อุปนิสัย-เงียบ สงบ เย็น ภูมิฐาน เป็นงานเป็นการ ความรู้แน่น แต่บางทีก็สามารถขี้เล่นขึ้นมาได้
หลี่อี้เฟิง = ดาราดาวรุ่งสุดฮอตแห่งวงการ ถ่ายละครและหนัง คิวแน่นไม่หยุดหย่อน
อุปนิสัย-ร่าเริง กินเก่ง ชอบกินขนม ของหวาน ลูกอม เค้ก ไอติม แต่กลัวเลือดมากที่สุด
บทที่ 3 "Sugar"
วันนี้เป็นวันที่ผมอยู่ในกองถ่ายซีรี่ส์เรื่องล่าสุดครับ ดาราดังอย่างหลี่อี้เฟิง ถ่ายฉากยิงปืนในเรื่องผมว่าเท่ห์อย่าบอกใคร วันนี้ทั้งวัน ผมต้องกระโดดยิงปืน กลิ้งไปมา แล้วก็ทำให้หิวและกินๆๆๆ อีกอย่างที่ทำให้ผมกังวลนะ ผมต้องไปผ่าฟันคุดช่วงค่ำด้วย ที่ผมไปตรวจไว้เมื่อวันก่อน...
ผมไปหาหมอมาแล้ว ที่คลินิก ถิงหยาฉืออะไรเนี่ยะแหละครับ หมอที่คลินิกอ่ะ หน้าตาดีมากก็จริง แต่ว่าแฝงแววตาเจ้าเล่ห์และเหมือนเค้าจะชอบไล่ต้อนให้ผมจนมุม...ไม่เป็นไร ตอนนี้ผมแค่กังวลหลายเรื่อง ขอกินขนมลูกอมบนโต๊ะนี้ให้หมดก่อน เข้าฉากต่อไปจะได้มีแรง แล้วค่อยคิดอีกทีว่าจะทำยังไงกับหมอถิงนั่น...
"อี้เฟิง พี่บอกแล้วว่าอย่ากินเยอะมาก กินแต่ขนม ทั้งนั้นเลยเนี่ยะ" ผจก.เจ๊เฉินจอมป่วนของผม ว่าผมเรื่องกินอีกแล้วครับ
"โธ่!!! เจ๊ครับ ผมกินแก้เครียด ดูสิ ผกก.จะมาสั่งสอนผมอีกแล้ว และไหนจะพวกตัวประกอบนั่นอีก ที่ทำเหมือนผมยิงปืนไม่ได้ เล่นไม่ดีตลอดอ่ะ"
ยังไม่ทันที่ผมจะคุยอะไรกับเจ๊เฉินต่อ ผกก.เดินเข้ามาที่โต๊ะ วางบทลงบนโต๊ะอย่างแรง...ปังงงงงงงง
"อี้เฟิง ทำไมนายเล่นไม่ได้สักที ผมบอกแล้วนะว่าให้ซ้อมบทมาให้ดี นี่ผมให้คุณพักตั้งนาน เดี๋ยวถ้าเข้าฉากอีกรอบ แล้วยังเล่นไม่ได้ ผมขอพักกองด้วย หลายๆวันเลย ไม่ต้องทำมันแล้ว งงงานหน่ะ เข้าใจมั้ย"
ผกก.โกรธมาก โกรธที่ผมต่อบทไม่ได้ แล้วก็ท่าทางที่ผมทำไม่ได้ นี่แหละครับ คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกแย่ในวันนี้ พอแย่ก็ต้องกิน มันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น...
สุดท้ายแล้ววันนี้ผมก็เล่นบทสายสืบไม่ได้อีก นี่มันเป็นวันอะไรกันนะ!!! ผกก.สั่งให้ผมไม่ต้องมาเข้าฉากเพื่อไปฝึกยิงปืนก่อน อีก 3 วันค่อยมาใหม่ ระหว่างที่เรานั่งรถเพื่อไปยังคลินิก เจ๊เฉินบ่นผมตลอด ผมได้แต่เงียบ...
"อี้เฟิง ทำไมเป็นแบบนี้ ปกติเราก็ไม่เป็นแบบนี้นี่นา ทำไมถึงทำไม่ได้ฮะ เรียนก็เรียนมาแล้ว ทุกอย่างเจ๊ก็ส่งเข้าคอสไปฝึกมาหมดแล้วเนี่ยะ ก็ดีเหมือนกัน ไหนๆ ก็ต้องมาผ่าฟันคุด ตอนแรกเจ๊ก็ว่าจะขอผกก.พักพอดี ก็ไม่ต้องแล้วสินะ"
ผมยังคงเงียบ ในใจยังคงคิด ทำไมนะ ผมถึงเป็นแบบนี้ เวลามีเรื่องกังวลใจหลายๆอย่าง ผมมักจะแสดงไม่ได้แบบที่คิด มันทำให้ผมไม่มีสมาธิเลยจริงๆ ยิ่งตอนนี้ผมก็ต้องไปคลินิก ตั้งแต่เมื่อวานที่ไปจากร้านนี้ ใจผมก็อดคิดถึงหน้าหมอถิงไม่ได้เลย สีหน้าเค้าที่คุยกับผม ใบหน้าที่ดูดีนั่น แล้วก็วันนี้ผมต้องผ่าฟันคุดกับเค้า มันวนเวียนอยู่ตลอด...
จริงสินะ...ผ่าฟันคุด ผมไม่เคยผ่าเลย ผมกลัวเลือดมาแต่เด็ก เวลาผมล้มนะ พอมีเลือดออกเท่านั้น!!! ผมจะเป็นลมไปเลย
นี่อีก...ทำให้วันนี้ผมแทบไม่อยากจะคิดว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง...
เมื่อมาถึงหน้าร้าน ผมจับแขนเจ๊เฉินไว้
"เจ๊เฉิน ผมกลัว...กลัวจริงๆนะ เจ๊ต้องดูแลผมนะ ตอนทำเสร็จแล้ว"
"เอาน่า เจ๊ก็ต้องดูเราอยู่แล้ว แล้วก็ไม่ต้องกินเลยนะ ขนงขนมหน่ะ"
"เจ๊เฉินหน่ะ ผมบอกแล้วไง ว่าวันนี้ต้องผ่าฟันคุด ขอกินขนมเยอะๆก่อน"
"ไม่ได้สิ เดี๋ยวก็อ้วนกันพอดี ยิ่งช่วงนี้เราไม่ค่อยได้ออกกำลังเหมือนแต่ก่อน"
ผมขี้เกียจเถียงต่อแล้ว เมื่อเราเปิดประตูเข้ามาในร้าน ผมเหนื่อย ผมอยากพัก
@@@@@@@@@@@
@@@@@@@@@@@
พอผมต้องเดินเข้าไปเจอหมอ เชื่อไหมครับ ในห้องทำฟัน ผมร้องไห้!!!
ทั้งในระหว่างทำและหลังจากทำเสร็จ แปลกนะ ผมรู้สึกว่าหมอดีกับผมมาก เค้าเช็ดน้ำตาให้ผมด้วย...
ตอนทำถามว่าเจ็บไหม ผมก็ไม่รู้สึกอะไรนะ มันชา เพียงแต่ว่าผมคิดถึงแม่ขึ้นมา แล้วก็คิดถึงวัยเด็กที่สนุกสนาน วันนี้ทั้งวันผมโดนผกก.ว่าเยอะมาก ผมอยากกลับไปบ้านไม่ต้องคิดอะไร แต่ก็คงทำไม่ได้...
ตอนนี้ผมกลับมาถึงคอนโดแล้ว แต่ว่าๆๆๆ...เจ๊เฉินต้องกลับบ้านด่วนเพราะที่บ้านมีปัญหา
เหลือแต่ผมคนเดียวอีกแล้ว น้ำตามันพาลจะไหลออกมาอีก ในเวลาแบบนี้ แม่ก็ต้องดูแลผม ถ้าเป็นเมื่อก่อน ฿.!.!฿แต่ตอนนี้ผมควรทำยังไงดี ตั้งแต่เป็นดารา ก็มีคนดูแลมาตลอด ตอนอยู่บ้าน ก็ไม่เคยต้องทำอะไรเอง...
ผมก้มลงมองเบอร์โทรศัพท์ที่หมอถิงให้ผมไว้ ความรู้สึกส่วนลึกในใจบอกว่า ผมชอบสายตาเค้าเวลาที่มองมาก และอยากให้เค้ามาดูแลผมจริงๆ
ผมตัดสินใจส่งข้อความไป เค้าก็แกล้งผม แต่ยังไงเค้าก็มา มาดูแลผมอยู่ตรงหน้านี้แล้ว...
ผมรู้สึกได้ตอนเค้ากำลังเอาน้ำแข็งมาประคบ เค้าเริ่มขยับตัวเข้ามาใกล้ ผมได้กลิ่นจากตัวเค้า ทั้งกลิ่นน้ำหอมจางๆนั่น แววตา สีหน้าคำพูดที่ทั้งดูเป็นห่วงและอยากจะแกล้งผมไปพร้อมๆกัน เพียงแต่ผมเริ่มปวดแผล ผมเลยบอกเค้าไป...
ผมงอแงเหรอ เปล่านะ!!! ผมแค่อยากอ้อนเค้า ไม่รู้สิ มันก็ไม่เหมือนเวลาอยู่กับแม่หรอกนะ เพราะคนตรงหน้า ดูมีเสน่ห์ดึงดูดให้ผมอยากอยู่ใกล้ๆเค้าได้...ผมว่านะ ผมชอบเค้าจริงๆแหละ :฿/฿/&&/&:฿&:
แต่ไม่ได้หรอก ดาราดังอย่างหลี่อี้เฟิง จะมาชอบหมอฟันคลินิกเล็กๆ แค่นี้เนี่ยะนะ!!!
สักพักขณะที่ผมกำลังหลับตาและไม่กล้าจะมองหน้าเค้า พร้อมกับทบทวนตัวเองว่าทำไมอะไร ทำให้ผมชอบเค้า แค่ประคบน้ำแข็งที่แก้ม ใจผมต้องเต้นแรงและเร็วขึ้นด้วย...
...เค้าหอมแก้มผม!!! ผมว่าใช่นะ ผมลืมตามองเค้าแล้วถาม แต่เค้ากลับไม่ตอบ แล้วกลับออกไป...
เค้าไปแล้ว ทิ้งผมไว้กับความมึนงงและเริ่มปวดแผลนิดหน่อย ผมจึงประคบน้ำแข็งเองอีกสักพัก
แต่นี่ผ้าเช็ดหน้าเค้า ห่อน้ำแข็งเอาไว้ เค้าทิ้งไว้ให้ผมเหรอ???
ผมคิดไปเองอีกแล้วสินะ ไม่ได้นะ หลี่อี้เฟิง นายไม่ควรไปชอบเค้า...
ดาราดังกับหมอฟัน ไม่เห็นจะเข้ากันเลยสักนิด
ผมไปนอนดีกว่า จะได้ไม่บวมมาก...
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ตื้ดๆๆๆๆ...เสียงข้อความดังขึ้นตอนเช้าตรู่
"คุณดาราดัง อย่าลืมกินยา และวันนี้ประคบน้ำอุ่นด้วยนะครับ แล้วจะหาว่าหมอไม่เตือน"
ผมอ่านจบก็พูดกับตัวเอง...
"อะไรของเค้า ตกลงจะเป็นห่วงหรือว่าจะกวนกันแน่" ผมเลยส่งข้อความกลับไป
"ผมดูแลตัวเองได้แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง อ้อ!!! ผ้าเช็ดหน้านี่ ผมจะเอาไปคืนตอนตัดไหมแล้วกันนะ ขอบคุณ"
ไม่มีข้อความกลับมา จริงๆผมไม่ได้อยากตอบแบบนี้หรอก
ผมอยากให้เค้ามาดูผม อยากให้เค้ามาสั่งให้ผมกินยาอีก
อยากให้เค้ามาทำหน้าขรึมๆใส่...เฮ้อ+++ ผมชอบเค้าจริงๆสินะ แค่วันสองวันเนี่ยนะหลี่อี้เฟิง...
วันนี้คิวทุกอย่างถูกแคลเซิล เจ๊เฉินบอกไว้ ผมเลยนอนต่อจนกระทั่งค่อนข้างสายมาก
มีเสียงกดออดดัง คงเป็นเจ๊เฉินที่มาดูผม...
ผมเลยลุกออกไปทั้งชุดนอนและเดินไปเปิดประตู
"คุณดาราดังครับ ทำไมโทรมแบบนี้" เสียงคนตัวใหญ่ที่เดินเข้ามาโดยที่ผมไม่คาดคิด
หมอถิงมาหาผม เป็นไปได้ยังไงเนี่ยะ
"คุณ...คุณหมอ มาได้ยังไงอ่ะ จะมาทำไมไม่บอกก่อน"
"ทำไม กลัวมีนักข่าวหรือกลัวผจก.ส่วนตัวคุณหรือไง ผมก็มาดูคุณไงล่ะ ว่าทำตามที่ผมบอกเป็นมั้ย"
"ผม เอ่อ...ยังไม่ได้อาบน้ำ แปรงฟันเลยนะ แล้วคุณไม่ต้องทำงานหรือไงครับ คุณหมอ"
"วันนี้ผมหยุดครับ ปกติผมหยุดวันเสาร์ มีน้องหมอคนอื่นมาอยู่ร้านแทนให้ ว่
าแต่คุณเถอะ จะต้อนรับแขกในสภาพนี้อีกนานไหมครับ ผมว่าไปแปรงฟันก่อนเลยนะ"
ผมอายมาก พอเค้าพูดแบบนี้เลยรีบกลับเข้าห้อง ทิ้งเค้าไว้ด้านนอก โดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าเค้ากำลังทำอะไร ผมได้กลิ่นอาหารลอยมา เหมือนว่าจะเป็นข้าวต้มนะ...
ผมจึงใส่ชุดที่คิดว่าดูดีที่สุด แต่สบายๆ ตามสไตล์ที่ผมชอบ ออกมาจากห้อง...
มีข้าวต้มวางอยู่บนโต๊ะจริงๆ พร้อมกับยาและน้ำอย่างเรียบร้อย
อีกฝ่ายนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟา โดยที่ไม่พูดอะไร...
"นี่มันอะไรครับคุณหมอ???"
"เอ้า ข้าวต้มหมูไงครับคุณดารา อะไรกัน ปวดฟันคุดจนสมองได้รับการกระทบกระเทือนอะไรหรือเปล่า"
หมอนี่ ทำไมถึงได้พูดจา กวนประสาทผมได้ตลอดเวลานะ แล้วเอาข้าวต้มมาให้ผมกินทำไม???
"ผมรู้อยู่แล้ว แค่ถามเพราะไม่แน่ใจว่าคุณหมอต้องการอะไร โอ้ย!!!"
"เห็นมั้ยล่ะ นี่เพิ่งผ่าฟันคุดไปวันแรก เค้ายังไม่ให้โกรธ หรือพูดมากนะครับ มันจะทำให้แผลเปิด คุณไม่ควรอ้าปากเยอะด้วย เข้าใจมั้ย แล้วข้าวต้มนั่นหน่ะ ผมซื้อมาฝาก เห็นในตู้เย็นคุณไม่มีอะไรกินเลย แล้วก็จะได้ทานยา"
ผมกินข้าวต้มที่เค้าซื้อมาแต่โดยดี อร่อยแฮะ!!! คงเป็นเพราะผมหิวด้วย ผมทานยาเสร็จ เลยตัดสินใจถามออกไป
"หมออ่านหนังสืออะไรหน่ะ???"
"ตำราแพทย์สมัยโบราณ พวกกดจุดอะไรแบบนี้ คุณไม่ต้องสนใจหรอก ผมเอามาอ่านฆ่าเวลา ผมหน่ะ เปลี่ยนที่อ่านหนังสือไปเรื่อยๆ มันทำให้ผมจำได้ง่ายขึ้น ว่าแต่คุณเถอะ มานั่งนี่สิ ผมจะประคบน้ำอุ่นให้"
"ไม่ต้องหรอก ผมขอบคุณมาก คุณกลับไปเถอะ ผมสบายดี ทำเองได้ บอกแล้วไง ส่วนข้าวต้มนี่...เอ่ออออ"
หมอถิงวางหนังสือไว้บนโต๊ะ ลุกขึ้นแล้วเดินมาที่โต๊ะกินข้าวทันที...เอาแขนเท้าที่โต๊ะไว้ แล้วยืนหน้ามาใกล้ผมมาก
"ก็ผมมานี่ ผมจะมาดูคนไข้ของผม คุณอย่ามาดื้อกับหมอสิครับ"
หน้าเค้ามาใกล้ผมเกินไปแล้ว...ผมเลยลุกขึ้น เดินเอาชามไปเก็บ แล้วรินน้ำมาให้เค้า เอาไปวางที่โซฟา
"แล้วหมอทานข้าวแล้วเหรอ คิดจะมาอ่านหนังสือที่นี่หรือยังไง ถ้าไม่มีธุระอะไร คนไข้คนนี้ดูแลตัวเองได้ครับ"
ผมยังไม่หยุดไล่เค้าออกไป ทำไมเหรอครับ ผมกลัวว่าผมจะชอบเค้ามากขึ้นเรื่อยๆหน่ะสิ
ตอนนี้เค้าเดินกลับมานั่งอ่านหนังสือต่อแล้ว แต่ยังคงนิ่ง นั่งอ่านหนังสือต่อไปโดยไม่ตอบอะไรผม
"หมอ ตกลงว่าไง ผมจะไปประคบน้ำร้อนนะ หมอก็กลับไปได้แล้ว"
เค้าก็ไม่ตอบอีก ยังคงเอาหนังสือปิดหน้าไว้ จนผมเดินกลับเข้าไปในครัว
พร้อมกับเอาผ้าชุบน้ำร้อน มาประคบที่หน้า ทำถูกหรือเปล่าไม่รู้ แต่ว่ามันร้อนมาก!!!
ผมเลยร้องออกมา "โอ้ย!!! ร้อน!!!"
ฉับพลัน!!! ก็มีมือใหญ่มาจากไหนไม่รู้ จับมือผมออกจากแก้ม พร้อมกับหยิบผ้าไป โดยที่มือเค้ายังจับข้อมือผมไว้อย่างแน่น จนผมเจ็บ
"โอ้ย หมอ ผมเจ็บนะ จะทำอะไรหน่ะ!!!"
"คุณหลี่อี้เฟิง คุณนี่มันยังไงนะ ประคบน้ำเย็นก็ไม่เป็น ประคบน้ำร้อนก็ไม่เป็นอีก แล้วยังอวดเก่งไล่หมอไป
จะเอาน้ำร้อนลวกแก้มหรือไง ดูสิเนี่ยะ แดงหมดแล้ว"
หมอเอาผ้าวางไว้ที่เคาเตอร์ครัว เขยิบตัวเข้ามาใกล้ผม พร้อมกับเอามือลูบแก้มที่แดงเนื่องจากโดนน้ำร้อน...
ตอนนี้ผมทำอะไรไม่ถูกแล้วครับ ดาราดังแบบผม ไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกับใครมาก จะชอบใครรักใคร ก็ถูกจับตามอง จะเข้าใกล้ใครก็อยู่ในสายตาคนอื่น...
แต่หมอนี่มาจากไหน เข้าใกล้ผมได้ขนาดนี้ แถมตอนนี้เราก็อยู่กันสองคนอีกต่างหาก
มือใหญ่นั่นยังคงลูบไล้ที่แก้มผม จนมาถึงปาก เค้าเอานิ้วโป้งไล้ที่ริมฝีปากล่างอย่างแผ่วเบา
อืมมมม...มันดีจังเลย!!!
ผมจ้องตาเค้าเขม่งเลย...แต่ในใจนี่อ่อนยวบไปหมดแล้ว
แต่แล้วเค้าก็ผละออกจากตัวผม หันไปหยิบผ้า ชุบน้ำอุ่นที่เค้าผสมแล้ว บิดพอหมาดๆ พร้อมกับจูงผมออกมานั่งที่โซฟา
"ผมอ่านมาจากหนังสือ ถ้ากดที่ริมฝีปากล่าง จะทำให้คนพูดมากหยุดพูดได้นะ" เค้ายิ้ม ผมหันไปสบตาเค้า แล้วบอกว่า
"หมอหาว่าผมพูดมากเหรอ" ผมหันหน้าไปถามเค้า นี่คือเหตุผลที่เค้าทำแบบนั้นเหรอ มันใช่เหรอ???
"มา คุณหลี่อี้เฟิง ผมจะประคบน้ำร้อนให้ เค้าต้องทำแบบนี้นะ"
ผมหันหน้าไปเพื่อให้เค้าประคบน้ำร้อนให้ แต่กลายเป็นว่า คนตัวใหญ่ตรงหน้าเอาปากมาประกบปากผมแทน
ผมตกใจทำตาโต แต่ไม่ได้ขัดขืนอะไร ก็มันหวานดีนี่นา คล้ายๆกับได้กินน้ำหวานเลยล่ะ เอาเลยเอาลิ้นออกมาเลียริมฝีปากเค้ากลับ...
หมอถิง เอามือยกผ้ามาแปะที่แก้มขวาด้วย ดูดที่ลิ้นและริมฝีปากล่างของผมต่อไป สักพักนึงเค้าจึงปล่อยออก พร้อมกับมองหน้าผม...
"นี่คงไม่ใช่มาจากหนังสืออีกนะ" ผมถามเค้าก่อน
"คุณไม่ว่าผมเหรอ" เค้าถามในขณะเอาผ้าชุบน้ำอุ่นใหม่ เพื่อมาประคบต่อ
"หมอทำแบบนี้กับคนไข้ทุกคนหรือเปล่าล่ะ" ผมถามเค้าออกไป คำตอบที่ได้กลับเป็น
"ชอบมั้ย ประคบร้อนแบบนี้" ใบหน้านิ่ง แต่แฝงด้วยแววตาอยากรู้นั่น มันทำให้ผมรู้สึกชอบมาก เวลาส่งสายตากับนางเอก ผมยังไม่รู้สึกแบบนี้เลย...
"ชอบสิ หวานอ่ะ หวานมากด้วย" ผมตอบไปตามตรง
หมอยิ้มน้อยๆ "คุณชอบกินของหวานสินะ" เค้ากำลังจะยื่นปากมาเพื่อประกบอีกรอบก็มีเสียงกดออดดังขึ้น
ผมตกใจ!!! ผละออกจากเค้าทันที
"สงสัยจะเป็นเจ๊เฉินมั้ง!!!" ผมบอกออกไป
...โปรดติดตามตอนต่อไป....