วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2559

รักสลับขั้ว...ตัวฉันก็คือเธอ (You and me) ตอนที่ 1

รักสลับขั้ว...ตัวฉันก็คือเธอ (You and me)

ตอนที่ 1 อะไรกันเนี่ยะ!!!

...ผมรู้สึกตัวว่าปวดฉี่มาก ไม่ไหวแล้วครับ แต่ยังลืมตาไม่ขึ้นเท่าไหร่ ช่างมัน ลุกขึ้นแบบนี้นี่ล่ะ ยังไงนี่ก็หอพักที่ผมคุ้นเคยอยู่แล้ว...

...ผมลุกขึ้น รู้สึกว่ามันแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร เดินพาร่างอันหนักอึ้ง ทำไมนะ!!! ทำไมวันนี้ผมถึงได้รู้สึกว่าตัวเองตัวแน่นๆแปลกๆ
ผมเดินไปเรื่อยๆ เริ่มหรี่ตาขึ้นเพื่อเปิดไฟห้องน้ำ แล้วก็เดินเข้าไป เอามือล้วงเข้าไปในกางเกงเพื่อที่จะควักมันออกมาทำภารกิจตามหน้าที่ของมัน แต่แปลก นี่มัน!!! แปลกมากกกกกกกก ทำไมขนาดมันไม่เป็นเหมือนที่ผมเคยรู้สึกอยู่ทุกวันล่ะ...

...ผมคลำคลึงไปมา มันก็เริ่มมีความรู้สึกบางอย่าง เฮ้ย!!! ทำไม วันนี้เจ้าลูกชายผมมันใหญ่มากผิดปกติ ผมเริ่มค่อยๆสัมผัสหน้าท้อง และกล้ามเนื้อขึ้นมา มันเป็นกล้ามแน่นๆ ไปหมดทุกส่วน แต่ไม่ไหวแล้วมันปวดมากครับ ผมจึงรีบทำภารกิจพร้อมกับก้มลงมอง...

"เฮ้ยยยยยย นี่มันไม่ใช่!!!!" 

ผมเริ่มจับแขน ลำตัว ทุกส่วน นี่มัน...นี่มัน

"เฮ้ยยยยยยยยยยยยยย"


มีเสียงทุบประตูห้องน้ำด้านนอก...

"นี่...อี้เฟิง นายจะส่งเสียงอีกนานมั้ย คนจะหลับจะนอน"

"เฮ้ยยยยยยยยยย"

"นี่ถ้าไม่เงียบ ฉันจะบุกเข้าไปหานายแน่ๆ"

ผมรีบเปิดประตูออกไป มองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

"นาย...นาย...ฉัน...นาย"

"เอ๊ะ...อี้เฟิง อะไรของนายเนี่ยะ ส่งเสียงดังแล้วยังมาพูดจาไม่รู้เรื่อง หยุดส่งเสียงดังแล้วไปนอนซะ ฉันจะได้ไปนอนต่อ"

คนตรงหน้าเดินตุปัดตุเป๋จะกลับไปที่เตียงนอน เค้าไม่แม้กระทั่งจะลืมตามาดูผมที่กำลังอ้าปากค้าง...

ไม่แปลกเลยครับ ที่เค้ากลับมานอนเตียงของตัวเองด้วยความเคยชิน ซึ่งผมว่าเมื่อกี้ผมนอนตรงนั้น ผมจึงขึ้นไปนั่งคร่อมแล้วดึงแขนคนที่งัวเงียลุกขึ้นมาอีก จนเค้าส่งเสียงโวยวายอีกรอบ

"อะไรของนายเนี่ยะ จะบ้ารึเปล่า แล้วมาทับฉันทำไม คนจะนอน โอ๊ย!!! ปวดหัวชะมัด นี่เมาหลับไปตอนไหนนะ มึนไปหมดเลย"

"นาย...นายเหว่ยถิง นายตื่นขึ้นมา ดูก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น"

คนที่นอนไม่ยอมลืมตา แต่กลับเอามือล้วงเข้ามาในกางเกงผมที่ยังไม่ได้รูดซิบขึ้นดีนัก ผมตกใจมากแต่เค้าลูบคลำแป๊บนึงก็ลืมตาขึ้นมองหน้าผม...

"เฮ้ย!!! นี่มัน!!!"

"นายเหว่ยถิง นายจะทำอะไร"


"เอ้ย!!! นายๆๆ นี่มันอะไร ทำไมฉันมองเห็นตัวเอง แล้วนี่มัน...ลูกพ่อ"

ผมเอามือจับข้อมือเค้าไว้แล้วดึงออก

"นายหยุดเอามือมาขยำแบบนี้ได้แล้ว ฉัน...ฉัน ฉันรู้สึกนะ"

"เดี๋ยวก่อนนะ นายลงไปเลย"

เหว่ยถิงซึ่งกำลังงงเป็นไก่ตาแตก คงเดาเหตุการณ์กันออกแล้วนะครับ ว่าผมและเค้าเกิดอะไรขึ้น เค้ากระโดดลงจากเตียง วิ่งไปดูกระจก แล้วร้อง...

"อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก"

เสียงมันดังมากจนผมต้องรีบวิ่งไปล็อคเค้าไว้แล้วเอามือปิดปาก เออ...นี่คือสิ่งที่ผมอยากทำมาตลอดตั้งแต่เข้ามาอยู่ในห้องเดียวกับหมอนี่ เพราะผมตัวเล็กกว่า เลยไม่สามารถทำได้ วันนี้ผมล็อคเค้าอยู่ได้สบาย กลายเป็นเค้าที่ดิ้นอยู่ในอ้อมแขนผม

"นายจะร้องให้คนอื่นเค้าได้ยินกันทั้งหอรึยังไง"

"อ้อ อี้ อันๆๆๆ"

ผมเข้าไปกระซิบข้างหู "ถ้านายยังไม่เงียบ นายอยากรู้มั้ยว่าฉันจะทำอะไรนายบ้าง"

ผมดันเค้าให้หันหน้ามา แต่ยังปิดปากอยู่...
คราวนี้เค้าหยุดร้อง คงรู้ว่าสู้แรงผมไม่ได้

"นายอี้เฟิง นายคิดจะเอาร่างกายฉันมาข่มขู่ฉันเหรอ"

"ใครใช้ให้ที่ผ่านมา นายชอบแกล้งฉันก่อนล่ะ"

"นี่ไม่ใช่เวลามาพูดแบบนี้ นายเอาตัวฉันคืนมาสิ พุงกลมกะนมขาวๆแบบนี้ ฉันไม่อยากได้อยู่กับตัวแบบนี้นะ"

"นี่ นายเหว่ยถิง นายว่าตัวใครพุงกลม นมขาว"

"เอาเถอะน่า เอาน้องชายสุดยอด ใหญ่บิ๊กของฉันคืนมาสิ"

"ฉันก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เรามาตั้งสติแล้วช่วยกันคิดก่อน ว่ามันเป็นแบบนี้ได้ยังไง"

ผมกับเค้าเริ่มทบทวนเหตุการณ์ เมื่อคืนมีงานปาร์ตี้กันกับเพื่อนๆ ผมกับเค้าก็กลับมาห้องด้วยความมึนทั้งคู่ แล้วเราก็หลับไปอย่างไม่ได้สติ...

ใช่ครับ ผมกับเค้าเป็นรูมเมทกัน แต่เป็นรูมเมทที่ทะเลาะกันบ่อยมาก เจอกันมาเทอมนึงนี่ ไม่มีวันไหนที่ไม่เถียงกันเลย เพื่อนทุกคนรู้กันไปหมด ว่าเราคือคู่รูมเมทที่ดูเหมือนจะเตะต่อยแต่ก็ไม่มีใครยอมแลกห้องไปอยู่กับคนอื่น ทั้งๆที่มีเพื่อนเสนอมา จนคนอื่นๆรำคาญสองคนนี้ที่เถียงกันไม่หยุดหย่อน...

"เรากลับมาพร้อมกันใช่มั้ย!!!" นายเหว่ยถิงในร่างผมถามขึ้น

"ใช่ ฉันเป็นคนพานายกลับมาไง เพราะนายเมามาก ฉันยังจำได้ว่าแบกนายมา คนอะไรตัวหนักชะมัด เสร็จแล้วนายก็มาล้มแผละอยู่บนตัวฉัน แล้วก็...แล้วก็"

"แล้วก็...แล้วฉันก็จูบนาย!!!"

"ใช่ นายมันบ้า ล้มลงมาทับคนอื่น แล้วก็เอาแต่มองอยู่ได้ ฉันไม่ได้เมาแบบนายนะ ฉันแค่ไม่สามารถผลักนายออกไปได้ นายมันตัวยักษ์"

"แต่นายก็จูบตอบฉันนะ อี้เฟิง ฉันจำได้ว่านายจูบกลับ ฉันรู้สึกดีมากๆ เหมือนๆๆ เหมือนกินลูกอมหวานๆเลยล่ะ ฮึๆ"

"หยุดเลย เลิกพูดเรื่องนี้ แล้วมาคิดหาทางแก้ไขกันดีกว่า ว่าเราจะเอาร่างกายเรากลับมาได้ยังไง ฉันไม่อยากเป็นคนตัวยักษ์แบบนี้นะ"

"อืม หลังจากนั้น ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจ ฉันก็หลับไปสินะ"

"ใช่ นายก็นอนทับบนตัวฉัน จนต้องลากนายมานอน"

"ถ้าจากเหตุการณ์ทั้งหมด ฉันเคยดูหนัง เหมือนเราแลกวิญญาณกันมั้ย นั่นอาจจะเกิดจากที่เราจูบกันก็ได้"

นายเหว่ยถิงในร่างผม เอ่ยขึ้นในแบบเดียวกับที่ผมคิด แต่...ผมไม่กล้าคิด เพราะนั่นหมายถึง ถ้าเราจะกลับร่าง เราต้องจูบกันอีกเหรอ!!!

...ผมปฏิเสธไม่ได้ว่าชอบที่เค้าจูบผมเมื่อคืน แต่ว่า...ผมจะไม่ยอมให้เค้ารู้ว่าผมชอบเค้า

"อี้เฟิง เรามาจูบกันใหม่นะ ต่อจากเมื่อคืนนี้"

"นายจะบ้าเหรอ เป็นอะไร วันนี้มาทำเป็นพูดดีด้วย ปกตินี่ต้องแขวะฉันสารพัดแล้ว"

"ก็ฉันอยากกลับเข้าร่างนี่นา มามะๆ มาๆ"

เค้าทำหน้าทะเล้น ให้ตายเหอะ ใบหน้างามๆหล่อๆของผม มาทำหน้าแบบนี้ ไม่ไหวจริงๆ

"นายถอยไปเลย หยุดนะ จะทำอะไร อย่าลืมสิ ตอนนี้ฉันสามารถกดนายติดพื้นได้อย่างสบายนะ"

"กดสิ กดเลย ฉันพร้อม"

"บ้าที่สุด นายเหว่ยถิง นายจะทะเล้นไปถึงไหน นี่เรากำลังสลับร่างกันนะ"

"ก็นี่ไง ทางแก้ ฉันบอกแล้วว่าเราต้องจูบกัน ถ้านายไม่ยอม เราก็ไม่มีวันกลับเข้าร่างได้หรอก"

ผมรู้ว่าที่เค้าพูดมามันมีเหตุผล แต่...ผมควรจะทำยังไงดี 

"เอางี้ นายนั่งเฉยๆ หลับตาแล้วกัน ฉันจะจูบนายเอง โอเคมั้ย"

"ฉันยอมเพราะอยากกลับเข้าร่างนะ อีกอย่าง ถ้าไม่หลับตา มันจะเหมือนฉันกำลังจูบตัวเองด้วย"

"เอาน่าาา หลับตาสิ"

เหว่ยถิงในร่างผม ดันผมให้นอนลง ผมหลับตาทำตามที่เค้าบอก รู้สึกได้ถึงริมฝีปากอุ่นที่ประกบเข้ามา ผมไม่แน่ใจว่านี่เป็นความรู้สึกจากปากผมหรือปากเค้า ลิ้นค่อยๆตวัดเข้ามาในปากจนรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นจากอีกฝ่ายที่สัมผัส เค้ายังคงเอาลิ้นกวาดไปทั่วริมฝีปาก ผมยังไม่แน่ใจว่าตอนนี้กลับเข้าร่างตัวเองรึยัง มีแต่ความหวานที่สัมผัสได้จากปลายลิ้นที่แตะกัน เค้าเริ่มขบริมฝีปากผมเบาๆ ผมไม่แน่ใจว่าสัมผัสแบบนี้มันทำไมถึงทำให้ผมใจสั่น เต้นแรงมาก หรือว่านี่เป็นปฏิกิริยาของการที่จะเปลี่ยนร่าง เพราะตอนที่เค้าจูบผมเมื่อคืน ยังไม่รู้สึกขนาดนี้เลย...

"อื้มมม เดะ...เดี๋ยว"

ผมลืมตาขึ้น ดันเค้าออก 

"นายคิดว่ามันจะได้ผลเหรอ แล้ว...แล้วต้องทำอีกนานแค่ไหน"

"ทำไม นายไม่อยากได้ร่างกายคืนแล้วรึไง ส่วนจะนานแค่ไหน ถามฉันแล้วฉันจะถามใครล่ะ"

"ไม่รู้สิ ฉัน เอ่อ...ฉันแค่ นายไม่รู้สึกว่านายจูบตัวเองหรือไง"

"ก็ไม่นี่ อี้เฟิง ถ้านายคิดว่าจูบตัวเอง ฉันคงไม่ได้ยินเสียงหัวใจนายเต้นขนาดนี้หรอกมั่ง 5555"

"เหว่ยถิง!!!"

"นายจะเอายังไง จะปล่อยให้ฉันจูบต่อ หรือว่าจะอยู่ในร่างฉันแบบนี้ นี่ก็ใกล้จะเช้าแล้วนะ"

"ก็ได้ แต่...นายห้ามล้อฉันอีก"

"ฮึๆ ไม่ล้อหรอก ฉันรู้ว่านายชอบฉัน"

"อะไร ใครบอกนาย"

"ไม่ต้องมีใครบอกหรอก ฉันรู้"

ผมยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ปากก็ถูกประกบเข้ามาอีกทันที มันเป็นจูบที่หอมหวาน หวานมาก จนผมไม่อาจจะฝืนไม่รับจูบนั่นได้อีกต่อไป ลิ้นผมก็เริ่มควานเข้าไปในปากเค้า ไม่สิ...ปากผมมากกว่า ตอนนี้ผมไม่แน่ใจแล้ว ว่าร่างกายใครเป็นของใคร ลมหายใจอุ่นปะทะกันไปมา 

ผมรู้สึกได้ว่ามีมือเล็กๆกำลังล้วงเข้าไปในกางเกงผมอีกครั้ง 

"เฮ้ย!!! ไม่สิ ลูกพ่อ"

อีกฝ่ายกระเด้งตัวขึ้น แล้วไปยืนข้างเตียง ผมลุกขึ้นตามเค้าทันที

"ไม่สำเร็จ ทำไมๆๆ ทำยังไงดีๆ" ผมพูดออกไป

ยังไม่ทันที่ใครจะพูดอะไรต่อ ก็มีเสียงเรียกจากด้านนอก

"เหว่ยถิงๆ ตื่นยัง ฉันเอง"

นายเหว่ยถิงเดินไปที่ประตู พอเปิดออก

"อ้าว อี้ฝาน ว่าไง"

"อี้เฟิงนี่ ว่าแต่เหว่ยถิงยังไม่ตื่นเหรอ"

อู๋อี้ฝาน เพื่อนรักของนายเหว่ยถิง ระดับความกวนพอๆกัน เดินผ่าเข้ามาในห้อง พอเห็นผมที่กำลังยืนงงๆอยู่ ก็กระโดดมากอดคอ

"นี่พวกนายทะเลาะหรืออะไรกัน ทำไมสภาพห้องเหมือนคนฟัดกันมาแบบนี้ ดูสิ ข้าวของที่พื้นนี่หล่นเต็มไปหมด"

ผมกำลังเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราว นั่นสิ...ผมลืมไป ตอนนี้ผมอยู่ในร่างเหว่ยถิง นายอู๋อี้ฝานก็ต้องเข้ามากอดคอผมเป็นธรรมดา

"เฮ้ย!!! อึ้งอะไรของนาย ไปๆๆ อาบน้ำแต่งตัวแล้วไปวิ่งกันเหอะ"

"นายไปก่อนเลย ฉัน...ฉันไม่ไป" ผมตอบเสียงเบาๆ

"อ้าว ทำไมล่ะ ก็ไปวิ่งกัน"

"คือว่า...พอดีฉัน...ฉัน"

"คือว่าเหว่ยถิงเค้าไม่ค่อยสบายหน่ะ คงไปวิ่งไม่ได้หรอก" นายเหว่ยถิงช่วยผมแก้ตัว

"อ้อเหรอ เอ...แปลก ปกตินายออกจะแข็งแรง ไหนดูสิ มีไข้ป่าว"

"เอ่อ...ไม่เป็นไรหรอกอี้ฝาน ฉันขอพักแป๊บนึง เดี๋ยวคงดีขึ้น นายไปก่อนเหอะ เดี๋ยวค่อยไปกินข้าวด้วย"

"งั้นก็ได้ เดี๋ยวฉันไปวิ่งก่อน แล้วเสร็จจะมาเรียกนะ"

หลังจากความวุ่นวายเมื่ออี้ฝานออกไป สภาพสองคนไม่ต่างอะไรกับซอมบี้ที่นั่งข้างๆกัน 

"นี่ นายเหว่ยถิง นายบอกว่าตัวเองไม่สบาย นายอี้ฝานจะเชื่อเหรอนั่นแล้วจะทำยังไงกันต่อดี"

"ไม่เชื่อก็ไม่รู้จะทำยังไง หรือนายจะไปวิ่งล่ะ สภาพอย่างนาย นอนเป็นอย่างเดียวสิท่า"

"แขวะฉันอยู่ได้ พอเลย ตกลงจะเอาไงต่อ"

"ไม่รู้สิ จูบกันใหม่เหรอ"

"แล้วถ้าไม่เปลี่ยนร่างเลยจนกระทั่งแก่...ไม่ตายเหรอ"

"งั้นมาลองอีกรอบ ถ้าคราวนี้ไม่ได้ ก็ไม่รู้แระ"

หลังจากนั้น จริงๆเราพยายามจูบกันอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล ผมรู้สึกว่าหน้าร้อน ใจเต้นไปหมด แต่อีกฝ่ายก็ดูเฉยๆ ไม่เห็นเป็นอะไร จนผมทนไม่ไหวเพราะกลัวจะโดนเค้าจับได้อีก

"พอก่อนเถอะ ฉันว่าไม่เห็นได้ผลเลย" ผมบอกออกไป

"อืม ทำยังไงกันดี เดี๋ยวก็ต้องไปเรียนแล้ว"

"ก็ต้องไปเรียนแบบนี้แหละ คืนนี้ค่อยว่ากันใหม่"

"งั้นฉันไปอาบน้ำก่อนล่ะ รู้สึกเหม็นกลิ่นเหล้ามาก"

"นายอาบน้ำดีๆล่ะ ร่างกายฉันสะอาดนะ ห้ามทำสกปรก"

"ทำไม!!! ฉันจะดูแลนมนายเป็นอย่างดีเลย อี้เฟิง 555"

อีกฝ่ายเดินพาร่างผม หยิบผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องน้ำ แน่นอน ผ้าเช็ดตัวเค้าไม่ใช่ของผม 

พอเค้าเดินออกมาเปลือยท่อนบน เดินเช็ดหัวออกมาจากห้องน้ำ ผมก็ก้มลงมองตัวเอง ซึ่งก็คือกล้ามเนื้อแน่นๆ ที่ผมเคยแอบมองทุกวัน ตอนนี้มาอยู่ที่ตัวผมแล้ว...

"อี้เฟิง นายมองตัวฉันทำไม" เค้าเงยหน้าจากการเช็ดผมมาถาม

"เปล่านี่ ก็คิดว่าไม่อาบน้ำจะดีมั้ย ฉันไม่อยาก เอ่อ...เห็นร่างกายนายอีก"

"ไม่ได้ ถ้านายไม่อาบ ฉันจะอาบให้เอง เรื่องอะไร นายจะมาทำให้ฉันสกปรกล่ะ"

เค้าพุ่งตัวเข้ามาหาผม แล้วพยายามจะถอดเสื้อผ้าออก สองคนพัวพัน นัวเนียไปมา จนผมลุกขึ้นผลักเค้าเต็มแรง จนหัวเค้าไปกระแทกข้างฝา

"โอ๊ยๆๆๆ นายจะบ้าเหรอไง อี้เฟิง ฉันเจ็บนะ"

ผมตกใจจนต้องรีบเข้าไปดู 

"นายเป็นอะไรหรือเปล่า ฉัน...ไม่ได้ตั้งใจ ก็ปกติมันไม่ได้แรงเยอะแบบนี้นี่นา"

ผมเอามือไปลูบผมเค้า ไม่สิ นี่มันหัวผมเอง โอ๊ยๆๆ เราสองคนจะเป็นยังไงต่อไปเนี่ยะ ผมจะทำยังไงให้กลับคืนร่างตัวเองได้นะ ผมไม่ชอบเป็นคนตัวใหญ่กระแทกคนอื่นจนล้มแบบนี้ ผมชอบให้คนตัวใหญ่ตรงหน้ามาแกล้งผมมากกว่า นี่เค้ารู้เหรอเนี่ยะ ว่าผมชอบเค้า...ทำไมถึงได้รู้นะ...


...................................โปรดติดตามตอนต่อไป.................................

















วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2559

Gifted School...โรงเรียนนี้ที่ไม่ธรรมดา ตอนที่ 1

"ตามทฤษฎีใหม่ในปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ได้บอกไว้ว่า 

Love Is a Chemical Reaction...

หรือ ความรักคือปฏิกิริยาทางเคมีอย่างหนึ่ง เหมือนกับว่าถ้าคนสองคนไม่สามารถผสมรวมกันได้ ผลลัพธ์ก็ไม่เกิด แต่ถ้าหากมันลงตัวพอดี...มันก็เกิดปฏิกิริยาได้ ผมเชื่ออย่างนั้น คุณล่ะ เชื่อมั้ย???"

ตอนที่ 1 Oxygen อ๊อกซิเจน

"ผมวิลเลี่ยม...เป็นหัวหน้านักเรียนในโรงเรียนที่มีความพิเศษไม่เหมือนใครแห่งนี้ ผมจะค่อยๆพาพวกคุณชมโรงเรียนไปเรื่อยๆนะครับ ก็ช่วยไม่ได้ ผมอยากจะอวดพวกคุณ 555"

"เอาเลยวิลเลี่ยม ตอนสัมภาษณ์เนี่ยะ พี่ก็อยากให้น้องพูดให้เต็มที่เลยนะ เพราะรายการเราอยากจะเจาะลึกโรงเรียนซาเวียร์แห่งนี้ให้ชาวโลกได้รับรู้"

"ได้สิครับ เอาเป็นว่าพวกพี่ก็ถ่ายไปผมก็จะพูดไปและพาเดินไปด้วยนะ"

วิลเลี่ยม เป็นหัวหน้านักเรียนที่ได้รับการแต่งตั้งจากท่านประธานของโรงเรียน เพื่อคอยเป็นหูเป็นตาดูแลเกี่ยวกับนักเรียนในระหว่างที่ท่านประธานไม่อยู่ เพราะอะไรหน่ะเหรอคะ ก็เพราะเค้าเป็นลูกชายคนเดียวของประธานโรงเรียนนั่นเอง 555 

วันนี้มีรายการทีวีมาสัมภาษณ์ วิลเลี่ยมรู้ตัวอยู่แล้วว่าต้องทำหน้าที่นี้  เขาปลื้มใจและรักโรงเรียนแห่งนี้มาก ก็เขาวิ่งเล่นที่นี่มาตั้งแต่เกิดนี่นา 

"งั้นก็ไปทางนี้ก่อนนะครับ อย่างที่พวกคุณทราบ โรงเรียนเรารับเฉพาะเด็กที่อัจฉริยะ และมีความสามารถพิเศษทางด้านต่างๆ แต่วันนี้ผมจะพูดในรายละเอียดให้ฟังก็แล้วกัน มันจะเยอะหน่อย ก็ค่อยๆตามไปนะครับ ไหนๆพวกคุณก็มีเวลาทั้งวัน อีกอย่างช่วงนี้ปิดเทอม เด็กๆก็กลับบ้านกันหมด เหลืออยู่ไม่เท่าไหร่ ที่ไม่อยากกลับบ้าน ทางโรงเรียนก็เปิดโอกาสให้อยู่ได้ ดีกว่าไปลำบากที่อื่น ดังนั้นสบายเลยครับ โรงเรียนโล่งมากช่วงนี้"

"โอเคจ๊ะ งั้นมาเริ่มกันเลย เอาล่ะ ตากล้อง เริ่มถ่ายไปเรื่อยๆนะ ช่วยไม่ได้หัวหน้านักเรียนออกจะหล่อขนาดนี้ พี่นี่อยากให้เธอมาทำรายการเทปอื่นๆให้ด้วยเลยนะ "

"555 ผมก็พอรู้ครับ ว่าผมหล่อ งั้นเริ่มจากหมู่ผมก่อนละกัน ที่นี่เราแบ่งนักเรียนเป็นหมู่ครับ ตามลักษณะธาตุในร่างกายและความพิเศษของแต่ละคน บ้านแต่ละบ้าน ก็คือหมู่ของธาตุตามตารางธาตุทางเคมีเลยครับ...
แท่มแท้มมมม ยินดีต้องรับสู่บ้านโลหะ ที่นี่ทุกอย่างจะมีส่วนผสมของโลหะ เพราะพวกเราคุ้นเคยกับธาตุที่เป็นแบบเดียวกับสารในร่างกายเรา
ผมเป็นธาตุเหล็ก หรือ Fe ดังนั้นความสามารถของผม จะทำให้ทุกอย่างที่สัมผัสกลายเป็นเหล็กได้ทั้งหมด พี่อยากจะลองสัมผัสความหล่อของผมดูมั้ยล่ะ"

"555 มิน่าล่ะ จริงเหรอเนี่ยะ ว่าแต่ทุกคนในโรงเรียนนี้มีธาตุพิเศษประจำตัวกันหมดเลยเหรอ แล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าคนไหนธาตุอะไร"

"อ้อ เรามีเครื่องตรวจครับ ไว้ผมจะพาพี่ไปดู  อ้าว!!!คริส นายจะไปไหน แป๊บนึงนะครับพี่ ผมไปทักเพื่อนก่อน อย่างนายนี่อ่ะ เป็นนิเกิล ไม่ไหวหรอกครับ กลวงๆ เหมือนพวกแสตนเลส 555"

วิลเลี่ยมเห็นเพื่อนรักเดินออกมาจึงรีบตรงเข้าไปทัก

"ก็กำลังจะกลับบ้าน แต่พอดีตรงสวนด้านหลัง มีน้องคนนึง ไม่รู้ทำยังไง ล้มมั้ง เลือดออกเต็มแขน แถมเป็นเด็กบ้านก๊าซด้วย ว่าจะมาเอาชุดปฐมพยาบาล เจอนายก็ดี ไปช่วยตรวจหน่อยสิ เกิดเป็นอะไรขึ้นมา ระเหยไปกับอากาศแล้วจะยุ่งนะ"

"บ้า!!! นายก็พูดไปเรื่อย ได้ๆ พี่ครับ ผมต้องไปดูนักเรียนที่บาดเจ็บ พี่จะตามผมมาหรือจะรอตรงนี้ล่ะครับ"

พูดยังไม่ทันจบดี วิลเลี่ยมก็วิ่งนำหน้าไปก่อนเลย...

พอไปถึงสวนด้านหลัง เขาเห็นเด็กผู้ชายคนนึง ร่างกายไม่สูงมากนัก ออกแนวอวบๆนิดๆ แต่ขาวมากทีเดียว สงสัยจังว่ามีก๊าซอะไรในตัวเยอะนะ ถึงได้ขาวขนาดนี้ เด็กคนนั้นจับแขนที่กำลังเลือดอาบและไหลออกมาเรื่อยๆ เขากัดฟันแน่น ท่าทางคงจะเจ็บน่าดู

"ไหน ขอดูหน่อยสิ ทำไมเลือดออกมากขนาดนี้ นายเป็นเด็กธาตุอะไรเนี่ยะ"

เด็กชายพิเศษตัวขาวซีดมากกว่าเก่าไม่พูดอะไร ยังกัดฟันแน่นและกำลังจะลุกขึ้น เลือดยังไหลไม่หยุด

"เอ๊ะ!!! อะไรของนาย ดูสิ ชั้นถามว่านายเป็นเด็กบ้านไหน ธาตุอะไร จะได้รักษาถูก นี่ไม่กลัวเลือดไหลหมดตัวตายหรือไงนะ"

เด็กคนนั้นยังคงไม่ตอบอะไร วิลเลี่ยมเอามือไปจับที่แขน เขาสะบัดแขนออกให้ห่าง แล้วลุกขึ้น แต่เซไปด้านหลังจนถอยหลังล้มลงอีกครั้ง...

วิลเลี่ยมไม่เข้าใจท่าทางหยิ่งยะโสนี้ เขารู้แค่ว่าเขายอมให้เด็กคนนึงมาทำปฏิกิริยาแบบนี้ใส่เขาไม่ได้ ใครกันเนี่ยะ เด็กบ้านไหน ทำไมถึงไม่เชื่อฟังเขาเลยนะ...

เขาจึงไม่รอช้า เอื้อมมือไปโอบที่เอวแล้วยกเด็กคนนั้นขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขนทั้งสองข้าง พร้อมกับอุ้มแล้วเดินออกไป

"คริส ชั้นฝากนายดูพวกพี่ที่มาถ่ายทำด้วย ขอเอาตัวเด็กนิสัยแย่นี่ไปทำแผลก่อน"

เด็กคนนั้นยังคงกัดริมฝีปากพร้อมดิ้นไปมา แต่สู้แรงเขาไม่ได้หรอก คอยดูนะ ดื้อแบบนี้มันต้องจัดการให้เข็ด รอให้จัดการแผลเลือดออกที่ไหลจนมาเปรอะเสื้อเขาก่อนเถอะ...

พอมาถึงห้องของเขา เขาก็วางเด็กคนนั้นที่โซฟา พร้อมกับจับแขนมาดูที่แผลเลือดออกที่ยังไหลไม่หยุดนั่น ดูจากแผลและหลายอย่างที่ทำ เด็กคนนี้น่าจะเป็นพวกหมู่ก๊าซอ๊อกซิเจนแน่ๆ พ่อเคยบอกไว้ ที่โรงเรียนมีอยู่แค่ไม่กี่คนที่เป็นก๊าซนี้ เด็กพวกนี้เป็นเด็กพิเศษ ความสามารถของเขาคือ ฆ่าคนตายได้ เพราะเขาสามารถขโมยก๊าซที่เราจะหายใจเข้าไปจนเราไม่สามารถหายใจต่อได้อีก ดังนั้นเด็กกลุ่มนี้จึงไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก แต่ก็ไม่ถึงกับอันตรายซะทีเดียว เพียงแต่พ่อก็ยังหาทางแก้ปัญหาให้ไม่ได้...

"เอ๊ะ!!! นายนี่ จะดึงแขนหนีทำไม ดูสิ เลือดไหลใหญ่แล้ว มา ชั้นจะทำแผลให้"

เขาแค่หันหลังไปจะไปหาอุปกรณ์ทำแผลเท่านั้นแหละ เด็กคนนี้ลุกขึ้นเหมือนจะวิ่งไปที่ประตู ผมต้องรีบไปขวางไว้ 

"ถอยไปนะ"

"อ้าว พูดได้เหรอ ชั้นนึกว่านายพูดแล้วก๊าซจะออกหมดตัวซะอีก"

"ชั้นบอกให้ถอยไป"

"อะไรกัน นายนี่ กล้าขึ้นเสียงกับชั้น หัวหน้านักเรียนวิลเลี่ยม"

"ถ้านายไม่อยากตาย ก็ถอยไป"

"ก็เอาสิ นายจะทำอะไรชั้น อยากรู้เหมือนกัน เด็กธาตุอ๊อกซิเจนมันจะสักเท่าไหร่กัน"

"มานี่ เอาแขนนายมา ชั้นจะหยุดเลือดให้"

เขาเกือบลืมไปเลย เขาสามารถแตะสิ่งที่เขาอยากให้มันแข็งเป็นโลหะได้นี่นา เขาเอื้อมมือไปแตะที่แขนและส่งพลังไปเพื่อจะหยุดเลือด แต่คนตรงหน้าไม่ยินยอมแต่โดยดี เขาส่งสายตาเหมือนจะฆ่ามาใส่ผม ผมรู้สึกว่าอากาศที่จะหายใจมันน้อยลงทุกที...

จนกระทั่งผมหายใจไม่ออก...สะลึมสะลือเบลอๆ แต่เห็นเลือดที่แขนของคนตรงหน้าค่อยๆกลายเป็นของเหลวหนืดที่เริ่มแข็งตัว เลือดคงจะใกล้หยุดแล้วสินะ โอ๊ยๆๆ นี่ผมจะตายแล้วเหรอ ผมพยายามสูดหายใจให้เต็มปอด แต่ว่า...ไม่มีอากาศจริงๆ

ผมรู้สึกตัวอีกครั้ง เมื่อมีลมอุ่นๆ เข้ามาในปากและจมูกผม ผมรู้สึกได้ว่ามีอากาศผ่านเข้าปอดอีกครั้ง ผมจึงสูดและดูดลมนั่นเต็มที่ แต่สัมผัสที่ได้บ่งบอกว่าเป็นปากใครนุ่มๆที่มีลมปล่อยออกมาด้วย

ผมค่อยๆลืมตาขึ้น เห็นอีกฝ่ายกำลังปล่อยลมเข้าปากผมพร้อมทั้งดูดริมฝีปากอย่างร้อนรน...

"อื้มมม..."

ผมปล่อยลมอย่างพอใจ เขาจึงตกใจและลุกขึ้นนั่งข้างๆผมที่นอนอยู่

"ขอโทษ"

ผมมองหน้าเค้าเต็มตาอีกครั้ง เมื่อกี้มันวุ่นวายเกินกว่าจะสนใจอะไร ใบหน้านั้นขาวเนียล แก้มใสจนเห็นเส้นเลือด ไม่รู้ว่าเพราะอายหรืออะไร ผมว่าเค้าแก้มแดงมาก ผมยังไม่เปลี่ยนใจที่ต้องสั่งสอนเด็กอ๊อกซิเจนแสนร้ายกาจคนนี้ ที่ทำเอาผมเกือบตาย!!!

"นายทำชั้นเกือบตาย แล้วพูดแค่ขอโทษ"

"ก็ขอโทษ จะให้ทำยังไงล่ะ"

ผมลุกขึ้นพร้อมเอาหน้าเข้าไปใกล้ๆแก้มแดงๆนั่น 

"ทำอะไรดีล่ะ???"

ฝ่ายตรงข้ามถอยด้วยความตกใจจนไปนั่งแปะลงบนโซฟาอีกครั้ง 

ผมไม่รอช้า นั่งลงที่พื้นแล้วจับแขนสองข้างติดกับโซฟา ไม่ให้คนตรงหน้าลุกไปไหนได้อีก

"นะ...นายจะทำอะไร"

"ก็นายอยากทำชั้นเกือบตาย ชั้นจะเอาคืนบ้าง"

"นายอยากตายอีกหรือไง"

"เด็กคนนี้ ทำไมถึงได้กล้าต่อปากต่อคำกับนักนะ"

"เปล่านะ ก็นายจะมาล็อคไว้แบบนี้ไม่ได้ จะกลับ เลือดก็หยุดแล้ว"

"ไม่ได้ นายต้องอยู่ที่นี่ก่อน แผลยังไม่ทันได้ทำเลย ดูสิเนี่ยะ กลายเป็นโลหะเทาๆเหนียวๆแบบนี้แปะที่แขน มันจะดีได้ยังไงกัน"

"ปล่อยสิ ทำเองได้ ไม่ต้องมายุ่ง"

เด็กคนนี้ยังคงดิ้นไปมา จนผมเริ่มรำคาญ จะอะไรกันนักกันหนานะ

"ถ้านายไม่หยุดดิ้น ชั้นจะจูบนายเหมือนที่นายจูบชั้นเมื่อกี้"

"อะไรกัน มะ...เมื่อกี้...ผมเปล่า ปล่อยนะ"

เขายังคงดิ้นไปมาและทำท่าจะลุก เหมือนไม่เชื่อว่าผมจะทำจริงๆ ผมจึงอาศัยแรงที่มากกว่าดึงเค้าเข้ามาใกล้และประกบปากอุ่นๆเข้าไปอีกครั้ง ลมหายใจแรงปะทะกัน ตาเค้าโตมากขึ้นจนถลึงตามองผม

"อื้ออออ!!!" 

ผมบดเบียดริมฝีปากไปบนปากนิ่มๆแรงขึ้น ยิ่งจูบก็ดูเหมือนจะยิ่งหวาน ผมค่อยๆโถมตัวกดเค้าไปพิงกับผนังโซฟา อีกฝ่ายดูไม่ต่อต้านเหมือนตอนแรก มันเหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ ร่างกายเขาดูผ่อนคลายขึ้น และดูจะร้อนขึ้นกว่าเดิม ผมไม่ค่อยเข้าใจมากนัก จึงถอนปากออกมาก่อน มองหน้าเค้า...

"นายชื่ออะไร"

เค้าก้มหน้าลงด้วยแก้มที่ยังคงแดงมาก ตอบด้วยเสียงเบาๆ

"อี้เฟิง"


.......................................โปรดติดตามตอนต่อไป......................




วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน ตอน เราจะข้ามเวลามาพบกัน season 2 EP.3

Season 2 EP.3   "อู๋เหล่า"


"นายฉีซาน นายกลับมาแล้ว เป็นยังไง เหนื่อยมากมั้ย"

"อ้าว อู๋น้อย ทำไมมาอยู่ห้องชั้นได้ล่ะ ไหนว่า...ยังไงก็ไม่ย้ายมาไง"

คนตัวใหญ่เจ้าของบ้านทำหน้าแปลกใจเมื่อเห็นผมในห้อง เพราะก่อนหน้านี้ผมยืนยันหนักแน่นว่ายังไงก็ไม่ย้าย แต่นี่ผมเปลี่ยนใจแล้ว เพราะสองเหตุผล หนึ่ง...ผมอยากให้เค้ามีความสุขที่สุดก่อนผมจะไป สอง...ถ้าไม่อยู่กับเค้า ผมจะหาช่องทางกลับได้ยังไง

"ก็ย้ายมาแล้วนี่ไง ไม่ดีเหรอ ดูสิ นายกลับบ้านค่ำๆมืดๆ ลุงฟุกับคนอื่นๆก็ไปนอนกันหมดแล้ว ใครจะเอาข้าวให้กินล่ะ"

"เห็นหน้าอู๋น้อยน่ารักแบบนี้ ชั้นก็ไม่หิวแล้วล่ะ"

นายฉีซานเข้ามากอดและหอมแก้มผมฟอดใหญ่ 

"พอเลยๆ ไปอาบน้ำก่อนเถอะ ชั้นจะไปอุ่นของกินให้นะ"

"ไม่ต้องไปหรอก ชั้นไม่หิว ไปอาบน้ำกับชั้นดีกว่า!!!"

ผมถูกอุ้มตัวลอย เค้าพาผมเข้าไปในห้องอาบน้ำด้านหลังห้องนอนอีกครั้ง แล้ววางผมลง ผมจึงเอามือค่อยๆปลดชุดเสื้อทหารของเค้าออกอย่างระมัดระวังเพราะเครื่องหมาย ตราอะไรเยอะแยะเต็มไปหมด

"วันนี้ทำไมทำตัวน่ารักขนาดนี้นะ แบบนี้สงสัยลุงฟุเอาอะไรให้กินรึเปล่า"

เค้ายิ้มแบบมีเลสนัยให้ผม แต่ผมก็ไม่ได้กินอะไรจากลุงฟุนี่นา

"เปล่านะ ก็อยากทำให้ ทำไมล่ะ ดูแลนายแบบนี้ไม่ดีเหรอไง"

เค้าก้มลงมาจูบผมและซุกไซร้ไปตามซอกคอ

"เดี๋ยวๆ เดี๋ยวสิ"

"อะไรล่ะ อู๋น้อย ไหนบอกว่าจะดูแลชั้นไง"

"ฉีซาน ชั้นอยากไปหาปู่ชั้นที่นายเคยเล่าให้ฟัง นายพาชั้นไปได้มั้ย"

ผมเอานิ้วลากไปตามแผ่นอกเค้า เมื่อถอดเสื้อออกหมด ในขณะที่พูดไปด้วย คิดว่าการยั่วแบบนี้น่าจะได้ผลนะ

"ก็ได้ งั้นพรุ่งนี้นะ ชั้นว่างตอนเช้าพอดี แต่ตอนนี้ขอกินอู๋น้อยให้อิ่มก่อนแล้วกัน"

อีกฝ่ายไม่รอช้าซุกไซร้ริมฝีปากเข้าที่ซอกคอคนตรงข้ามอย่างช้าๆ ซึ่งไม่มีการขัดขืนใดๆ ตรงข้ามคนอ้อนตรงหน้ากลับโอบกระชับร่างให้เข้ามาแนบชิด สร้างความพอใจให้เฉินฉีซานเป็นอย่างมาก ซอกคอถูกดูด เคล้าคลึงไปมา จนตัวผมเองก็เริ่มรู้สึกถึงความต้องการที่มากขึ้น จึงเอามือลูบไปที่กางเกงทหารตัวหนา ที่ยังมีสิ่งขวางกั้นอยู่ 

"อู๋น้อยๆ วันนี้นายซุกซนมากนะ ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวัน ชั้นก็ไปไหนไม่รอดสิ"

"แล้วนายจะไปไหนล่ะ ไม่อยากอยู่กับชั้นแล้วหรือไง"
นายฉีซานบดจูบมาที่ปากผมอีกครั้งอย่างรุนแรง เสื้อผ้าทุกชิ้นถูกถอดออกอย่างง่ายดาย ตอนนี้สองร่างเปลือยเปล่า คล้ายมีการต่อสู้กันเบาๆอยู่ในอ่างน้ำใหญ่อีกครั้ง ยังไม่ทันจะมีน้ำชำระล้างร่างกายใดๆ กลับกลายเป็นเค้าที่อยู่ใต้บังคับผม เสียงเอี้ยดอ้าดของการเสียดสีในอ่างกับร่างกายที่เกิดขึ้น ทำให้คนตัวใหญ่ด้านล่างตัวแดงไปหมด ใบหน้าเคลิ้มสุขจากการปลุกเร้าของผมดูเหมือนจะได้ผล เค้าเรียกชื่อผม กอดผม และจูบผมไม่หยุด จนกระทั่งทุกอย่างมาจบที่เตียงนอนอีกครั้ง ผมอยู่ในอ้อมกอดเขาเหมือนเดิม ความอบอุ่นนี้ ผมไม่ได้อยากจากไป แต่ผมแค่อยากไปจากเหตุการณ์ร้ายๆที่มีทั้งหมดเท่านั้น

"ฉีซาน ถ้าปู่ชั้นไม่เป็นแบบนี้ นายคงไม่ต้องมาตามหาของจนเจอชั้นสินะ"

ผมพูดกับเค้าขณะที่เค้านอนหลับตาและผมนอนอยู่บนอกเค้า


"ไม่หรอก เราสองคนต้องได้เจอกัน ฉีจุ่ยก็บอกแล้ว เออ!!!ใช่ พรุ่งนี้ไปบ้านอู๋เหล่า ชั้นจะให้เค้าทำนายเรื่องของนายด้วย ดีมั้ย!!!"


"ทำนายทำไม พระอาจารย์ก็สอนไว้ ใครทำอะไรย่อมได้ผลแบบนั้น"

"เหมือนที่ชั้นทำนาย นายก็ทำชั้นสินะ"

นายฉีซานลืมตามาอมยิ้ม ผมชอบเวลาเค้าล้อเล่นแบบนี้ นี่แหละ เฉินฉีซานที่ผมชอบ 

"นายนี่ ต้องบอกว่า ชั้นรักนาย แล้วนายก็รักชั้น ไม่ใช่เหรอ??"

ผมเงยหน้าไปถามเค้า โดยลืมตัวว่าพูดบอกรักไปเหรอเนี่ยะ!!! 

"ฮั่นแน่!!! นายรักชั้นๆๆ ชอบจัง พูดอีกได้มั้ย"

เค้าจูบหน้าผากผมแบบหยอกเย้า ผมหันหน้ากลับมามุดอยู่กับอ้อมแขนเค้าอีกครั้ง

"อู๋น้อย นายนี่ เดี๋ยวก็เขิน เดี๋ยวก็ยั่ว ตกลงนายจะเอายังไง"

ผมไม่ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มและคิดในใจว่า ก็เป็นแบบนั้นแหละ เพราะบางทีผมก็มีแผน บางทีผมก็ไม่มีและปล่อยให้เป็นไปตามที่รู้สึก...


........เช้าวันรุ่งขึ้น พวกเราออกไปกินข้าวที่โต๊ะอาหาร แม้แต่ลุงฟุยังต้องเอ่ยทัก

"คุณชาย ดูมีความสุขจังนะครับ ผมดีใจที่คุณหนูอู๋ยอมย้ายเข้าไปอยู่ในห้องคุณชายแล้ว"

"ลุงฟุ บอกมาซะดีๆ เอาอะไรให้อู๋น้อยกินรึเปล่า??? ชักจะน่ารักขึ้นทุกวันแล้วนะ"

"เปล่านะครับ ตั้งแต่คราวนั้น เอ้ย..."

"คราวนั้นอะไรเหรอครับลุง นี่ลุงฟุเอาอะไรให้ผมกินเหรอ"

"โธ่!!! ยาบำรุงแหละครับ ไม่ต้องสนใจหรอก แค่เห็นทั้งคุณชายกับคุณหนูอู๋มีความสุข ผมก็ดีใจมากแล้วล่ะครับ คราวนี้ได้ตายตาหลับแล้ว 555"

การพูดคุยอย่างสนุกบนโต๊ะอาหาร ยังต่อเนื่องไปถึงบนรถ เพื่อไปยังที่หมายที่ผมต้องการ จนในที่สุด...


"อ้าว ฉีซาน มากันเล้ว เข้ามาสิ"

"เป็นไงบ้างฉีจุ่ย อู๋เหล่ามีปฏิกิริยาอะไรบ้างมั้ย???"

ระหว่างที่เพื่อนรักสองคนกอดคอคุยกันไปนั้น ผมก็สังเกตดูบ้านที่นายฉีซานพยายามบอกว่า เป็นบ้านของปู่ผม พอสำรวจรอบๆ ก็เห็นของโบราณมากมาย และที่สำคัญภาพถ่ายที่เป็นแบบเก่าๆ สมัยเด็กของเจ้าบ้านที่ดูคล้ายกับผมเมื่อตอนเด็กมาก มันจะเป็นไปได้จริงๆเหรอเนี่ยะ...

พอเดินตามเข้าไปถึงห้องที่มีบุคคลที่ผมอยากเจอที่สุดนอนนิ่งอยู่บนเตียงใหญ่ ผมเห็นหน้านายฉีซานเปลี่ยนไปทันที แววตาเค้าดูเศร้าอีกครั้ง นี่ตกลงทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ยังไงกันนะ...

ผมมองดูคนตรงหน้า หน้าตาซีดขาวราวกับกระดาษ ดูเหมือนหายใจรวยริน แต่ก็ยังไม่เหมือนคนตายซะทีเดียว ตกลงนี่เค้าเป็นปู่ผมจริงๆเหรอ...

นายฉีซานนั่งลง ไปจับมือเค้าขึ้นมากุมไว้ เอาหน้าผากแตะเหมือนขอพรอะไรสักอย่าง 

"ฉีจุ่ย ทำไมอู๋เหล่าดูแย่กว่าคราวก่อนอีกล่ะ"

"ก็ชั้นบอกแล้ว เราเหลือเวลาอีกไม่มากนัก นี่นายก็ไขปริศนาได้หมดแล้ว เหลือแต่บังคับให้เยว่หงมาที่นี่ให้ได้ เราก็จะช่วยอู๋เหล่าได้สักที นายจะเอาไงต่อล่ะ" 

"ชั้นจะลองไปขอร้องเค้าใหม่"

"หาาา นายฉีซาน ทั้งๆที่เค้าทำกับชั้นแบบนี้อ่ะนะ" ผมแย้งขึ้นทันที

"ก็ช่วยไม่ได้นี่นา ถ้าอยากช่วยอู๋เหล่า ชั้นก็ต้องยอมไปหาเยว่หงอีกครั้ง"

"นายอยากทำอะไรก็เชิญตามสบายแล้วกันนะ ชั้นมันคนนอกอยู่แล้วนี่นา"

"อู๋น้อย มีเหตุผลหน่อยสิ นายก็เห็นปู่นายแล้ว ชั้นต้องการช่วยเค้า นายจะให้ชั้นทำยังไง"

"ถ้างั้นนายจะเอาเลือดชั้นเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน ชั้นพร้อมเสมอ"

"เอาล่ะๆ ไม่ต้องเถียงกันนะ เด็กน้อย ออกมากับชั้นหน่อยสิ"


สักพักผมก็เหมือนถูกบังคับกลายๆ ให้ออกมาจากภาพตรงหน้านั่นด้วย ผมไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงดี นายฉีซานดูเป็นห่วงคนที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้นมากกว่าผมที่ยืนอยู่ตรงหน้าซะอีก...

"เธอคิดจะไปเหรอ เด็กน้อย"

"เอ่อ...คุณฉีจุ่ย คุณพูดอะไรครับ"

"อย่าปิดบังเลย ชั้นรู้ว่าเธอคิดอะไร"

"ก็ใช่ แต่ว่าไม่ใช่เพราะนายฉีซานนะครับ ทุกอย่างเป็นเพราะเอ่อ...เค้าก็เป็นเพื่อนคุณอีกคนนี่นา"

"เอาเถอะ ชั้นเข้าใจ แต่อยากจะให้เข้าใจฉีซานด้วย พวกเราผูกพันธ์ต่อสู้หลายๆอย่างร่วมกันมา เธอไม่ได้รู้มาก่อนจึงไม่เข้าใจความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งนี้"

"ใช่ครับ ดังนั้นผมคิดว่าผมอยากเป็นฝ่ายไปดีกว่า เพื่อไม่ให้นายฉีซานมีปัญหาอีก ผมจะกลับไปใช้ชีวิตของผม เค้าก็อยู่ของเค้า ไม่ต้องมาวุ่นวายกันอีก"

"เอาเป็นว่านั่นเป็นเรื่องที่เธอจะต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง จำไว้ ชั้นให้นี่เพราะชั้นต้องให้ ส่วนเธอจะใช้หรือเปล่า เธอก็คิดเอาเองแล้วกัน"

ผู้ชายที่ดูขึ้เล่นตรงหน้า พอเวลาจะพูดจริงจังขึ้นมา ดูน่าเกรงขามทีเดียว เค้าหยิบลูกแก้วใสเล็กๆขึ้นมากให้ผม

"นี่มัน!!!"


"จะอะไรก็ช่าง รู้ไว้แค่ว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่นายเอาเลือดนายหยดลงไป เมื่อนั้น นายจะสามารถกลับไปที่ๆนายจากมาได้"

ผมเก็บรักษาเอาไว้ให้ดีจนกระทั่งพวกเรากลับมาบ้าน นายฉีซานและผม ต่างคนต่างเงียบตลอดทาง ไม่มีใครพูดอะไร จนกระทั่งมากินข้าวเย็นที่โต๊ะอาหาร

"อะไรกันครับ ทำไมพอคุณสองคนกลับมาถึงได้เหมือนคนละคนกับเมื่อเช้าเลยล่ะ"

"ลุงฟุครับ ผมอิ่มแล้ว เก็บไปเถอะครับ" ผมรู้สึกตันๆในลำคอ สมองก็โหวงๆ คิดอะไรไม่ออก ผมได้แล้ว ผมเจอทางกลับวัดต้ามู่แล้ว แต่ทำไม ผมถึงรู้สึกว่า ผมไม่อยากรู้เลยว่ามีมันอยู่...

"ลุงฟุ เดี๋ยวผมจะลงไปทำงานต่อที่ห้องใต้ดินนะ"

นายฉีซานลุกขึ้นไม่สบตาผมสักนิด แล้วเดินไปจากห้องอาหารทันที ผมไม่รู้ว่าควรตามไปหรืออยู่เฉยๆ ผมกำลังจะลุกกลับห้องเหมือนกัน ลุงฟุดูงงมากกับเหตุกาณ์นี้

"ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะครับ คุณหนูอู๋ ก็เมื่อเช้ายังดีๆกันอยู่เลย"

"ลุงก็ไปถามคุณชายของลุงเองสิ ผมไม่เกี่ยวนะ"

พูดจบผมก็เดินจากมา กลับมาที่ห้องนายฉีซาน อาบน้ำเตรียมตัวนอน ก็ไม่พบอีกฝ่ายกลับมาที่ห้อง ผมเอาลูกแก้วใสนั่นขึ้นมาดูอีกรอบ ก่อนจะเก็บใส่ถุงผ้าเล็กๆไว้ในกล่องเก็บของของผม แล้วหลับไป

"อื้อออ"

ผมรู้สึกว่ามีมือใหญ่ๆ ซุกเข้ามาที่เสื้อจนกระทั่งลูบที่หน้าอกผม

ผมกำลังจะขยับตัวหันไปมอง คนตัวใหญ่ก็จูบมาที่ซอกคอผม

"อู๋น้อยๆ อย่าโกรธชั้นเลยนะ"

เค้ากระซิบเบาๆที่ข้างหูผม ที่กำลังนอนตะแคงข้างโดยมีเค้าโอบกอดจากด้านหลัง

มือเค้าจับไปที่ยอดอก ลูบไล้และบีบที่ตุ่มเม็ดบนยอดเล่นพร้อมกับขยับเอาผมเข้าไปกอดอย่างแนบแน่น

"อื้มมม อื้มมม"

ผมไม่อาจต่อต้านแรงปลุกเร้านี่ได้ นอกจากยอมรับแต่โดยดี ร่างกายผมพร้อมสำหรับการสัมผัสจากเค้าตลอดอยู่แล้ว

"นายเป็นของชั้น นายต้องเข้าใจชั้นสิ อู๋น้อย"

นายฉีซานเริ่มเอามือล้วงเข้าไปที่ด้านในกางเกงผม แล้วจับที่แก่นกายผม ผมเอามือจับมือเค้า เหมือนอยากจะหยุด เพื่อที่จะได้คุยกันก่อน 

"นายฉีซาน อย่าสิ!!!"

"ไม่ ชั้นบอกแล้วไงอู๋น้อย อย่าดื้อ ต้องเชื่อฟัง"

"ชั้นไม่อยากให้นายไปหาเค้า"

สุดท้ายผมก็พูดความจริงออกไป พร้อมหันหน้าไปหาเค้า แต่ส่วนล่างยังคงถูกกุมเอาไว้แบบนั้น...

"เราต้องให้เค้ามาเปิดหีบ นายก็รู้ดี มันไม่มีอะไรมากกว่านั้น"

ผมพยายามจะผลักเค้าออก แกะมือเค้าออกจากตัวผม

"อู๋น้อย นายดื้ออีกแล้วนะ"

"เปล่า ก็ถ้านายจะไปหาเค้า ก็อย่ามายุ่งกับชั้นอีก ชั้นจะกลับห้อง"

ผมดันเค้าออกไป แต่ร่างกายตรงหน้ากลับพุ่งเข้ามามากขึ้น

"ชั้นไม่ให้นายไปไหนทั้งนั้น"

ผมกับเค้าพัวพันนัวเนียกันไปมา ไม่มีใครยอมใคร แต่แน่นอนด้วยกำลังที่มากกว่า นายฉีซานก็จัดการกดผมเอาไว้ได้ในที่สุด พร้อมด้วยเสื้อผมที่หลุดออกจากตัวเรียบร้อย

"ถ้านายคิดว่าจะขัดคำสั่งชั้นได้ นายคิดผิดแล้วอู๋น้อย ชั้นบอกแล้วไง นายเป็นคนตระกูลอู๋ ตั้งแต่เกิดนายก็เป็นของชั้น เข้าใจมั้ย"

"ไม่เข้าใจ!!!"

ผมตะโกนใส่และเบือนหน้าไปอีกทาง 

"อีกแล้วนะ เด็กดื้อ!!!"

นายฉีซานบดจูบลงมาที่ปากผมพร้อมเอาลิ้นรุกไล่เข้ามาด้านใน ผมพยายามจะดิ้นและขัดขืน เค้าก็กดผมแน่นขึ้น มือข้างนึงของเค้าเริ่มทำงานอีกครั้ง ทั้งล้วงและรูดเข้าไปที่แก่นกายของผม พร้อมรูดขึ้นลงอย่างเร็ว ผมพยายามเอามืออีกข้างทุบๆไปที่ตัวเค้าแต่ก็ไม่เป็นผล แรงต้านผม เบาลงเรื่อยๆ ตามแรงจูบและมือที่รูดส่วนนั้นอย่างไม่หยุด

จนในที่สุดลิ้นผม ก็เผลอตอบรับและสอดเข้าไปในปากเค้าบ้าง มือผมก็กลายเป็นลูบไล้ที่แผ่นหลังกว้างของเค้าแทน...

เค้าเห็นผมไม่ขัดขืนใดๆแล้ว นายฉีซานเอามือล้วงต่ำลงไปกว่านั้น จนกระทั่งถึงทางเข้าด้านหลัง นิ้วมือค่อยๆสอดเป็นทางนำเข้าไปใหม่ เมื่อกว้างพอ ความอบอุ่นจากนายฉีซานจึงถูกแทรกเข้ามาอีกครั้ง...

"อ๊าาาา ซีสสส"

"อู๋น้อย ชั้นรักนายนะ"

"ฉีซานๆ อ๊าาา"

ผมยังรับความเจ็บปวดและอบอุ่นนั้นเข้ามาลึกขึ้นๆ ผมต้องเอามือบีบแขนเค้าไว้ตลอดเวลาที่เหมือนเป็นการทำให้เข้าใจความรักแบบของเค้า...

เค้านอนทับลงมาบนตัวผมอีกครั้ง ผมดันเค้าออกไปด้วยความหนัก แต่ก็ไม่สำเร็จ เค้านอนหันหน้ามาพูดกับผม

"อู๋น้อย นายไปกับชั้นนะ"

"ไปไหน???"

"ไปบ้านเอ้อร์หง พรุ่งนี้"

"ฮะ!!! อะไรนะ!!!"

"ชั้นมาคิดดูแล้ว ก็ในเมื่อนายไม่อยากให้ชั้นไป แต่ชั้นจำเป็นต้องไป เราก็ไปด้วยกันสิ"

เค้าพลิกตัวไปนอนแผ่ แล้วเอาตัวผมไปกอดอยู่ด้านข้างอีกครั้ง ผมจึงยืดตัวขึ้นไปจูบเค้าเบาๆ 

"ถ้าชั้นไม่ไปล่ะ"

"อู๋น้อย!!! ชั้นขอร้อง อย่าดื้อสิ แค่นี้ชั้นก็กลุ้มใจจะแย่แล้ว คนก็ต้องช่วย ส่วนนายชั้นก็ต้องการ"

"ฮึๆๆ ก็ชั้นมันอู๋น้อยจอมดื้อ นายก็บอกอยู่แล้ว"

"อู๋น้อย นายนี่!!!"

"เอาล่ะๆ ในเมื่อคนแก่พูดอะไรชั้นก็ต้องเชื่อฟัง ก็เอาสิ จะได้จบๆเรื่องซะที"

"เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ???"


"อ๊าาาา นายฉีซาน!!! ปล่อยสิ ชั้นล้อเล่น อื้ออ นายฉีซาน!!! 555 มันจั๊กจี้นะ โอ๊ย!!! ไม่เหนื่อยบ้างรึไงนะ นายฉีซาน!!! อื้ออออ"


คืนนั้นผมก็ถูกลงโทษเหมือนเดิมอีกแล้ว แต่เป็นการลงโทษที่เต็มใจมาตลอด สายตาผมเหลือบไปเห็นกล่องเก็บลูกแก้วที่วางอยู่ เอาเป็นว่าไปหาคุณชายเอ้อร์หงก็ดีเหมือนกัน ถ้าปัญหาคลี่คลาย ผมอาจจะไม่ต้องใช้มันก็เป็นได้...


เช้าวันรุ่งขึ้น มีเสียงเคาะประตูดังลั่น!!!

"คุณชายครับคุณชาย"

"มีอะไรเหรอลุงฟุ"

ผมตื่นขึ้นจากอ้อมแขนของนายฉีซาน ด้วยเสียงเรียกจากลุงฟุ

"คุณชายฉีจุ่ยบอกว่า คุณชายเอ้อร์หงไปที่บ้านคุณชายอู๋แล้ว ให้รีบตามไปด่วนเลยครับ"

ผมมองหน้านายฉีซานที่กำลังงัวเงียเพราะถูกปลุก แต่พอได้ยินประโยคนั้น เราสองคนแทบจะตื่นในทันที...



.........................................โปรดติดตามตอนต่อไป..........................




















วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

คุณชายธราถิง ตอนที่ 2 พาหุรัด

ตอนที่ 2 พาหุรัด


ห้องนั่งเล่น วังจุฑาเทพ


"เอาล่ะ วันนี้ย่ามีอะไรจะประกาศ"

หม่อมย่าเอียดพูดขึ้นเมื่อเห็นทุกคนพร้อมที่จะนั่งฟังเรื่องราวที่ท่านตั้งใจนัดมาในวันนี้ หลังจากอาหารมื้อใหญ่ที่เลี้ยงตระกูลเทวพรหม

"หม่อมย่า มีอะไรจะประกาศรึคะ เบบี้รู้สึกตื่นเต้นจังค่ะ"

"พี่ว่าน้องเบบี้เก็บอาการหน่อยมั้ยครับ บางครั้งพี่ก็รู้สึกว่าที่นี่เมืองไทย ไม่ใช่ที่ลอนดอนนะ กิริยาแบบนี้พี่ว่ามันไม่งาม"

คุณชายปวรเทียน ผู้ที่ไม่ชอบมารตีเบบี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อเห็นท่าทางบนโต๊ะอาหารและทุกอย่างที่ทำ ยิ่งไม่อยากจะสนับสนุนให้พี่ชายคนเดียวของเขาไปตกนรกเลยจริง พอเขาหันกลับไปหาแนวร่วมคือคุณชายรัชชาฝาน สายตากลับไปจดจ้องอยู่ที่น้องคนเล็กแห่งตระกูลเทวพรหม

"นี่ ชายฝาน นายจะมองชายลู่หานเค้าอีกนานมั้ย"

"ชู่ววววว!!! พี่ชายเทียน เบาๆหน่อยสิ เดี๋ยวน้องลู่หานก็รู้ตัวหรอกว่าผมมองอยู่ คนอะไร น่ารักชะมัด น่ารักกว่าน้องเบบี้ตั้งเยอะ"

"อันนั้นชั้นก็ไม่เถียง แต่ว่าถ้านายมองนานกว่านี้ ฝ่ายโน้นเค้าจะคิดว่าเราโรคจิตไปจ้องเค้าอยู่ได้ มานี่ มาช่วยพี่จัดการยัยเบบี้ดีกว่า"

สองพี่น้องสุมหัวกันซุบซิบ โดยไม่รู้ว่าตอนนี้สายตาพี่ชายใหญ่ของบ้าน จับจ้องไปที่แก้มชมพูระเรื่อของทายาทเทวพรหมเช่นกัน หากแต่ไม่ใช่คนที่เขาต้องขัดดอกด้วย แต่เป็นพี่ชายคนโตของตระกูลที่เขารู้สึกประหลาดเมื่อมองใบหน้านี้ทุกครั้งตั้งแต่บนโต๊ะอาหาร

"เอาล่ะ ทุกคน ย่าจะบอกว่า ในเมื่อสองตระกูลก็มากันในวันนี้แล้ว อย่างที่รู้กันว่า ย่าได้ตกลงกับทางเทวพรหม เพื่อให้ชายใหญ่ได้เข้าพิธีหมั้นหมาย หญิงมารตีเบบี้จ๊ะ ย่าอยากจะขอให้หลานได้ศึกษาเรียนรู้ชายใหญ่ให้มาก เพราะอย่างไรเสีย ย่าก็อยากจะตอบแทนความมีน้ำใจของทางเทวพรหมที่มีต่อจุฑาเทพมาโดยตลอด"

ย่าอ่อนรู้ดีว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างปัญหา ก็เลยคิดว่าน่าจะมีส่วนช่วยให้สองคนที่เป็นคู่หมายได้สนิทสนมกันไว้

"เออ...นั่นสินะ พอดีว่า ย่าอยากจะรบกวนให้ชายใหญ่พามารตีเบบี้ไปเดินพาหุรัดเลือกผ้ามาตัดชุด ย่าจะตัดให้เป็นของรับขวัญ แต่ว่าอยากให้หญิงเบบี้ไปเลือกลายผ้าด้วยตัวเองดีมั้ยจ๊ะ เพราะย่าคุยกับพี่หญิงว่า เราจะจัดงานเต้นรำพร้อมประกาศเรื่องหมั้นกันที่วังจุฑาเทพในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้านี้"

เหล่าพี่น้องจุฑาเทพ ไม่รู้จะเอ่ยขัดได้อย่างไร ในเมื่อเป็นคำสั่งที่ระบุตัวของท่านย่าทั้งสองจึงได้แต่นิ่ง แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งออกมา

"โหหห...คุณย่าอ่อนลำเอียงจังนะครับ ทำไมตัดชุดให้แต่น้องเบบี้ล่ะ ผมก็อยากได้สูทใหม่บ้าง ขอไปเลือกผ้าที่พาหุรัดด้วยได้มั้ย"

คุณชายรัชชาฝานเกิดความคิดขึ้นมาทันที...

"พี่ชายฝาน พี่ก็มีเสื้อสูทเยอะแยะ ยังจะเอาไปทำไมอีก"

คุณชายรณหยาง น้องเล็กผู้ไม่รู้เท่าทันความคิดพี่ชายว่าอยากจะไปขัดคอว่าที่คู่หมาย และอีกเป้าหมายที่เขาต้องการที่ยังไม่ได้เอ่ยออกไป...

"แหม ชายหยาง พี่ก็อยากได้อีก ทำไมล่ะ แล้วก็พี่อยากไปเดินพาหุรัดบ้าง ถ้ายังไงรบกวนน้องลู่หาน พาพี่ไปด้วยได้มั้ยครับ อีกหน่อย เราก็จะเกี่ยวดองกันแล้ว"

คุณชายรัชชาฝานเข้าสู่สิ่งที่ต้องการทันที เล่นเอาอีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว

"เอ่อ...พี่ชายฝานอยากให้ผมพาไปพาหุรัดด้วยเหรอครับ ผมจะไปด้วยได้เหรอ คือว่า..."

"ทำไมล่ะ พี่ว่าไหนๆก็ไหนๆแล้ว เราไปกันหมดนี่แหละ จริงมั้ย ชายโป๋"

คุณชายปวรเทียนสรุปเอาเองหน้าตาเฉย ในเมื่อสกัดกั้นคำสั่งคุณย่าไม่ได้ ก็ลากไปให้หมดนี่ล่ะ 555

"ผมขอตัวดีกว่าครับ พอดีมีผ่าตัดที่ผมคงต้องเริ่มไปทำแล้ว"

คุณชายพุฒิโป๋ หมอผ่าตัดผู้ที่ไม่ค่อยจะมีเวลาส่วนตัวเท่าไหร่นัก รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ คนอื่นๆน่าจะช่วยพี่ชายใหญ่ได้เหมือนกัน

"งั้นก็ตามใจหลาน ก็ถือซะว่าจะเป็นครอบครัวเดียวกัน ก็ทำความรู้จักกันไว้ก็แล้วกันนะ พรุ่งนี้ให้นายฮั่น ขับรถไปก็แล้วกัน"
หม่อมย่าเอียดสรุปในที่สุด

........................................เช้าวันรุ่งขึ้น..................................................

"สวัสดียามเช้าครับ คุณชายหยาง ทำไมตื่นเช้าจังเลยครับ"

นายฮั่นคนขับรถประจำตระกูลจุฑาเทพ เอ่ยถามคุณชายคนสุดท้องที่เขาก็ไม่ได้เจอหน้ามานานตั้งแต่เธอไปเรียนต่อต่างประเทศ

"อ้าว พี่ฮั่น ผมอยู่โน่นก็ต้องฝึกทหาร ก็ตื่นเช้าแบบนี้แหละครับ พี่กำลังทำอะไรอยู่เหรอ"

ชายหยางเห็นคนขับรถประจำบ้านที่เขาเคยเล่นด้วยเมื่อตอนเด็กๆ ตอนนี้เติบใหญ่เหมือนพี่ชายคนสนิท เขาไม่เคยคิดดูถูกว่านายฮั่นเป็นแค่คนขับรถเลย แต่คงไม่ใช่สำหรับใจของคนขับรถที่ต่ำต้อย ซึ่งเอ็นดูคุณชายคนเล็กนี้มาตลอด เพราะเธอไม่เคยถือตัวใดๆกับเขา เมื่อเห็นอีกฝ่ายในวันนี้ในใจเขาก็มีแต่ชื่นชม

"กำลังดูเครื่องยนต์หน่ะครับ พอดีเมื่อวานผมรู้สึกว่ามันแปลกๆ วันนี้ต้องพาคุณๆไปพาหุรัดกันอีก เลยไม่แน่ใจว่าจะไปได้หรือเปล่า"

"อ้าว เราก็เอารถคันอื่นออกสิครับ แล้วก็เอาคันนี้เข้าอู่ไป"

"อีกคัน พ่อก็ขับไปส่งคุณชายพุฒิโป๋ที่โรงพยาบาลแต่เช้า ส่วนอีกคันก็ไปตลาดครับ ตอนนี้ก็เหลือคันนี้กับรถของคุณชายใหญ่แล้วล่ะครับ"

นายฮั่นอธิบายพร้อมเอามือตรวจสอบบิดๆ เครื่องยนต์จนเขม่าติดมือและปาดเหงื่อบนใบหน้า รอยดำเปื้อนที่แก้มเป็นแถบ จนอีกฝ่ายเห็นก็อดขำไม่ได้

"พี่ฮั่น 555 เปื้อนหมดแล้วครับ"

"หะ!!! อะไรครับคุณชาย หน้าผมเหรอ"

ด้วยความสนิทสนมที่เคยมีมาตั้งแต่เด็ก และความไม่ถือตัวของชายหยาง เขาจึงหยิบผ้าเช็ดหน้ามาจากกระเป๋ากางเกงแล้วเช็ดไปที่แก้มของอีกฝ่าย

"อุ้ย!!! คุณชาย ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปล้างเอง"

"เฉยๆน่า พี่ฮั่น อยากจะหน้าดำแต่เช้ารึไง ผมเช็ดให้จะเป็นอะไร"

คุณชายหยางเช็ดรอยดำออกจากแก้ม และแถมเช็ดเหงื่อที่หน้าให้ด้วย ทำให้นายฮั่นตกใจเล็กน้อย จึงเอามือขึ้นมาจับที่มืออีกฝ่ายที่บรรจงเช็ดอย่างตั้งใจ

"โธ่!!! คุณชาย อย่าลำบากเลยครับ คนอย่างผม...มันก็"

"พี่ฮั่น ผมว่าผมเคยบอกพี่ตั้งแต่เด็กๆแล้ว ว่าเราไม่ใช่คนอื่น แล้วก็ห้ามพูดแบบนี้กับผมอีก อยู่เฉยๆสิ ผมจะเช็ดไม่หมดก็เพราะพี่นี่แหละ"

อีกฝ่ายจึงหยุดพูด เอามือลงแล้วยืนมองหน้าอีกฝ่าย คุณชายรณหยางคงไม่รู้ตัวหรอกว่า ได้ทำให้เขาตกหลุมรักอย่างหมดใจ แต่ไม่อาจเอื้อมไปยุ่งเกี่ยวได้ 

"เอาล่ะ เรียบร้อย ไหน  ขอผมดูบ้าง พี่สอนผมหน่อยสิ ผมอยากซ่อมเครื่องยนต์เป็น ตอนฝึกทหารเค้าก็ให้เรียนบ้างนะ แต่ผมก็ยังไม่ชำนาญเลย" 

นายฮั่นผู้เต็มใจทำทุกอย่างที่อีกฝ่ายขอ ชี้และอธิบายหลักการเครื่องยนต์ทุกอย่างที่เขาคลุกคลีมาตั้งแต่เกิดอย่างมีความสุข ชีวิตเขาไม่ขออะไรมากกว่าได้อยู่ใกล้ๆคนๆนี้

ดังนั้นเลยกลายเป็นว่า คุณชายธราถิงต้องขับรถตัวเองไปเพื่อรับตระกูลเทวพรหม พร้อมกับคุณชายปวรเทียนและคุณชายรัชชาฝาน เนื่องจากคุณชายรณหยาง อยากจะอยู่ซ่อมรถคันนั้นต่อกับนายฮั่น เขาจึงอนุญาตเพราะคิดว่า ไม่ต้องวุ่นวาย แค่นี้ก็คนเยอะมากพอแล้ว

............................................................................................

เมื่อทุกคนไปถึงพาหุรัดและกำลังเดินไปที่ร้านขายผ้าที่ใหญ่ที่สุดในย่านนั้น

"น้องเบบี้เข้าไปเลือกผ้าตามสบายเลยนะ พี่ไม่สันทัดเรื่องนี้ ขอนั่งรออยู่ตรงนี้แทนแล้วกัน"

คุณชายใหญ่เอ่ยขึ้นเมื่อไปถึงร้าน และคิดว่าตัวเองเดินไปก็ไม่เกิดประโยชน์ 

"อ้าว พี่ชายใหญ่ ไม่ช่วยเบบี้เลือกหรอกหรือคะ"

"พี่เลือกไม่เป็นหรอก น้องไปเลือกเถอะ เดี๋ยวพี่รอจ่ายสตางค์ให้ตรงนี้แหละค่ะ"

"งั้นก็ได้ งั้นหญิงขึ้นไปเลือกที่ชั้นสองก่อนนะคะ ผ้าดีๆจากยุโรปจะอยู่ด้านบน"

"เอ้า ชายฝาน นายจะมายืนทำไม ไหนบอกอยากได้สูทใหม่ ก็ไปดูผ้าสิ"

คุณชายใหญ่หันไปบอกน้องชาย ที่ทำทีอยากจะตามมาให้ได้ ไม่รู้ทำไม...

"เอ่อ...น้องลู่หาน ไปช่วยพี่ดูสีหน่อยสิครับ พี่อยากได้ความเห็น"

"งั้นก็ได้ครับ ถ้าพี่ชายฝานอยากให้ผมช่วยดู"

สองตาประสานกันอีกครั้ง เหมือนทั้งคู่จะรู้กันอยู่ในใจว่าอีกฝ่ายก็พึงพอใจเช่นกัน...

"งั้นผมขอไปเดินเล่นแถวนี้นะครับพี่ชาย เผื่อจะมีวัตถุดิบอะไร ที่จะไปทำเครื่องว่างทานเล่นบ่ายนี้ได้"

"ตามใจสิชายเทียน ไหนๆก็ออกมาแล้ว"

ถึงตอนนี้คุณชายเกษเฟิง ผู้ตกกระไดพลอยโจน ไม่มีความเห็นใดๆมาตั้งแต่ต้น ยืนหันไปหันมาเพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะอ้างอะไร หรือไปไหนดี ทำให้คุณชายธราถิงแอบอมยิ้มไม่ได้ ท่าทางเหมือนจะเขินเขาหรือไงนะ ช่างน่ารักอะไรแบบนี้

เขาจึงเข้าไปคว้าแขนของอีกฝ่ายแล้วดึงมา...

"น้องเฟิงมานั่งกับพี่ตรงนี้สิครับ"

"เดี๋ยวครับ พี่ชายใหญ่ เดี๋ยวสิ"

คุณชายเกษเฟิงไม่รู้จะทำตัวยังไง เขาไม่ค่อยอยากอยู่ใกล้ๆคุณชายใหญ่แห่งจุฑาเทพเท่าใดนัก เพราะทุกครั้งที่เข้าใกล้ หัวใจเขาจะเต้นแรง หน้าก็จะเริ่มร้อนทุกครั้งเขารู้ดี

"น้องเฟิงนี่ ชอบทำเหมือนรังเกียจไม่อยากคุยกับพี่นะ"

"ผมเปล่านะครับ"

"แหน่ะ ทำไมทุกครั้งที่คุยกับพี่ ต้องหลบตาแบบนี้ เหมือนเมื่อวานอีกแล้ว"

อีกฝ่ายเอามือช้อนใบหน้าที่ก้มอยู่ เพื่อสบตาตัวเอง

"พี่ชายใหญ่ ทำอะไรครับ"

"น้องเฟิง เรียกพี่ว่าพี่ถิงก็ได้นะ เรียกพี่ชายใหญ่ แล้วเหมือนเหล่าทะโมนน้องพี่ยังไงก็ไม่รู้"

มือยังคงจับที่ปลายคาง ทำให้คุณชายเกษเฟิงรู้สึกว่านี่มันเป็นที่เปิดเผย ทำแบบนี้เกิดใครมาเห็นเข้าจะคิดยังไง เขาจึงเอามือจับที่ข้อมือของอีกฝ่ายเพื่อเอาลง แต่กลายเป็นว่า มือเขากลับไปอยู่ในอุ้งมือใหญ่ไปซะแล้ว

"มือน้องเฟิงนี่นุ่มดีนะ พี่รู้สึกว่าเมื่อก่อนพี่เคยจับมือเอาไว้แบบนี้ ใช่มั้ยครับ"

"เอ่อ...พี่ชายใหญ่"

"พี่ถิง!!!"

"ครับ พี่ถิง ปล่อยเถอะ เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้าจะเข้าใจผิดเอาได้"

"555 ใครจะเข้าใจอย่างไรก็ปล่อยเค้า พี่พอใจแบบนี้ก็แล้วกัน"

"พี่ถิง ปล่อยเถอะครับ"

เขาพยายามจะชักมือออกจากอีกฝ่าย แต่ไม่เป็นผล เหมือนเล่นชักกะเย่อกันอย่างนั้น สุดท้ายเขาจึงปล่อยไว้อย่างนั้น

"พี่จำเรื่องราวในอดีตไม่ค่อยได้ น้องเฟิงพอจะจำเรื่องที่ย่าอ่อนพูดเมื่อคืนได้มั้ย ช่วยเล่าให้พี่ฟังหน่อยสิ"

"มันไม่มีอะไรน่าจดจำอย่างที่ผมบอกแหละครับ พี่ถิงไม่ต้องใส่ใจ"

"ไม่นะ!!! พี่จำได้ลางๆว่าพี่เคยจับมือน้องเฟิงเอาไว้แบบนี้จริงๆ แต่มันก็นานมากแล้ว พี่จำได้แต่ว่า เมื่อก่อนพี่มักจะคิดว่าน้องเฟิงเป็นเด็กผู้หญิง เคยบังคับให้ใส่ชุดผู้หญิงให้ดูด้วยซ้ำ น่ารักมากๆ"

"แค่นั้นเหรอครับ ที่พี่จำได้"

"รู้แล้ว!!!"

อยู่ดีๆ คุณชายตัวใหญ่เสียงดังขึ้น จนอีกฝ่ายตกใจ แล้วเขาก็เข้าไปกระซิบข้างหู

"พี่เคยทำแบบนี้ด้วยนะ"

ถึงตรงที่นั่งนั้นจะถูกบดบังไปด้วยม้วนผ้ามากมายในร้าน แต่คุณชายแห่งเทวพรหมก็ต้องใจเต้นรัวอีกครั้ง เมื่ออีกฝ่ายแตะปากมาเบาๆที่ริมฝีปากเขาแล้วถอนออก...

"พี่ถิง!!!"

"5555 น้องเฟิง หน้าน้องแดงมากอย่างกับลูกตำลึงเลย 5555"

เขาลุกขึ้นไม่รอช้า เดินจ้ำอ้าวออกไปจากร้านอย่างรวดเร็วด้วยความเขิน คุณชายใหญ่รีบวิ่งตามไปใกล้ๆ เขารู้สึกสนุกเมื่อเห็นอีกฝ่ายเป็นแบบนี้ ชีวิตเขาเรียบง่าย ไม่เคยหวือหวา แต่นี่เป็นเหมือนเรื่องเด็กๆที่เขารู้สึกว่าอยากทำ การได้แกล้งคุณชายคนนี้ทำไมมันมีความสุขจังนะ เขาไม่รู้หรอกว่าเมื่อตอนเด็กๆนั้น ได้แกล้งอะไรเด็กหญิงเฟิงของเขาเอาไว้บ้าง ถึงตอนนี้จะกลายเป็นคุณชายเกษเฟิงของตระกูลเทวพรหมไปแล้ว ความรู้สึกในตอนนั้นก็ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปเลย

"น้องเฟิงๆๆ รอด้วย รอพี่ด้วย"

...........................................โปรดติดตามตอนต่อไป...........................



















วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Tough love "นี่หรือ...คือรัก" ตอนที่ 5 (NC-17)

ตอนที่ 5 My heart

ผมเดินออกมาจากเค้าอีกเป็นครั้งที่สอง เค้าไม่รู้หรอกว่า ผมเจ็บปวดมากแค่ไหน ที่ต้องปล่อยให้เค้าอยู่ลำพังแบบนั้น แต่ก็เพื่ออนาคตของเค้า ตอนนี้อี้เฟิงของผม กลายเป็นหมอคนเก่งไปแล้ว เค้ามีอนาคตที่สดใส แต่ว่าผมแทบไม่มีอะไรที่จะเทียบเค้าได้เลย 


พอคิดย้อนไปตอนนั้น ผมเป็นเด็กที่ไม่มีเพื่อนมากนัก แถมมีศัตรูมากกว่าด้วยซ้ำ มีแต่เค้าที่หวังดีกับผมอย่างจริงใจ ทุกครั้งที่ผมกอดเค้า จูบเค้า ผมรู้สึกได้ว่าเค้าคนนี้รักผมจริงๆ ช่วงเวลานั้นผมมีความสุขมาก ผมคิดว่าผมคงอยู่กับเค้าคอยดูแลเค้าได้ แต่ไม่หรอก เป็นเค้าต่างหาก เจ้าแมวเหมียวที่คอยดูแลผม...

ห้องพยาบาลที่โรงเรียน กลายเป็นเหมือนที่นัดพบยามเย็นของเราสองคน เค้าจะมาติวหนังสือให้ผม แต่ผมก็ไม่ค่อยจะอยากอ่านหรอกครับ จนเค้าเริ่มจะดุผมแล้ว แต่ผมไม่ได้กลัวหรอกนะ ดุมากๆ ก็จับจูบซะเลย 555

............................................................................................................

"พี่ถิง ตรงนี้นะ มันต้องใส่วงเล็บไว้ พี่ก็ไม่ต้องเข้าใจความหมายทั้งหมด แล้วก็อ่านแบบข้ามๆ ก็จะรู้ว่าประโยคนี้คืออะไร ก็ตอบข้อสอบได้แล้วล่ะ พี่ถิง!!! พี่อย่าหลับสิ"

"แมวน้อย พี่ไม่ไหวแล้ว ก็มันง่วงนี่นา"

"ไม่ได้นะ พรุ่งนี้พี่ต้องสอบภาษาอังกฤษหมดนี่ ถ้าพี่ไม่เรียนรู้เทคนิคแล้วจะทำทันได้ยังไง"

"ช่างเถอะ งึมๆๆ พี่กาไปมั่วๆนั่นแหละ"

เค้ากับผมก็เหมือนตัวติดกันไปแล้ว ใครๆในโรงเรียนก็เริ่มจะซุบซิบนินทาว่าอี้เฟิงมาเป็นเด็กผม แต่ผมไม่แคร์ ไม่สนใจหรอก ผมรู้แค่ว่า ผมมีความสุขเวลามีเค้าก็พอแล้ว แต่ผมคิดผิดถนัด...

"พี่ถิง ทำไมปากพี่เป็นแบบนี้ล่ะ ใครต่อยพี่มาอีก"

เสียงคนข้างๆที่เป็นห่วงผมเสมอ เริ่มจะดังขึ้นอีกครั้งเย็นนี้

"เบาๆสิแมวเหมียว เดี๋ยวใครมาได้ยิน ก็รู้ว่าเรามาแอบอยู่ในห้องพยาบาลนี่ โอ๊ยๆๆ ไอ้บ้านี่หมัดหนักไม่ใช่เล่น"

"ทำไมพี่ถึงไปมีเรื่องกับเขาล่ะ"

"ก็มันปากไม่ดี ช่างเถอะ โอ๊ยๆๆ ไหนว่าที่คุณหมอของพี่ถิง ดูแลคนเจ็บหน่อยสิ"

"มา ผมทายาให้นะ"

นิ้วเล็กๆแตะมาที่มุมปาก ผมยังไม่วายดึงเค้ามาอยู่ในอ้อมกอด แต่เค้าก็ยังเอามือทายาต่อไป

"พี่ถิง อย่าขยับสิครับ!??"

"พี่ไม่อยากได้ยาแบบนี้"

ผมประกบปากลงไปที่ปากเค้าเบาๆ 

"โอ๊ะ...โอ๊ย!!! เจ็บ ซี้ดดดดดดด"

"ฮึ สมน้ำหน้า เจ็บตัวขนาดนี้ยังจะซ่าส์อีกนะ"

"ก็อยากได้ยาจากหมอนี่นา"

"งั้นเอาแบบนี้นะ ถ้าหายแล้ว ผมจะพาพี่ไปที่ๆนึง เป็นรางวัลที่เป็นคนไข้ที่ดี โอเคมั้ย"

ผมรับปากเค้าอย่างเต็มใจ ใบหน้าจริงจังที่มีความสุข ดวงตากลมโตคู่นั้นที่มองมาที่ผม มันทำให้ผมพลอยยิ้มไปกับเค้าด้วย


สองวันหลังจากนั้น เค้าพาผมไปที่โรงเลี้ยงสัตว์และปลูกผักหลังโรงเรียน ตอนเย็นๆมันเงียบมาก มีแต่เสียงไก่ หมู จนไปถึงม้า ผมเพิ่งเคยรู้ว่าโรงเรียนเรามีที่แบบนี้ด้วย

"เจ้าแมวเหมียว จะพาพี่มาเลี้ยงหมูหรือไง"

"ใช่ครับ 555"

"จะบ้าเหรอ ที่นี่มันมีด้วยเหรอเนี่ยะ โรงเรียนเรา"

"เมื่อก่อนที่ยังไม่เจอพี่ ผมมักจะมาที่นี่ มาคุยกับเจ้าพวกนี้ ผมมีหมูเป็นเพื่อนนะ พี่คงไม่คิดว่าผมบ้าใช่มั้ย"

ผมเอามือขยี้หัวเค้าแบบที่คุ้นเคยประจำ พร้อมโยกไปมา

"ที่นายมาคุยกับพี่ เพราะเห็นพี่เป็นเจ้าพวกนี้ใช่มั้ยล่ะ มิน่าเราถึงคุยกันได้ 555"

"พี่ถิงอ่ะ ผมอุตส่าห์พาพี่มาดูที่เก็บตัวของผมบ้าง พี่มีห้องพยาบาล ผมก็มีที่นี่ จริงๆบางทีผมก็เอาไว้ศึกษาพวกร่างกายดูเส้นเลือดอะไรต่างๆของเจ้าพวกนี้นะ เผื่อจะเข้าใจมากขึ้น"

เค้าจูงมือผมไปที่ห้องด้านในที่แยกออกจากโรงเลี้ยงสัตว์ เป็นพื้นที่สะอาด มีกระดาน โต๊ะ และเก้าอี้สามสี่ตัววางอยู่ 

"พี่ถิงนั่งนี่สิ ผมจะวาดอะไรให้ดู"

เค้าไปยืนที่กระดาน แล้วก็เริ่มต้นวาดรูปพร้อมกับพูดไปด้วย

"คนเรามีหัวใจสี่ห้อง เลือดเสียจะเข้าทางนี้ แล้วก็จะไปฟอกที่ปอดแบบนี้ เสร็จแล้วเลือดดีก็จะเข้ามาที่นี่ แล้วก็ปล่อยออกมาแบบนี้ พี่เข้าใจมั้ย"

ไม่น่าเชื่อนะครับ เสียงเค้ากับลมพัดทางหน้าต่างและอากาศที่กำลังสบาย แสงก็ไม่สว่างจ้ามาก ทำให้ผมเคลิ้มอีกแล้ว ผมจึงนอนหงายลงไปกับโต๊ะแบบไม่ได้ตั้งใจ

"พี่ถิง!!! อะไรกัน หลับอีกแล้ว คนอะไร พอผมจะสอนก็หลับตลอด แบบนี้ต้องแกล้งให้เข็ด"

"อี้มมมม เฮ้ย!!!"

สีเมจิกเขียนกระดาน ถูกเขียนเป็นวงกลมที่ตาผม บังอาจมากที่มาแกล้งผมแบบนี้ 

"มานี่เลย!!! อี้เฟิง นายอย่าหนีนะ"

ผมวิ่งไล่เค้าออกไปนอกห้อง จนไปสะดุดล้มทับกันบนสนามหญ้าหน้าห้องนั้น

"แบร่!!! พี่ถิงตาเป็นแพนด้าแล้ว 5555 "

เค้าผลักผมออกแล้ววิ่งหนีปรู๊ดดด เข้าไปในห้องอีกรอบ แน่นอนคราวนี้ไม่รอดหรอก ผมวิ่งกลับเข้าไปล็อคประตูแน่น ใส่กลอนหมด แล้วดักเค้าไว้ จนเค้าถอยไปติดที่มุมห้องอีกฟาก

"พี่แพนด้า ผมขอโทษน้าาา อิอิ"

"นี่นายไม่กลัวชั้นเลยใช่มั้ย"

ผมเข้าไปจับเค้าแทบจะปลิว แล้วเอามาวางบนโต๊ะ เอาสองมือล็อคเค้าไว้ แล้วเอาหน้าผากชนเหมือนเคย

"พี่รักเรานะ อี้เฟิง"

"หืมมม อะไรนะ"

"พี่รักเรา รักเราจริงๆ"

เจ้าเหมียวน้อยของผมคงแปลกใจที่ผมพูดกับเค้าแบบนี้ ถึงกับถอยหน้าออกมามองผม 

"พี่แพนด้า เป็นอะไรหรือเปล่าครับ"

"พี่อยากบอกว่าพี่รักเราจริงๆ ตั้งแต่อยู่ที่นี่มา ไม่เคยมีใครทำให้พี่รู้สึกแบบนี้ได้เลย"


เค้าเอามือกอดคอผม แล้วเอาหน้าผากกลับมาแตะใหม่

"ผมก็รักพี่ครับ"

"อืมม นายสำคัญที่สุดสำหรับพี่นะ"

ผมถูกเค้าดึงไปกอดไว้แน่น

"พี่ถิง ขอบคุณนะ"

ผมจับไหล่เค้าสองข้างเบาๆ แล้วกดปากลงไปจูบเค้า ลิ้นผมแตะที่ปลายลิ้นเค้า ผมเริ่มโถมตัวเข้าหาเค้า บดเบียดปากเข้าไปมากขึ้น เค้ารับปากผมอย่างไม่ยากนัก มือผมเริ่มไปดึงเสื้อเค้าออกจากกางเกง กระดุมถูกปลดออกอย่างง่ายดายทีละเม็ดๆ โดยที่ปากยังคงกดเบียดอยู่แบบนั้น นิ้วโป้งและนิ้วชี้ผม เริ่มชอนไชไปหาตุ่มไตที่บริเวณอก เมื่อเจอแล้วก็นวดและบีบเล่นอยู่แบบนั้น จนอีกฝ่ายเริ่มมีอารมณ์ตอบสนอง ผมรู้ได้ทันทีว่าส่วนล่างของเค้าเริ่มบ่งบอกความต้องการ...

เค้ากอดผมแน่นอีก ผมเริ่มจูบลงมาที่ซอกคอและไล่ลงมาจนถึงกลางอก ดูดกลืนตุ่มไตนั่นแทนนิ้วมือ ขบกัดเล่นไปมาแทน 

"อื้มมมมม อื้อมมมมมมม อ๊าาาาาาา"

มือผมเลื่อนลงมาด้านล่างเมื่อปลดซิบได้ก็ไม่รอช้า ผมดึงกางเกงเค้าลงและปลดกางเกงตัวเองเช่นกัน ผมเอามือรูดแก่นกายของเค้าขึ้นลงอย่างเร็ว แล้วเอาปลายนิ้วโป้งกระตุ้นส่วนยอดสุดของมัน จนกระทั่งน้ำสีขาวขุ่นไหลออกมาในไม่ช้า

"อ๊าาาาาส์ อ๊าาาาาาส์ อ๊าาาาาาส์"

ผมเอามือแยกขาของเค้าออกและกระเถิบตัวเข้าไปใกล้อีกจนกระทั่งพอดีกับช่องทางด้านหลัง นิ้วสองนิ้วถูกสอดเข้าไปก่อน พร้อมดึงตัวเค้ามาจูบเพื่อช่วยผ่อนคลาย

"อื้อออ อื้อออออ"


หลังจากนั้นนิ้วถูกสอดเข้าไปเพิ่มขึ้นเพื่อขยายให้ช่องทางพอดีกัน ผมจึงสอดใส่ส่วนของผมเข้าไปแทน ผมเร่งจังหวะเข้าออก พร้อมกับดันตัวเค้าเข้ามาให้สอดรับกัน

"อื้อ อื้อ อื้อ อื้อ"

เสียงเจ้าแมวผมครางไม่หยุด พร้อมกับโต๊ะที่เขย่าไปด้วยกัน ผมจับหัวเค้าแล้วขยี้ผมไปมา 

"อ๊า อ๊า พะ...พี่ อื้ออ"

น้ำสีขาวขุ่นไหลเปรอะขาอี้เฟิงไปหมด เค้าฟุบลงมาที่ไหล่ผม ผมประกบจูบไปอย่างแนบแน่นอีกครั้ง พร้อมกระซิบบอกเค้า

"พี่ไม่มีวันทิ้งนายไปไหน พี่รักนายนะ แมวเหมียวของพี่"

ผมออกมาจากที่นั่น โดยเอาเค้าขี่หลังมาส่งที่หน้าประตูโรงเรียน เค้าหลับอยู่บนไหล่ผม

"ไหนว่าพี่ชอบหลับ เราก็หลับเหมือนกัน นั่นไง รถมารับแล้ว เจ้าเหมียวๆ"

"พี่ถิง ผมไม่อยากกลับบ้านเลย ผมอยากนอนหลับบนหลังพี่แบบนี้"

"ไม่ได้หรอก นั่น ลุงเค้ามองใหญ่แล้ว เดี๋ยวพี่จะบอกแล้วกันว่านายขาแพลง พี่ไปส่งที่รถนะ"

.......................................................................................................


อาทิตย์นึงหลังจากนั้น ผมไม่ได้กลับไปที่แก๊งค์เหมือนเคย ผมยังไม่อยากกลับ แต่ตอนนี้กลับมายืนอยู่ที่โรงเลี้ยงสัตว์ ที่นี่ไม่ได้เปลี่ยนไปมาก คงเป็นเพราะโรงเรียนไม่ค่อยได้สนใจส่วนนี้มากนัก มันยังคงเงียบเชียบเหมือนเดิมแต่ประตูห้องนี่ก็เก่ากว่าเดิมเยอะ เหมือนมันจะล็อคไม่ได้แล้วนะเนี่ยะ

ผมเปิดเข้าไป แล้วไปยืนมองที่กระดานอันว่างเปล่า...

"พี่ถิง ขอบคุณนะ"

ผมหันกลับไป ก็ไม่เห็นใคร นี่ผมคงคิดถึงเค้ามากสินะ ผมกำลังจะเปิดประตูออกไป แต่ก็มีคนๆนึงกำลังจะเดินเข้ามาเช่นกัน

"พี่ถิง!!!"


.........................................โปรดติดตามตอนต่อไป............................































วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Tough love "นี่หรือ...คือรัก" ตอนที่ 4

ตอนที่ 4 "Sharp pain"

"โอ๊ยๆๆ เจ้าเหมียวตัวแสบ จะกี่ปีก็เหมือนเดิมนะ เจ็บๆๆ"

คนที่ผมคิดถึงที่สุดมาตลอด อยู่ตรงหน้าผม เค้าเอามือกดที่ท้องตรงแผลที่ถูกปิดอยู่ ผมค่อยคลายมือออก ปาดน้ำตา แล้วดูที่แผล

"อ้าว เลือดซึมออกมาอีกแล้ว เดี๋ยวผมทำแผลให้ใหม่นะ"

"ไม่เป็นไรๆ พี่ไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่หรอก พี่ต้องไปแล้ว ไม่อยากทำให้หมอเดือดร้อนหน่ะ"

"พี่ถิง พี่จะไปไหน ผมไม่ให้พี่ไปไหนอีกนะ พี่มานั่งบนโซฟานี่ก่อน"

ผมแหวกมือเข้าไป แล้วไปหยิบผ้ามาปิดที่แผลใหม่อีกรอบ 

"พี่หายไปไหนมา พี่บอกผมได้มั้ย....อื้ออออ"


ผมยังพูดไม่จบ ริมฝีปากหนาตรงหน้าเข้ามาประกบ ปลายจมูกแตะกันไปมา ลมหายใจของเค้ารดลงมาที่หน้าผม ผมไม่ได้ฝันไปจริงๆ พี่ถิงของผม เค้ากลับมาหาผมแล้ว...


..........................................................................................

"แมวน้อย หันหน้ามองพี่สิ"

"พี่ถิง ผมชอบพี่มาก"

ผมเอามือจับแก้มเค้าไว้ทั้งสองข้าง พี่ถิงถอดเสื้อตัวเองออกวางไว้ด้านล่าง แล้วขึ้นมาคร่อมบนตัวผม 

"ไหนเรา เอามือจับแก้มพี่เหรอ อ่ะ จับไว้แบบนี้นะ"

เค้าเอาสองมือผม ไปโอบที่เอวเค้าไว้ ผมสัมผัสกล้ามเนื้อที่แข็งแรงของเค้า ยิ่งทำให้ผมรู้สึกใจเต้นเป็นกลองเลย ผมตื่นเต้นมากครับคืนนั้น

พี่ถิงก้มลงจูบที่แก้มผมแล้วเริ่มไล่มาที่ซอกคอ ทั้งดูดและปล่อย จนผมรู้สึกเสียวไปหมด มือเค้าปลดซิบกางเกงผมออกอย่างช้าๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่ริมฝีปากเค้าเริ่มมาขบที่ยอดอกผมเล่น

"อื้อออ อื้ออออ"

ผมเริ่มบิดตัวไปมา เมื่อพี่ถิงเอามือสอดเข้าไปในกางเกงและลูบส่วนล่างของผมขึ้นลงผ่านกางเกงใน สัมผัสแบบนี้ยิ่งกระตุ้นให้ผมรู้สึกเสียวมากขึ้น ผมขบริมฝีปากตัวเองแน่น หลับตาลงเพราะไม่กล้ามองอะไรทั้งสิ้น

สักพักทุกอย่างก็หยุดลง ผมจึงลืมตาขึ้น

"แมวน้อย นายแน่ใจนะ ว่าอยากทำแบบนี้"

ผมเอามือลูบที่ริมฝีปากตรงหน้าที่กำลังก้มมองผมอยู่

"ผมแน่ใจครับ มีเพียงพี่เท่านั้นที่ผมอยากอยู่ด้วยตลอดไป"

"งั้นตั้งแต่คืนนี้ไป อี้เฟิงก็จะเป็นของพี่ถิงนะ เข้าใจมั้ย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พี่จะปกป้องนายเอง แมวเหมียวของพี่"

พี่ถิงปลดกางเกงตัวเองออก ตอนนี้ผมเห็นเต็มสองตา จริงๆคือหลับตาไม่ทันครับ 555 พี่เค้าก็ถอดกางเกงผมออกหมด แล้วพลิกผมให้นอนคว่ำ ผมทำตามความต้องการของเค้าทุกอย่าง พี่เค้าไม่รุนแรง เค้ารู้วิธีที่จะทำให้ผมไม่เจ็บมาก แต่สุดท้าย ผมก็รู้สึกเจ็บอยู่ดี 

"อึ๊กๆๆ อีกนิดนะๆ"

หลังจากที่เค้ากระตุ้นช่องทางด้านหลังจนพอใจ เค้าก็สอดส่วนล่างเข้ามาในตัวผมจากทางด้านหลังทั้งหมด มันเป็นความรู้สึกที่ผมไม่อาจปฏิเสธได้ ว่ามีความสุขที่มีเค้าอยู่ใกล้ๆ เราสัมผัสกันและกัน พี่ถิงของผม ไม่ได้โหดร้ายหรือก้าวร้าวแบบที่คนอื่นๆพูดกัน ตรงกันข้าม เค้ากระซิบข้างหูผมตลอด เอามือลูบที่แขนและลำตัว เพื่อให้ผมผ่อนคลายและรู้สึกดีขึ้นจากแรงปะทะที่เข้ามา...

"อ๊าสสส พี่ถิง อ๊าสสสส"


...........................................................................................


"หมอๆ อะไรกัน แค่นี้ก็เคลิ้มแล้วเหรอ 555"

เค้าถอนปากออกไปตอนไหนผมแทบไม่รู้สึก แต่ภาพและความรู้สึกคืนนั้นเริ่มกลับมาชัดเจนอีกครั้ง...

"พี่ถิง ตกลงพี่ยังไม่ตอบผมเลย ว่าพี่หายไปไหนมา"

"หมอไม่จำเป็นต้องรู้หรอก แค่ทุกวันนี้เราเป็นหมอได้ พี่ก็ดีใจมากแล้ว"

มือคู่นี้ขยี้หัวผมและจับโยกไปมา เค้าทำแบบเดิมที่เคยทำ ผมจึงเอาหน้าผากไปชนและเอาปลายจมูกแตะกัน นี่คือท่าประจำของเราสองคน เวลาอยากคุยกันจริงจัง

"ทำไมพี่ต้องทำเหมือนผมเป็นคนอื่นด้วย"

"ก็หมอเป็นหมอแล้ว พี่เป็นมือปืน เป็นคนร้าย เราไม่ได้เป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ"

"ผมจะช่วยพี่เอง เหมือนที่พี่เคยช่วยผม"

"ช่วยอะไร แมวเหมียว 555 ที่ผ่านมา นายสอนอะไร ชั้นเคยฟังที่ไหนล่ะ"


พี่ถิงเอามือมาจับไหล่ผมสองข้างเพื่อดันออก 

"แค่นี้ก็เกินกว่าที่พี่คิดไว้แล้ว พี่แค่นึกว่า ถ้าจะตาย ก็อยากเห็นหน้าเราก่อน พี่ก็ไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ แถมไม่ตายอีกต่างหาก 555 พี่ไม่คิดว่าเราจะจำพี่ได้ ไม่คิดว่าเราจะต้องมาเป็นห่วงพี่ สอนพี่ ดูแลพี่อีก พี่รู้ว่าเราหวังดี แต่พี่ไม่ต้องการ"

จบประโยคนั้นคนตัวใหญ่ลุกขึ้น จับที่แผล แล้วเดินไปที่หน้าประตู ยกประตูเหล็กขึ้น แล้วออกไป ทิ้งผมไว้กับความเงียบสงัดและความรู้สึกผมที่ชาไปทั้งตัว...นี่หรือคือความรัก ผมรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาที่หัวใจอย่างบอกไม่ถูก 

ครั้งที่สองแล้วที่ผมรู้สึกแบบนี้ ตามที่เรียนมา หัวใจรับความรู้สึกเจ็บปวดไม่ได้นะ มันไม่มีเส้นประสาทอะไรมาหล่อเลี้ยง แต่ทำไมผมถึงได้เจ็บแบบนี้อีกแล้วล่ะ...น้ำตาค่อยๆไหลออกมาอีกครั้ง อีกแล้วเหรอ ทำไมๆๆ


..........................โปรดติดตามตอนต่อไป...........................