนะ เฟิงเฟิง ไหน เรียกถิงถิงอีกทีสิ ข้าชอบที่สุดเลย” เขาดีใจมากที่ได้ยินเฟิงเฟิงเรียกแบบนั้น เพราะเท่ากับว่าเฟิงเฟิงยอมรับเขาและเขาก็ยอมรับเฟิงเฟิงแล้ว
ในดินแดนเหนือฟ้านี้มีแต่ท่านพ่อ ท่านแม่และเซี่ยงยื่ออีกเท่านั้นที่เขาจะยอมให้เรียกแบบนี้
เดินใกล้จะถึงหมู่บ้านชาวประมงแล้วเพราะทั้งสองสังเกตเห็นเครื่องมือจับสัตว์น้ำต่างๆเรียกราย แขวนอยู่ และก็หมู่เรือประมงที่จอดเทียบท่า รวมทั้งกระท่อมเล็กๆ หลายๆหลังริมแม่น้ำ ทุกอย่างดูเรียบง่ายและสบายมากจริงๆ ทันใดนั้น ก็มีแมวตัวหนึ่งวิ่งมาไซร์ที่ขาของเฟิงเยว่ แล้วก็มีเสียงเด็กหญิงตัวเล็กๆวิ่งตามมา
“หยุดนะพี่กวงเมา พี่จะรีบไปไหน อย่าหนีข้าสิ” ทันใดนั้นแมวตัวนั้นก็วิ่งหายไป เด็กหญิงวิ่งตามไม่ทัน จึงได้แต่ร้องตะโกนและมาหยุดที่เขาสองคน “นี่พี่ชายทั้งสอง ท่านช่วยจับพี่ชายข้า ที่เป็นแมวตัวนั้นหน่อยสิ ข้าวิ่งไม่ไหวแล้ว” เด็กหญิงมาหยุดหอบอยู่ตรงหน้า “ได้ ตัวที่มาไซร้ขาพี่ชายคนนี้ใช่มั้ย”
“ใช่ พี่กวงเมาหน่ะ ชอบเปลี่ยนร่างเป็นแมว แล้วหลบไปหาสาว นี่เห็นขาพี่ชายคนนี้เป็นขาผู้หญิงเหรอไงกันนะ” ว่าแล้วก็ยืนหอบพูดต่อไป เฟิงเยว่จึงนั่งลงแล้วเอาผ้าซับเหงื่อเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู “555 ข้าไม่ว่าเขาหรอก ก็ขาข้าเล็กจริงๆนี่นา”
ภาพตรงหน้าทำให้ถิงยื่อรู้สึกมีความสุข เพราะเขาชอบเฟิงเยว่ที่เป็นคนใจดี เขามักจะเห็นเฟิงเยว่ทำของเล่นหรือไปเล่นกับเด็กๆในวังยื่อเสมอ เขาเห็นแล้วถึงได้ประทับใจมากขึ้นเรื่อยๆ แต่วันนี้มันเป็นภาพที่เข้ากับบรรยากาศฟ้าและน้ำ และหมู่บ้านเล็กๆนี่ ว่าแต่ทำไมเขาถึงได้แสบตา แสบหน้า และรู้สึกมึนหัวมาก จนแทบจะยืนไม่อยู่ เขาจึงเซเล็กน้อย และลองหลับตาดู แต่มันก็ไม่หาย
เขาจึงเอามือเกาะที่ไหล่เฟิงเยว่ที่นั่งอยู่ “เฟิงเฟิง ช่วยด้วย ข้าเป็นอะไรก็ไม่รู้ มันร้อน ร้อนมากๆ ร้อนไม่ไหวแล้ว ข้ากำลังจะตายเหรอ ข้ายืนไม่ไหวแล้วเฟิงเฟิง” เฟิงเยว่หันไปแล้วตกใจมาก ถิงยื่อแดงไปหมดทั้งตัวทั้งหน้า เค้าจึงหันไปประคองร่างใหญ่ที่กำลังจะเซล้มลง ทันใดนั้นก็มีมืออีกข้างมาช่วย “เขาถูกพิษองุ่นแดง ตงเหอหรือเปล่า ถึงได้เป็นแบบนี้”
เด็กหญิงร้องตะโกน “พี่กวงเมา ท่านมาแล้ว ท่านช่วยพี่ชายคนนี้ด้วยสิ แล้วก็พี่สาว เอ้ย พี่ชายคนนี้ก็น่ารักดีข้าชอบ ท่านช่วยเขาหน่อยนะ พาไปบ้านเราก่อน แล้วเดี๋ยวข้าจะไปตามแม่เฒ่ามาเอง” กวงเมา ชายผู้กลายร่างเป็นแมวและบัดนี้กลายร่างกลับเป็นคนแล้ว จึงได้มาช่วยไว้และพาไปที่บ้านตามที่น้องสาวตัวเล็กร้องขอ
กระท่อมชาวประมงของหมู่บ้านริมแม่น้ำตงเหอ ไม่ลำบากมาก แต่ก็ไม่สบายมาก พวกเขาอยู่และกินกันอย่างเรียบง่าย หาปลาเลี้ยงชีพ น้ำในแม่น้ำตงเหอ ถือว่าสะอาดและปลอดภัยที่สุดในดินแดนเหอแล้ว ตอนนี้ถิงยื่อถูกพามาพักที่บ้านของพี่น้องคู่นี้ที่พวกเขาเพิ่งรู้จัก
แต่คราวนี้เฟิงเยว่รู้สึกไว้ใจ จึงรีบพาถิงยื่อมารักษา เขาเป็นห่วงมาก เพราะตอนนี้ถิงยื่อไม่พูดอะไรแล้ว เขาเหมือนจะพ่นควันออกมาจากปากได้ หน้าแดง ตัวแดงมาก นอนอยู่ที่เตียง เขาจับมือเอาไว้ไม่ยอมไปไหน ดูเหมือนคราวนี้ความเย็นของเขาจะเป็นฝ่ายช่วยได้บ้าง ทำให้ความร้อนที่ดูเหมือนภูเขาไฟจะระเบิดนั่นลดลง ระหว่างนั้น กวงเมาก็ไปเอาถุงๆนึงมาวางไว้ แล้วบอกว่า
“นี่เป็นน้ำแข็งจากแม่น้ำตงเหอ มันจะช่วยลดความร้อนได้ ข้าไม่รู้ว่าน้องชายท่านนี้ไปโดนพิษองุ่นแดงนี่มาจากไหนนะ แต่ขอบอกเลยว่าพิษนี้ร้ายมาก ขนาดแม่เฒ่า ยังไม่เคยรักษาได้ เคยมีคนถูกพิษนี้ตายไปหลายคน เราถึงได้ไล่มัน มันๆๆ ออกไปจากหมู่บ้านเรา”เขากำมือแน่นเหมือนแค้นใครมาก
“ใช่แล้ว!!! ก่อนหน้านี้ที่เรามาที่นี่เขาไปกินน้ำองุ่นกับน้องชายคนนึง หน้าตาน่ารัก ชื่อว่าเหย้าเหอหน่ะ เป็นไปได้มั้ยว่าน้ำองุ่นนั่นจะมีพิษ” เฟิงเยว่ว่าแล้วว่ามันต้องมีอะไร “ฮึ คราวนี้ชื่อเหย้าเหอเหรอ น่าจะใช่ ท่านโดนมันหลอกแล้ว มันเป็นคนในหมู่บ้านเรา ข้าไม่รู้ว่าทำไมมันต้องพยายามจะฆ่าน้องชายท่านนี้ด้วย
แต่คนอื่นๆที่ถูกฆ่านั้นล้วนมีวิชาและเก่งกาจ แต่ก็ยังจะต้องมาตายเพราะมัน นี่แม่เฒ่าก็เร่งหาทางรักษา เพราะไม่รู้กี่คนแล้วที่ต้องตายเพราะน้ำมือมัน พอมาถึงหมู่บ้านเราก็ไม่ทันแล้ว” ชายหนุ่มพูดด้วยความแค้น
“พี่ชาย แล้วข้าควรทำไง ข้าเอาถุงน้ำแข็งนี่ทำอะไรได้ ประคบตรงไหนยังไงท่านบอกมาเลย ข้าจะไม่ยอมให้เขาตายแน่ๆ”
เฟิงเฟิงเอ่ยถามด้วยความร้อนรน “แม่เฒ่าบอกว่าสิ่งเดียวที่จะช่วยได้ตอนนี้คือเมล็ดจากต้นเหอเสวี่ย ทุกๆ 100 ปีจะออก 1 เมล็ด ตอนนี้ได้ข่าวว่ามันเพิ่งออกไปอีก 1 เมล็ด ก่อนหน้านี้แม่เฒ่าก็ยังหาไม่เจอ ต้องปล่อยให้มีคนตายไปเรื่อยๆ เพราะความเลวของมัน
แต่ข้าไม่รู้ว่าตอนนี้แม่เฒ่ากลับมารึยัง แม่เฒ่าตงสุ่ยท่านเป็นผู้รู้ของหมู่บ้านเรา บางครั้งองค์ราชายังมาหาท่านเลยนะ ท่านเคยบอกข้าตอนที่พยายามจะรักษาคนที่โดนพิษนี้ก่อนหน้าว่าให้พยายามให้เขาคงความเย็นไว้กับตัวให้นานที่สุด ทำให้ความร้อนลดลง แล้วกินน้ำจากแม่น้ำตงเหอเข้าไปก่อน ยังพอช่วยยื้อชีวิตไว้ได้ แต่ถ้าตราบใดที่ยังไม่ได้กินเมล็ดนี้ก็จะตายในที่สุด อ้าว!!! นั่นไงฮวาเมากลับมาแล้ว”
หลังจากอธิบายยืดยาว เด็กหญิงก็บอกทุกคนว่าแม่เฒ่ายังไม่กลับมาเลย แต่มีคนในหมู่บ้านบอกว่า แม่เฒ่าอาจจะกลับมาพรุ่งนี้แล้ว คืนนี้จึงเป็นคืนสำคัญที่เฟิงเยว่ต้องยื้อชีวิตถิงยื่อเอาไว้ให้ได้ หลังจากนั้นสองพี่น้องก็ช่วยหาข้าวหาปลาให้เขากินและเปลี่ยนเวร เอาน้ำแข็งมาช่วยประคบตัวถิงยื่อจนดึกมากแล้ว ไม่ไหวขอตัวไปเข้านอน แล้วบอกว่า พรุ่งนี้เช้ามืดจะรีบไปตามแม่เฒ่าให้อีกรอบนึง
ตอนนี้เมื่อความมืดมาเยือน คนตรงหน้ายังคงพึมพำๆ เฟิงเยว่เอาถุงน้ำแข็งวางประคบ ที่หน้าผาก หน้าอก และแขนขา เขาก็ยังรู้สึกว่า ความเย็นแค่นี้มันดูไม่ช่วยให้ถิงยื่อดีขึ้นเลย แต่สองพี่น้องบอกว่าดีขึ้นเพราะควันที่ปากนั้นหายไปแล้ว
ตอนนี้เหลือแต่หน้าที่ยังแดงๆแบบซีดๆ เหมือนลักษณะของไฟที่มอดลง ถึงอย่างนั้นเฟิงเยว่ก็ไม่วางใจ เขารู้อยู่แล้วว่าไม่มีอะไรจะเย็นไปกว่าตัวเขา เขาจึงถอดเสื้อผ้าตัวเองและถิงยื่อออก แล้วนอนกอดถิงยื่อไว้ เขารู้สึกว่าเขาต้องทำแบบนี้ ถิงยื่อจะได้รู้สึกถึงพลังของเขา แล้วจึงเอาน้ำตงเหอมาอมไว้ในปากเพื่อให้มันเย็นก่อนที่จะค่อยๆป้อนให้ถิงยื่อทางปากอย่างเป็นห่วง
เขาอยากให้ถิงยื่อลุกขึ้นมาทำหน้าทะเล้นใส่เขาอีก เขาไม่อยากเห็นหน้าที่แดงแต่หม่นหมองแบบนี้ ไหนเขาสัญญาแล้วว่าจะไม่ไปไหน ถิงถิงต้องไม่เป็นอะไร ต่อให้เขาต้องทำแบบนี้ทุกคืน เขาก็เต็มใจเพราะมันจะเป็นทางเดียวที่จะยื้อชีวิตคนที่เขารักไว้ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะอยากให้อีกฝ่ายกอดตอบกลับมาบ้าง แต่ตอนนี้ร่างกายนั้นยังคงนิ่ง มีเพียงเสียงแผ่วเบาออกจากปากได้รูปคู่นั้นหลังจากกลืนน้ำตงเหอลงไปว่า
“เฟิงเฟิง ข้าจะไม่ทิ้งเจ้าไว้คนเดียวอีก ข้าขอโทษ ข้ารักเจ้านะ” ได้ยินแค่นี้เขาก็ค่อยๆมีน้ำตาซึมออกมา........
โปรดติดตามตอนต่อไป...
โปรดติดตามตอนต่อไป...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น