วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2559

บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน ภาคพิเศษ บทที่ 3

"บทที่ 3 อุโมงค์ลับ"

ท่ามกลางความเงียบนั้น ฉับพลันก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

"""โครกกกกกกกกกกก""""""

ผมและเค้าหัวเราะขึ้นพร้อมกัน เฉินฉีซานเอามือออกจากตัวผม
แล้วไปกุมที่ท้องตัวเอง

"อู๋น้อย...เอ่อ....ชั้นหิว ตกลงนายมีอะไรให้กินบ้างมั้ย"

สายตาลูกอ้อนนี่ผมยกให้เลยนะ เพิ่งเจอเค้าแค่วันเดียว แต่เวลาเค้า
มองหน้า...ผมนี่ผมเหมือนหยุดนิ่งเลยล่ะ

"ปะ มานี่!!! คนอะไรเสียงท้องร้องดังชะมัด 5555"

ผมจึงเอาข้าวและอาหารต่างๆที่แอบตุนไว้ มาให้เค้ากิน ส่วนผมก็นั่ง
ลงกินด้วย...

ในขณะที่กำลังกินกันอย่างเอร็ดอร่อย เค้าก็พูดขึ้น

"อู๋น้อย กินเสร็จแล้ว ชั้นจะขุดหลุมนี่ต่อนะ นายจะได้เห็นว่าชั้นไม่ได้
โกหกนาย"

"จะให้ชั้นช่วยอะไรล่ะ ช่วยนายขุดเหรอ เครื่องมือแบบนายชั้นไม่มี
หรอกนะ"

"ไม่ต้องๆ ชั้นจัดการเอง นายหน่ะอยู่เฉยๆ รอดูก็พอ ชั้นว่าอีกนิดเดียว
มันจะต้องมีทางไปที่ไหนสักแห่งแน่ๆ"

หลังจากนั้นเมื่อกินอิ่มกันเรียบร้อย นายเฉินฉีซานก็เริ่มดำเนินการขุด
อีกครั้ง จนกระทั่ง...

"นั่นๆๆ นายฉีซาน เหมือนมีอุโมงค์ที่เราลงไปได้นี่นา"

ผมชี้ๆ แล้วก็ดึงเสื้อที่ไหล่เค้าเบาๆ

"อืม นายมีไฟฉายมั้ย เราจะได้ลงไปดูกัน"

ผมจึงไปรื้อค้นไฟฉายในห้องมาให้เค้าแล้วก็กระโดดลงไปด้วย จริงๆ
หลุมไม่ได้ลึกมาก แต่ทางด้านล่างดูชื้น อับและมืดพอสมควรเลย

"ฮื้อออ ทำไมมันอับแบบนี้ล่ะ เหม็นอะไรหน่ะ"

ผมเอามืออุดจมูกไว้มือนึงและค่อยๆคลานตามเค้าไป ทางในอุโมงค์นี่
ไม่ได้กว้างมากนัก ทำให้เราต้องก้มตัวเกือบคลานไปเรื่อยๆ เค้า
นำทางผม และส่องไฟฉายไปด้วย

"มันเป็นความอับชื้นและเหม็นแบบนี้แหละ เพราะมันคือทางไปสุสาน
โบราณ"

"ฮะ!!! อะไรนะ สุสาน!!!"

"ใช่ แต่นายไม่ต้องห่วง อดทนหน่อย ชั้นว่า อีกนิดนึงน่าจะถึงส่วนตรง
กลางที่โล่งกว่านี้แล้ว"

"อื้มมมม อากาศในนี้มันบางมากเลยชั้นรู้สึกหายใจไม่ค่อยออกเลยอ่ะ
 ขอพักหน่อยสิ"

ผมหยุดคลานต่อเพราะรู้สึกว่ายิ่งหายใจยิ่งเวียนหัวและเหมือนอากาศ
ไม่ถ่ายเท จึงนั่งพิงผนังข้างๆก่อน

"เรากลับขึ้นไปก่อนได้มั้ย ชั้นอึดอัดหน่ะ นายฉีซาน"

ผมเห็นเค้าเริ่มเป็นเงาลางๆ หันมาทางผม...

เค้ามานั่งด้านหน้าแล้วปลดกระดุมเสื้อผมออกหมด แหวกเล็กน้อย
เผยให้เห็นเนื้อด้านในปะทะความเย็นในอุโมงค์ ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมา
บ้าง

"เฉินฉีซาน นายจะทำอะไร!!!"

ผมเอ่ยถามด้วยเสียงที่ไม่ค่อยมีแรง แต่พยายามผลักเค้าออกเพราะ
ตอนนี้เค้ามาปลดเข็มขัดที่รัดเอวของผมออกด้วย

"อยู่นิ่งๆสิ ชั้นจะทำให้นายสบายขึ้น ช่วงนี้อากาศบาง เราต้องไปอีก
หน่อย นายพอคลานต่อไหวมั้ย"

ผมลืมตาขึ้นมองเค้า เริ่มรู้สึกสบายขึ้นบ้างตามที่เค้าบอก ผมจึงพยัก
หน้า

"เอางี้นายไปก่อน ชั้นจะตามอยู่ข้างหลังนี่"

"ให้ชั้นรอนายตรงนี้ได้มั้ย"

ผมมองหน้าเค้า แต่ยังรู้สึกหายใจไม่ได้มากเท่าไหร่นัก

"ไม่ได้!!! เราต้องไปด้วยกัน ยิ่งแถวนี้ยิ่งไม่ได้ นายแข็งใจหน่อย 
สงสัยนายคงนอนน้อยด้วยเลยเป็นแบบนี้"

ผมเห็นเค้าทำหน้าจริงจังไม่ให้ผมหยุดอยู่แถวนี้ ผมจึงอดทนคลานต่อ
ไปอีกสักพัก จนไม่ไหวแล้วจริงๆ

"นายฉีซาน ชะ ชั้น หายใจไม่ออกแล้ว"

ผมพิงพนังอุโมงค์อีกครั้ง ตาเริ่มพร่า รู้สึกอยากหลับ แต่ก็ยังพยายาม
หายใจ จนตัวโยนหลายรอบ...

ผมรู้สึกว่าเค้าจับตัวผมเขย่าๆ ผมได้ยินแต่เสียง แต่ไม่สามารถลืมตา
ขึ้นมาได้

"อู๋น้อยๆๆ นายลืมตามองชั้นก่อน นายจะมาสลบตรงนี้ไม่ได้นะ!!!"

สักพักผมรู้สึกถึงริมฝีปากอุ่นๆ ที่ประกบลงมา พร้อมลมหายใจที่ส่ง
ผ่านมายังปากผม

"อื้ออออ อื้ออออ" ผมรู้สึกได้แต่ลมหายใจจากปากเค้าสลับกับการกัก
ลมมาปล่อยให้ผม

"อู๋น้อยๆๆ ได้ยินมั้ย!!! ตื่นสิ"

ลมหายใจที่ค่อยๆผ่อนลมเข้ามาในปาก อย่างชำนาญ ทำให้ผมมีแรง
ขึ้นมาบ้าง จึงค่อยๆลืมตาขึ้น

"ฉีซาน นาย!!!"

"อะไร นายหน่ะ ทำชั้นตกใจหมด นี่ปู่อย่างชั้นจะมาปล่อยให้หลาน
ของเพื่อนรักเป็นอะไรไปแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ"

เค้าพูดด้วยน้ำเสียงดูห่วงใย

ผมรู้สึกถึงสัมผัสประหลาดจากปากเค้าที่ประกบลงมา ผมยังเบลอๆ 
จึงเอามือจับที่ปากตัวเอง

"นายไหวมั้ยอู๋น้อย ชั้นเห็นแสงข้างหน้าแล้ว อีกนิดเดียวเราจะถึง
ทางออกส่วนโถงแล้วล่ะ"

ผมได้ยินเค้าพูดไม่ถนัดนัก รู้แต่ว่า เมื่อกี้มันอะไร!!! แบบนี้ถือว่าผมจูบ
เค้ามั้ย

ผมจึงเอามือลูบที่ปากเค้าแบบไม่ได้ตั้งใจ

"นะ..นายจูบชั้น"

เค้าเอามือผมวางลง แล้วพูดว่า

"แบบเมื่อกี้เค้าไม่เรียกว่าจูบนะ ถ้าจูบมันต้องแบบนี้"

คราวนี้เค้าเอาปากประกบลงมาที่ปากผมอีกครั้งอย่างแผ่วเบา ปลาย
จมูกสัมผัสกัน ริมฝีปากล่างผมถูกดูดเข้าไปในปากเค้า ปลายลิ้นเค้า 
เริ่มเข้ามาในปากผม และสัมผัสปลายลิ้นผม ผมปล่อยให้เค้าดูดริม
ฝีปากบนผมอีก จนเริ่มรู้สึกตัว พยายามจะเอามือผลักเค้าออกไป แต่ก็
ไม่เป็นผล...

"อื้ออออออ"

เค้ารวบมือผมไว้แน่นอีกรอบและบดปากลงมาแรงขึ้นอีก จนผมเงย

หน้าขึ้นรับปากเค้าอีกครั้ง แล้วใช้ลิ้นสัมผัสความหวานกันอีกครั้ง
หนึ่ง...


"อ่ะ...อื้มมมมม"

เค้าค่อยๆถอนปากออก มองหน้าผม ทำให้ผมรู้สึกอายมาก เพราะ
เหมือนผมจะยอมรับจูบจริงๆจากเค้าไปแล้ว

"อู๋น้อย นายชอบ!!!"

ผมผลักเค้าออกไป

"บ้า!!! นายฉีซาน นายมันบ้า!!!"

ผมคลานออกมาจากตรงนั้นด้วยความรวดเร็วเพื่อหนีเค้า 

ไม่จริงๆๆ ผมจูบเค้า นายคนแปลกหน้ามาจากไหนก็ไม่รู้ 

มาบอกว่าเป็นปู่แล้วมาทำแบบนี้ ผมจูบกับเค้าไปแล้ว แค่คิดผมก็ไม่
กล้าสู้หน้าเค้าหรอก แถมตอนนี้หน้าผมมันร้อนไปหมด...

"อู๋น้อย!!! เฮ้!!! รอก่อนสิ คราวนี้ทำไมไปเร็วเลยนะ รอชั้นด้วย"

....โปรดติดตามตอนต่อไป...

บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน ภาคพิเศษ บทที่ 2

บทที่ 2 กลุ่มดาวนายพราน

ผมเลื่อนประตูห้องเพื่อเข้ามาพักผ่อนตอนค่ำแล้ว หลังจากเมื่อตอน
เที่ยงผมต้องแอบขนเสบียงของกินมาส่งให้คนแปลกหน้าตัวยักษ์ใน
ห้อง ผมไม่กล้าบอกพระอาจารย์ตอนนี้ เพราะผมรู้สึกว่าผมอยากรู้
เรื่องแผนที่ดาวนั่นก่อน ทำไมภาพนี้ด้านหลังถึงมีแผนที่ดาวอะไรนี่ได้
นะ พระอาจารย์ให้ผมแท้ๆ ไม่เห็นบอกอะไรเลย...

พอผมเข้ามา ผมแทบจะบ้าตาย!!! เพราะนายคนแปลกหน้านี่ กำลังงัด
พื้นห้องผมออกด้วยอุปกรณ์อะไรไม่รู้ แต่ตอนนี้ กลางห้องเป็นโพรง
ลงไปแล้วครับ ผมจึงรีบวางของแล้ววิ่งเขาไปดู!!!

"นี่นาย ทำอะไรหน่ะ ทำไมทำแบบนี้ นายจะพังห้องชั้นรึไง"

"อ้าว!!! อู๋น้อย กลับมาแล้วเหรอ ไหนล่ะมื้อค่ำ"

เค้ายังไม่หยุดทะลวงหลุมที่พื้นห้องผมให้กว้างขึ้นอีก...ผมจึงรีบ
เข้าไปดึงมือเค้ากับเครื่องมือขุดประหลาดๆนั่นออกมา

"หยุดนะ!!! ถ้าพระอาจารย์รู้ ชั้นต้องตายแน่ๆ นี่อะไร เอามานะ!!!"

ผมพยายามจะดึงของที่คล้ายๆที่ขุดสั้นๆในมือเค้าออก แต่มันต้องใช้
แรงเยอะทีเดียว

"เฮ้ย!!! จะดึงทำไม อู๋น้อย นายไม่มีทางสู้แรงชั้นได้หรอก แต่นี่ชั้นหิว 
ขอข้าวกินหน่อย"

ผมไม่ยอมปล่อยหรอก เรายังยื้อยุดฉุดกระชากกันอีกสักพัก จนอยู่ดีๆ 
นายฉีซานนี่ก็ปล่อยมือ ผมเลยเสียหลักหงายท้องลงไปอีกรอบ แต่
คราวนี้ไม่พลาด ผมลุกขึ้นมาก่อนที่เค้าจะเอาตัวขึ้นมาจากหลุมที่ลึก
เกือบครึ่งเมตรไปแล้ว
"ถถถถ!!!! อู๋น้อยของปู่เฉิน นายไม่เข้าใจ แผนที่ดาวนี่บอกว่าพื้นห้อง
นายคือจุดกึ่งกลางของเข็มขัดนายพราน ตามกลุ่มดาวนี่ไง"

เค้าเอามือชี้ที่แผนที่ดาวนั่น แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจ ผมมองตามมือที่ชี้ 
แต่ไม่อยากจะไว้ใจเค้าเลย...

"หยุดเรียกชั้นแบบนั้น ใครเป็นอู๋น้อยของนายกัน แล้วไหนนายว่าจะ
บอกเรื่องแผนที่ชั้นไง ใครอนุญาตให้นายมาขุดพื้นห้องชั้นแบบนี้ 
ฮะ!!!"

นายปู่ฉีซานนั่นลุกขึ้นเดินมาหาผม แล้วคว้าที่ขุดนั่นไปเก็บใส่กระเป๋า
ข้างตัว พร้อมกับจับมือผมแล้วลากไปข้างหน้าต่างที่มีแสงจันทร์ 
พร้อมทั้งดับไฟในห้อง ผมเอามือแกะข้อมือใหญ่นั่นออก!!!

"ปล่อยนะ!!! นายฉีซาน ปล่อยสิ"

"ไม่!!! เอ้!!! อู๋น้อย ทำไมถึงได้ดื้อมากไม่เคยเชื่อฟัง ปู่นายไม่เห็นเป็น
แบบนี้"

เค้าอุ้มผมขึ้นไปวางบนขอบหน้าต่างที่มีแค่แสงจันทร์ส่อง ในขณะที่
เค้ายืนอยู่ข้างๆ

"อ่ะ นี่!!! นั่งนิ่งๆ ชั้นจะอธิบายให้ฟัง" เค้าเอาแขนมาเท้าที่หน้าขาของ
ผม ยืนพิงสบายๆ ทำให้ผมได้กลิ่นตัวจากเค้าเต็มที่ เป็นกลิ่นเหงื่อ
ผสมโคโลญเบาๆอ่อนๆ แบบที่ผมไม่เคยได้กลิ่น เพราะในวัดห้ามใช้
เครื่องหอมปรุงแต่งอยู่แล้ว แปลกแฮะ!!! ผมกลับสงบนิ่งลง เมื่ออยู่
ใกล้ๆเค้าจริงๆแบบนี้

แต่ก็เหมือนเดิม ตอนนี้หัวใจผมเต้นโครมครามมาก จนไม่รู้ว่าเค้าจะ
ได้ยินมั้ย ผมจึงต้องรีบพูดออกไปก่อน

"ไหนล่ะ มีอะไรจะอธิบายก็ว่ามา ชั้นรอฟังอยู่"

"นายเห็นนี่มั้ย เวลามันสะท้อนแสงจันทร์นี่จะเห็นเป็นจุดของกลุ่มดาว
 เรียกว่ากลุ่มดาวนายพราน ขอบเขตและพิกัดของมัน เท่ากับรอบๆวัด
นายนี่เลยตามภาพนี้"

เค้าชี้ให้ผมดูและลากนิ้วผมไปด้วย ผมก็มองตาม เป็นจริงเหมือนที่
เค้าบอก ผมเลยเถียงไม่ออก

"แล้วยังไง มันเกี่ยวอะไรกับที่นายมาขุดห้องชั้นเละเทะแบบนี้"

"ก็นี่ไง นายเห็นจุดตรงกลางที่พาดผ่านนี่มั้ย เค้าเรียกว่าเข็มขัดนาย
พราน ตำแหน่งตรงกับห้องนายพอดี"

ตอนนี้เค้าเอานิ้วผมไปจิ้มไว้ที่จุดนั้น ผมเข้าใจแล้วจึงจะดึงนิ้วขึ้นมา 
แต่เค้ายังดึงเอาไว้แล้วเปลี่ยนเป็นไปจับไว้ทั้งสองข้าง

"อู๋น้อย ชั้นอยากให้นายช่วย!!!"

สายตาที่ดูอ้อนวอนจ้องมาที่หน้าผม ลมเบาๆอ่อนๆจากนอกหน้าต่าง
พัดผมด้านหน้าของเค้าปลิวจนเผยให้เห็นหน้าผากกว้าง มันช่างดูน่า
สัมผัสจริงๆ เฮ้ย!!! ผมกำลังคิดอะไรเนี่ยะ!!!

"ช่วย ช่วยอะไร แล้วทำไมชั้นต้องช่วย"

"ของที่ชั้นตามหา มันสำคัญกับชีวิตปู่นาย ถ้าชั้นหาไม่ได้ นายก็อาจ
ไม่มีตัวตนอีกต่อไปนะอู๋เสีย"

ผมมองหน้าเค้าเป็นเชิงสงสัย ทำไมคนๆนี้ถึงได้พูดจาประหลาดและ
ชอบอ้างว่ารู้จักปู่ผมตลอดเวลา

"นายพูดบ้าอะไรของนายอีกแล้ว ว่าแต่นายหาอะไรหน่ะ ถ้าตาม
แผนที่ขุดลงไปต้องเจอสินะ"

"นายต้องรับปากก่อนว่าจะช่วย ไม่ว่ายังไงก็ต้องเป็นนายที่จะช่วยได้
เท่านั้นนะๆๆๆ ได้โปรด นี่มันหมายถึงชีวิตคนเลย" เค้าพูดไปกอดผม
ไป แล้วทำท่าเหมือนจะร้องไห้ด้วยซ้ำ เสียงเค้าสั่นมาก เค้ากอดผม
ไว้แน่น จนผมต้องบอกออกไป

"ก็ได้!!! แต่ถ้านายได้ของแล้ว นายก็ไปซะนะ อย่ามาวุ่นวายที่นี่อีก ให้
ชั้นอยู่อย่างสงบเหมือนเดิม"

เค้าค่อยๆคลายมือที่กอดเอวผมไว้ แล้วมองขึ้นมาอีกรอบ

"นี่นายคิดว่าชั้นวุ่นวายมากสินะ นายรู้มั้ยว่าปู่นายกับชั้น เราเป็นเพื่อน
รักกันมาก ชั้นมักจะต้องคอยปกป้องเค้าเสมอ แต่แล้วชั้นก็ทำพลาด
 แต่ช่างเถอะ...เอาเป็นว่าอู๋น้อยรับปากแล้วนะ เอ้า...มาลงมาสิ"

น้ำเสียงเค้าแฝงความเศร้าอยู่ในใจ ผมสัมผัสความจริงใจตรงจุดนี้ได้
ว่ามันเป็นเรื่องจริง เค้าเอาผมลงจากขอบหน้าต่าง ผมจึงเอาแผนที่หัน
หาแสงจันทร์อีกครั้ง เพื่อดูจุดต่างๆให้ชัดๆอีกที...

แต่อยู่ดีๆผมก็รู้สึกถึงตัวเค้าที่มากอดผมไว้จากด้านหลัง...

"นะ...นาย ทำอะไรหน่ะ"

"อู๋น้อย...ขอชั้นอยู่แบบนี้แป๊บนึงได้มั้ย ชั้นเหนื่อย"

เค้าเอามือกอดผมแน่นขึ้นอีกเมื่อผมไม่ได้ขัดขืนอะไร ไม่รู้สิ คงเป็น
เพราะผมเริ่มคุ้นเคยกับสัมผัสต่างๆของเค้าขึ้นมาบ้างและพบว่ามัน
ทำให้ผมอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาด...

ผมเงียบ เค้าก็เงียบ ทุกอย่างเหมือนหยุดเวลาเอาไว้ ผมมองออกไป
ภายในวัดทุกอย่างก็สงบ มีเพียงเสียงลมเบาๆเท่านั้น...

...โปรดติดตามตอนต่อไป...

วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2559

บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน ภาคพิเศษ ตอน เราจะข้ามเวลามาพบกัน...



"บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน"
ภาคพิเศษ ตอน เราจะข้ามเวลามาพบกัน...

หมายเหตุ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับต้นฉบับชื่อเดียวกันแต่อย่างใด เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิงใจของถิงเฟิงล้วนๆค่ะ 555

บทนำ...
...ผมอยู่วัดต้ามู่นี้มาตั้งแต่เด็ก ผมได้เรียนหนังสือแต่ไม่ได้บวชเป็นพระ เนื่องจากพระอาจารย์เคยบอกว่าชะตาผมผูกพันกับที่นี่แต่ไม่ใช่คนของที่นี่ และเมื่อถึงเวลาชะตาผมจะเปลี่ยนไป...
ผมไม่เคยเข้าใจประโยคนี้จนกระทั่งวันนึงที่ผมได้พบเค้า เรื่องวุ่นวายทั้งหลายก็ตามมา
...เช้านี้หนาวมากผมว่าอุณหภูมิถึงขั้นติดลบแน่ๆ แต่ผมก็ต้องออกไปทำหน้าที่ดูแลความสะอาดยามเช้าเป็นปกติ
ผมจึงกวาดหิมะอยู่ที่ลานหน้าวัด และกำลังอธิษฐานขอพรให้ทุกๆอย่างในวัดสงบสุขรวมทั้งชีวิตผมดังเช่นทุกวัน
"ผมหลี่อู๋เสีย ขอให้ความดีทุกอย่างที่ผมได้ทำไว้ คุ้มครองให้วัดปลอดภัยและให้ผมพบแต่ความสุขด้วยเถิดครับ"
จู่ๆก็มีลมพัดแรงมากพร้อมด้วยแสงสีแดงพุ่งทะยานไปที่ป่าด้านข้างวัด ผมจึงทิ้งไม้กวาดแล้วรีบวิ่งไปดู
พระ!!! สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือผู้ชายร่างใหญ่คนหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากกองหิมะ เค้าปัดหิมะทิ้งจากตัวและใบหน้า ผมเห็นหน้าไม่ชัดเพราะเค้าใส่แว่นอยู่ ใครเนี่ยะ!!! เค้ามาจากไหนกัน ผมยืนมองอยู่ห่างๆ จึงถามออกไป
"นะ นาย นายเป็นใคร มาได้ยังไงหน่ะ"
เค้าไม่ตอบแต่หันมามองผมด้วยหางตา แล้วเอามือปัดที่ขากางเกงต่อ
"นี่!!! ไม่ได้ยินรึไง นายเป็นใคร ที่นี่วัดต้ามู่ นาย!! หูหนวกรึยังไง"
เค้าหันหน้ามาพร้อมบอกผมว่า
"นี่ปีอะไร"
อะไรของเค้าฟระ มาถามว่าปีอะไร
"2016 แต่ชั้นถามว่านายเป็นใคร ตอบมาสิ ไม่งั้นชั้นจะไปตามคนมาจัดการกับนายนะ"
คราวนี้เค้าถอดแว่นออก มองผม แล้วตอบกลับว่า
"นายนี่น่ารักกว่าปู่นายเยอะนะ ชั้นเฉินฉีซาน ยินดีที่ได้รู้จัก"


บทที่ 1 แผนที่ดาว 

...หลังจากที่หลี่อู๋เสียได้เสีย เอ้ย!!! ได้พบกับชายร่างยักษ์ผู้มาพร้อม
กับลำแสงสีแดง จนรู้ว่าเค้าชื่อ เฉินฉีซาน ก็ค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆ จึง
ได้เห็นหน้าชัดๆว่าผู้ชายคนนี้หน้าตาดีไม่น้อย เค้ายอมรับว่าเฉินฉี
ซานคนนี้เป็นคนหล่อมากเลย แต่แล้วยังไงก็เค้าอยู่กับพระมาทั้งชีวิต
ตั้งแต่เด็ก คนมีผมแบบนี้เค้าก็ว่าหน้าตาดีแระล่ะ 555

เอ้ย!!! นี่ไม่ใช่เวลามาคิดว่าใครหล่อนะ ดังนั้น เค้าจึงถามต่อเพราะไม่
เข้าใจสิ่งที่คนตรงหน้าทักทายออกมา

"ใคร ใครเป็นปู่ชั้น เด๋วนะ นายจะมารู้จักปู่ชั้นได้ยังไง"

"เอาน่า นี่ชั้นเริ่มจะหนาวแล้ว นายมีที่ให้ชั้นพักมั้ย" เค้าย้อนถามผม

อะไรเนี่ยะ คนเรา!!! มาจากไหนจะมาขอพักกับคนแปลกหน้าแบบนี้ 
วัดก็มีคนมาขออาศัยนะ แต่เค้าดูไร้บ้านน่าสงสาร ไม่ใช่พวกร่างกาย
แข็งแรง ไม่สิ ออกจะดูกล้ามเนื้อมากมาย บึกบึนมากด้วยซ้ำ 

หลี่อู๋เสีย...นายจะพาใครก็ไม่รู้ไปพักที่ไหนดี เช้าขนาดนี้ พระอาจารย์
กับพระรูปอื่นๆก็ยังทำสมาธิไม่เสร็จแน่ๆ ปรึกษาใครก็ไม่ได้

"เฮ้!!! อู๋เสีย นายไม่คิดจะช่วยเหลือผู้ใหญ่เลยรึไงนะ ชั้นถือว่าเป็นปู่นายเลยนะจะบอกให้"
"ผู้ใหญ่ที่ไหน ปู่อะไร นายแก่กว่าชั้นไม่กี่ปีหรอก อย่ามาทำเป็นออกคำสั่ง จะขอที่พักไม่ใช่เหรอ ชั้นจะพาไปห้องพักเรือนไร้ญาติละกัน"
"ไม่ ชั้นจะพักห้องนาย"
"อะไร??? นายจะบ้าเหรอ ชั้นไม่รู้จักนาย ชั้นไม่มีญาติ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อแม่เป็นใคร นายจะมาอยู่ห้องชั้นได้ยังไง"
"นายไปไม่ถูกเหรอ งั้นชั้นจะพานายไปเอง"
"เฮ้ย!!! นี่นายทำบ้าอะไรหน่ะ ปล่อยนะ ปล่อยชั้น" สภาพผมตอนนี้ถูก
เค้ายกตัวลอยพาดบ่า ผมทั้งทุบทั้งตีทั้งดิ้น เค้าก็ดูไม่สะทกสะท้าน

"ไหนล่ะห้องพักนาย ไปทางไหน???" เค้าหันไปหันมาจนผมเวียนหัว
ไปหมด เลยจำใจต้องชี้ทางไปและบอกเค้าจนมาถึงห้องพัก

เค้าเลื่อนประตูไม้ออกอย่างง่ายดาย เพราะตอนออกไปผมไม่ได้ล็อค
เอาไว้ พอเข้าไปในห้องเรียบร้อย นายนี่กลับรู้ดี ล็อคประตูซะงั้น!!!

"ปล่อย ปล่อยสิ ชั้นจะลง เฉินฉีซาน นายเป็นใคร ปล่อยนะ" ผมได้ที
ดิ้นสุดแรงอีกรอบ ประกอบกับเค้ายอมปล่อยผมลงแล้ว แต่จังหวะลง
ทำให้ผมหงายท้องและฉุดเค้าลงมาคร่อมบนตัวผมพอดี ผมตกใจ
มากดิ้นและผลักเค้าออก แต่ไม่ทันแล้ว เค้าทับลงมาบนตัวผมเต็มๆครับ

"โอ้ยยยย เฉินฉีซาน นายนี่มัน!!! ออกไปจากตัวชั้นเดียวนี้ วันนี้มันวันบ้าอะไรเนี่ยะ"

อีกฝ่ายไม่ตอบอะไร นอนแผ่ทับบนตัวผม พร้อมเสียงหัวเราะออกมา
จากใบหน้าที่หันไปคนละข้างกับหน้าผมพอดี

"หลี่อู๋เสีย นายนี่น่ารักกว่าปู่นายมากจริงๆ ก็เอาสิ คราวนี้นายจะเคารพ
ปู่อย่างชั้นได้รึยัง"

"ไม่ๆๆ ออกไปนะ หยุดพูดเรื่องที่ไม่รู้เรื่องแล้วลุกออกไปจากตัวชั้นเดี๋ยวนี้"

คราวนี้เค้าหันหน้ามาทำให้ปากเค้ามาอยู่ข้างหูผมพอดี

"ถ้าไม่หยุดดื้อกับชั้น นายจะได้รู้ว่าเฉินฉีซานคนนี้ไม่ชอบให้ใครมา
ออกคำสั่ง!!!"

"นะ นาย นายจะทำอะไรหน่ะ" เค้าลุกขึ้นเอาหน้ามาจ้องหน้าผมตรงๆ 
แต่ทั้งตัวยังคงทิ้งน้ำหนักกดผมเอาไว้

"เรียกปู่เฉินสิ อู๋เสีย" ผมเห็นท่าไม่ดี เลยจำใจต้องเรียกเสียงเบาๆออก
ไป

"ปะ...ปู่เฉิน..." เค้ายื่นหน้ามาใกล้ผมอีก จนลมหายใจแทบจะรดจมูก
ผม ทำไมหัวใจผมมันเต้นแรงผิดปกติ ผมก็ไม่รู้ ผมรู้สึกตื่นเต้นแบบที่
ไม่เคยเป็นมาก่อน เค้าพูดจนปากแทบจะจ่อปากผม

"ก็แค่นั้นแหละ เด็กดื้อ"

ทันใดนั้น เค้าลุกขึ้นและดึงผมตัวลอย จนขึ้นมายืนอีกครั้ง พอผมยืน
ขึ้นมาได้ใหม่ก็รีบถอยออกมาตั้งหลักก่อน ผมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
 แทบจะไม่มีแรงยืนด้วยซ้ำถ้าเค้าไม่ดึงผมขึ้นมา...

ในขณะที่อีกฝ่ายเดินสำรวจห้องผม จนกระทั่งไปเจอภาพวาดที่พระ
อาจารย์ติดเอาไว้ที่ห้อง นายนั่นดึงภาพออกจากฝาผนัง พร้อมทั้งแกะ
ออกจากกรอบ...

"นาย นายทำอะไร นี่มันของที่พระอาจารย์ให้ชั้นนะ" ผมตรงเข้าไปยืน
ข้างเค้ากำลังจะยื่นมือไปแย่งภาพนั่น แต่เจอสายตาเค้าที่หันมามอง

"ชั้นบอกให้เรียกว่าอะไร???"

"เอ่อ...ปู่เฉิน นายจะให้ชั้นเรียกว่าปู่เนี่ยนะ คนอะไร อยากจะแก่"

"เอ้า...นี่ ดูซะ" เค้ายื่นภาพวาดนั่นที่ด้านหลังมีลวดลายสามเหลี่ยม
เส้นตรง เหมือนแผนที่อะไรสักอย่าง

"นี่มันอะไรหน่ะ???"

"นี่คือแผนที่ดาว นายไม่รู้หรอกว่ามันมีค่าแค่ไหน รอให้มืดก่อน ชั้นจะแสดงให้ดู"

"หาาาา อะไรนะ นายจะอยู่ที่นี่จนมืด"

"ไอ้เจ้าเด็กนี่ สอนไม่รู้จักฟัง บอกให้เคารพชั้น ยังจะมาทำตัวแบบนี้
 เดี๋ยวเหอะ"

"คนอะไร อยู่ดีก็มาห้องคนอื่นแล้วยังจะมาอ้างว่าเป็นปู่ แล้วยังจะมา
เอาของเค้าไปอีก เอาแต่ใจชะมัด"

"รอก่อน...ไว้ชั้นจะเล่าประวัติให้ฟัง ตอนนี้ขอนอนก่อน นายจะไปทำ
อะไรก็ไป อ้อ!!! หิวแล้ว หาอะไรให้กินด้วยล่ะ"

ผมยังงงๆครับ แต่ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน เพราะนายนี่เล่นมานอน
ในห้องผมเฉย ผมจึงจำเป็นต้องออกไปจัดการกิจวัตรของเองแบบจำ
ใจยอม แล้วค่อยแอบเอาข้าวกลับมาที่ห้องอีกทีละกัน...

...โปรดติดตามตอนต่อไป...

วันเสาร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2559

“3.2.1 Happy New Year”


 
Credit on pics....


       เสียงพิธีกรประกาศนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ 3 2 1…



          ผมหันไปหาเค้า แล้วกอด...ผมคิดถึงๆๆ คิดถึงเค้ามาตลอด 


          ปีที่แล้วมางานหูหนานเหมือนกันแต่เค้าหนีผมไปก่อน ทำให้ผมต้องยืนคนเดียวท่ามกลางผู้คนมากมายที่ผม


ไม่ต้องการ...


           แต่ตอนนี้คนที่ผมคิดถึงที่สุด ได้มายืนอยู่ข้างๆผมแล้วครับ 

           

          ใช่ครับ!!! เค้าก็คือ เฉินเหว่ยถิง คนที่ผมอยากอยู่ใกล้ๆและมีความสุขตลอดเมื่อได้อยู่กับเค้า 



ผมกอดเค้าไว้แน่น แน่นจริงๆไม่อยากปล่อยด้วยซ้ำ


เฮีย แฮปปี้นิวเยียร์นะ” ผมแอบกระซิบข้างหูเค้า ถึงแม้คนรอบข้างจะมากมาย แต่ตอนนี้ผมดีใจมากที่ได้ยืนอยู่บนเวทีงานปีใหม่กับเค้า


ตอนถูกสถานีหูหนานเชิญมา หลี่อี้เฟิงเอ้ย!!! พอรู้ว่าเค้าตอบรับจะมา ผมก็ตอบตกลงทันทีโดยไม่รอช้า....




อือ แฮปปี้นิวเยียร์ เค้าตอบผมด้วยเสียงที่มีแค่ผมและเค้าที่ได้ยิน แค่มีเค้าอยู่ผมก็ดีใจมากแล้วครับ 


หลังจากนั้นผมและเค้าก็กอดทักทายคนอื่นๆ ที่อยู่บนเวทีด้วยกัน ก่อนหน้านี้ตอนเดินสายโปรโมทหนังกับอู๋อี้ฝาน



 เค้าแซวผมตลอดเรื่องที่จะไปงานหูหนานวันนี้ จนสุดท้ายเค้าเดินมากอดคอผมและเฮียถิงก่อนจะลง 


รวมทั้งบอกผมว่า


หน้าบานเชียวนะแก


555 นี่ผมแสดงออกทางสีหน้ามากขนาดนี้เชียวเหรอครับ ก็ช่วยไม่ได้ ก็ผมดีใจมากนี่นา



พอลงจากเวที เฮียก็มาบอกผมในห้องพักหลังจากทุกคนกลับไปแล้ว



เหมียว ไปดูบิ๊กแบงค์กันนะ นะๆๆๆ



โฮ ไรเนี่ยะเฮีย ทำตัวเป็นสาวๆกรี๊ดวงเกาหลีไปได้



ไปด้วยกันหน่อยสิ เฮียไม่อยากไปคนเดียว นะๆๆ ทำไม!!! ไม่อยากอยู่กับเฮียแล้วเหรอ



ป่าวซะหน่อย ก็แหม ให้ไปนั่งกรี๊ดนักร้องเกาหลี ผมอายเค้านะ คนทั้งประเทศก็ต้องเห็นมะ



ไปด้วยกันนะ เดี๋ยวคืนนี้เฮียมีของขวัญให้ด้วยน้า ไม่อยากได้เหรอ



อ่ะๆ ไปก็ได้ แล้วผมก็เดินออกไปพร้อมเค้า ไม่ใช่เพราะผมอยากได้ของนะครับ แต่ว่าผมก็อยากตามใจเค้าและ


เราจะได้อยู่ด้วยกันในงานต่ออีก คนอื่นจะว่าไงผมก็ไม่สนใจหรอก ยังไงก็มีแฟนๆถิงเฟิงอยู่เต็มไปหมด เค้าเชียร์


ผมจะตาย ถึงเฮียนะจะมีข่าวกะคนนั้นคนนี้ ผมเองก็ใช่ย่อย แต่ก็นั่นแหละ ไม่มีใครรู้หรอกว่าความจริงเราติดต่อกัน


ตลอด...แต่กว่าจะได้มาเจอกัน อยู่ด้วยกันแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้นคืนนี้ผมจะต้องถนอมเอาไว้ให้นานที่สุด




                ผมเดินออกมาเพื่อดูคอนเสิร์ตวงบิ๊กแบงที่แสดงต่อจากที่เรานับถอยหลังกัน 


เฮียก็เดินตามมาเกาะแขนและโอบไหล่ผม


ฮูหยินของเฮีย น่ารักเสมอ รู้นะวันนี้ตั้งใจกอดออกสื่ออีกแล้ว


ทำไม เฮียกลัวรึไง ผมหันไปกระซิบเป็นเชิงต่อว่า


เปล๊า เฮียเคยขัดรึไง ตามใจตลอด รู้นะว่าหวงเฮียล่ะสิ


ช่วยไม่ได้ ก็เฮียชอบทำให้ผมโมโห


เอาน่า ดูคอนก่อน แล้วเดี๋ยวเฮียจะยอมให้ลงโทษทั้งคืนเลย ตอนนี้ขอมันส์ก่อนนะ 555”



                  เสร็จแล้วพวกเราก็สนุกกันมากครับ เฮียถิงเหมือนเด็กๆอ่ะ เวลามีงานอะไรแบบนี้ก็สนุกสนาน ยิ่งมี


เพลงนะ จะยิ่งชอบมาก ช่วยไม่ได้ ต้องอวดสเต็ปผมบ้าง ผมก็นักร้องอาชีพนะ แต่ไปๆมาๆ ผมว่าเค้ามันส์มากกว่า


ผมหลายเท่า ผมก็สนุกนะ ขำมากๆเลย มันเป็นคืนปีใหม่ที่แสนวิเศษของผม...

 

……………………………………………



อื้ออออ เฮียระดมจูบบดมาที่ปากแดงๆของผมเพราะไม่ได้เจอกันมานาน



ใครใช้ให้วันนี้ปากน่าจูบขนาดนี้ล่ะ นี่ถ้าจูบโชว์ได้ก็ทำไปแล้ว


        เฮียไม่รอช้าพอพวกเราหลบเข้ามาในห้องแต่งตัวด้านหลัง ชุดกีฬาสีฟ้ากำลังจะถูกเปลี่ยนออก 


เฮียก็ดันผมชิดกำแพงห้องทันที


เฮีย อย่ามาพูดเล่น มีแต่ผมที่กล้าทำไรออกสื่อตลอด เฮียหน่ะชอบไปเต๊าะคนอื่น ผมยังไม่ได้จัดการเลยนะ




โธ่เอ้ย เฮียก็แค่เล่นกะเค้าเฉยๆ คืนนี้เฮียมาแก้ตัวแล้ว ไหนๆ มาๆ ขอแก้ตัวหน่อย แก้หมดทั้งตัวเลยนะ



เฮียเนี่ยะ ทะเล้นตลอด ผมหน่ะ....อื้อออออ



เฮียยังคงบดปากผมและเอาลิ้นมาชิมในปากผมอย่างไม่หยุด 


ผมเอามือค่อยๆถอดชุดเค้าออกเช่นกัน ผมและเค้ายังคงต้องการกันเสมอ...



เฮียหน่ะ วันเกิดก็เอาคลิปลงให้ก่อน ทำอะไรก็คิดถึงเหมียวก่อนเสมอ 



นี่ตอนแรกไม่ได้อยู่สีเดียวกันนะ ยังไปขอเค้าให้มาอยู่ด้วยกันเลย ไม่งั้นเหมียวก็ไม่ได้กอดเฮียก่อนแระนะ



ให้มันจริงนะ เฮียก็รู้ว่าผมรักเฮียมาก หวงด้วย รู้มัย้


ผมโน้มคอเค้าลงมาและประทับจูบเบาๆอีกครั้ง ตอนนี้ผมอยู่ต่อหน้าเค้าและปล่อยให้เค้าเป็นฝ่ายพาผมไปให้ถึง


ความสุขของเราทั้งคู่ เฮียเก่งเสมอ ผมล่ะยอมเค้าคนเดียวจริงๆนะ



ไม่มีใครสำคัญไปกว่าเหมียวแล้ว แฮปปี้นิวเยียร์ เฮียคือของขวัญปีใหม่ให้เหมียวนะ



หลังจากคำนั้น เราสองคนก็มีคืนที่แสนวิเศษและผมได้ตื่นมาอรุณสวัสดิ์ปีใหม่กับเค้าคนแรกเลยนะ...



ผมรักเค้า เรารักกัน...ถิงเฟิงครับ


......................................................ฟินๆค่า.........................................................................