วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

วุ่นนัก...ที่รักผมเป็นหมอ(ฟัน) บทที่ 9

เฉินเหว่ยถิง = หมอเฉินเหว่ยถิง เป็นหมอฟัน เจ้าของคลินิกแห่งหนึ่งในเซี่ยงไฮ้ ชื่อ “ถิงหยาฉือ”
                    อุปนิสัย-เงียบ สงบ เย็น ภูมิฐาน เป็นงานเป็นการ ความรู้แน่น  แต่บางทีก็สามารถขี้เล่นขึ้นมาได้

หลี่อี้เฟิง = ดาราดาวรุ่งสุดฮอตแห่งวงการ ถ่ายละครและหนัง คิวแน่นไม่หยุดหย่อน 
                   อุปนิสัย-ร่าเริง กินเก่ง ชอบกินขนม ของหวาน ลูกอม เค้ก ไอติม แต่กลัวเลือดมากที่สุด



บทที่ 9 ตอน ดูแล (Take care)



          ใกล้รุ่งสาง ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้น นึกขึ้นได้ว่ามี คนตัวใหญ่กอดก่ายทับอยู่บนตัวผม หลังจากเหตุการณ์ที่พื้นพรมด้านนอก ผมก็ได้รับการทะนุถนอมและดูแล เหมือนผมเป็นคนไข้ที่มีหมอมาคอยดูแลตลอด เค้าอุ้มผมมานอนที่เตียงหลังจากที่เราสัมผัสแนบชิดกันและกัน ตอนนี้ผมรู้ว่า ผมรักเค้ามากขึ้นจากการสัมผัสแบบนี้ ผมชอบมากแต่ยังไงก็ตาม ผมก็ต้องไปทำหน้าที่ของผม ผมจึงพยายามดันตัวเค้าออกไป...

ไม่น่าเชื่อว่าดาราดังอย่างหลี่อี้เฟิง จะมานอนอยู่บนเตียงในคอนโดหรูของเซี่ยงไฮ้ กับหมอฟันร่างยักษ์คนนี้ได้ ผมติดสินใจแล้วว่าจะคบกับเค้าแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็คงต้องค่อยๆแก้ปัญหากันไป แต่เรื่องราวมันก็คงจะไม่ง่าย ผมต้องกลับไปคุยกับบริษัทต้นสังกัดที่ปักกิ่งก่อน ผมจึงต้องกลับไปคอนโดแล้ว เพราะต้องไปขึ้นเครื่องอีก แต่คนร่างยักษ์ก็ยังคงพลิกตัวกลับมากอดผมในร่างเปลือยเปล่าของเราทั้งคู่ ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ เค้ากระซิบข้างหูผม...

"คุณจะไปไหน ผมรู้นะ ผมไม่ให้ไป!!!"

ผมต้องดันมือที่เค้ากอดผมไว้ออกก่อนจะหันหน้าไปบอกเค้า

"ผมต้องไปแล้ว หมอ...ผมบอกแล้วว่าผมต้องไปปักกิ่ง"

"ทำไมล่ะ ผมเลี้ยงคุณได้ มาเป็นคุณนายเฉินไง ผมบอกแล้ว ผมรักคุณนะ"

เค้าค่อยๆบรรจงหอมแก้มผมหนึ่งที แล้วกระซิบต่อ...

"อย่าไปเลย ผมอยากเก็บคุณไว้แบบนี้ น้ำเน่าเนอะ แต่ผมรู้สึกแบบนี้จริงๆนะ" 

ใจจริงผมก็ไม่ได้อยากไปหรอกนะ บทละครแบบนี้ผมเล่นออกบ่อย แต่เป็นผมที่เล่นบทพระเอก ไม่ยอมให้นางเอกไปไหน นี่ดูเหมือนผมจะอยากอ้อนเค้าให้เค้าดูแล แต่ผมจะทำแบบนี้ได้เหรอ ได้จริงๆเหรอ!!! ผมไม่อยากต่อต้านคนตรงหน้าเลย ทำยังไงดีล่ะ...

"ผม...ถ้าผมไม่ไป หมอจะให้ผมทำยังไง"


"เอาแบบนี้นะ เดี๋ยวคุณก็โทรไปหา ผจก.คุณว่าขอไปพักผ่อน หลบเรื่องยุ่งๆสัก 2-3 วัน เสร็จแล้วคุณค่อยกลับไป วันนี้ผมจะเข้าไปเคลียร์คนไข้ แล้วลาหยุดเพื่ออยู่กับคุณ"

"หมอ...ผมทำให้คุณลำบากหรือเปล่า???"

"ไม่หรอก ปกติผมทำงานตลอด วันหยุดก็คือไปเที่ยวกับที่บ้าน นอกนั้นผมไม่เคยไปไหนเลยนะ ผมให้เวลาคุณ นั่นคือสิ่งที่ผมอยากทำ แต่เราก็ต้องแลกกัน คุณต้องเป็นคุณนายเฉินสักสองสามวัน ได้มั้ยครับ"

เสียงเค้า สัมผัสเค้า ที่กำลังกอดผมให้แน่นขึ้น มันทำให้ดาราอย่างผม ไร้สติ ผมไม่อยากไปจากอ้อมกอดนี้ ไม่อยากห่างจากเค้า เมื่อก่อนผมไม่เห็นเคยรู้สึกแบบนี้กับใครเลย นี่ผมเพิ่งเจอเค้าเองนะ ลำแขนแข็งแรงและใบหน้าที่หนักแน่น ทำให้ผมเชื่อเค้าทุกอย่าง...


อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดนะ...หลี่อี้เฟิง!!!


เช้านั้นผมตัดสินใจโทรไปหา เจ๊เฉิน เธอโวยวายใหญ่ว่าผมหนีไปได้ยังไง หนีไปตอนไหน แล้วเธอจะทำยังไง จะตอบบริษัทว่ายังไง!!!


ผมก็บอกไปว่า ผมขอเวลาไปพักผ่อนก่อน ยังไงผมก็ถ่ายหนังต่อไม่ได้อยู่แล้ว แล้วอีก 2 วันค่อยไปหาเค้าเพื่อไปคุยเรื่องงานต่อก็ไม่เห็นเสียหายตรงไหน...นี่ผมเอาแต่ใจขนาดนี้ได้ยังไง

ผมกำลังคุยโทรศัพท์กับเจ๊เฉินอยู่ในห้องนอน หมอถิงลุกขึ้นไปอาบน้ำและเดินออกมาด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่พันอยู่ที่เอว ร่างกายเค้ามันดึงดูดผมมากกว่าอะไรทั้งหมด ผมมองกล้ามเนื้อแต่ละส่วนของเค้าอย่างไม่วางตา เค้ากำลังถือผ้าเช็ดตัวผืนเล็กเช็ดเนื้อตัวส่วนบน แล้วเห็นสายตาผมพอดี

"นี่...คุณดารา มองแบบนี้แปลว่าอะไรครับ"

"อะไร??? ผมเปล่ามองซะหน่อย"

"แหน่ะ ก็ผมเห็นคุณมองชัดๆ"

"ผมไม่ได้มองนะ"

เค้ามานั่งลงที่เตียงข้างตัวผม มองหน้า แล้วจูบเบาๆอีกที ช่างเป็นเช้าที่มีความสุขมากจริงๆ

"อ่ะ เช้าๆปากไม่สะอาด เดี๋ยวหมอจะแปรงฟันให้นะ"

เค้าเอาปากประกบลงมาใหม่อีกรอบ แล้วเอาลิ้นเข้ามาในปากผม ควานไปที่ลิ้นและฟัน หยอกเหย้าเล่นไปทั่ว แล้วส่งท้ายด้วยการดูดที่ริมฝีปากล่างก่อนจะปล่อยปากผมออกมา

"อ่ะ สะอาดแล้ว"

 ผมแอบเขินนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนมาจูบผมแบบนี้ ในการแสดงเราก็อาศัยมุมกล้องและก็ถ้าจูบจริง ก็ไม่มีใครเอาลิ้นมาแตะทุกส่วนในปากผมขนาดนี้มาก่อน ผมจึงหลบตาลง...

"คุณดาราครับ คุณรู้ตัวมั้ย นับวันคุณยิ่งน่ารักขึ้นเรื่อยๆนะ นี่อายผมเหรอ 555"

ผมไม่อยากตอบเรื่องนี้ เลยเฉไฉไปเรื่องอื่น

"หมอ...ให้ผมกลับไปคอนโดเอาเสื้อผ้าก่อนได้มั้ย"

"ไม่ต้องหรอก คุณใส่ชุดนี้ เดี๋ยวผมเอาให้ แล้วก็เดี๋ยวผมทำอาหารเช้าให้ นั่งเล่นไปก่อน ส่วนตอนเที่ยง ผมก็จะเตรียมไว้ คุณก็แค่เอามาอุ่น พักผ่อนไปนะ ไม่ต้องคิดมาก ดูทีวีหรืออ่านหนังสือก็ได้ ผมมีเยอะ แล้วเย็นๆผมจะมารับออกไปทานข้าว"

"นี่คุณ จะให้ผมมาอยู่กับคุณเฉยๆแบบนี้จริงๆเหรอ"

"ใช่ไง ผมบอกแล้ว อยู่กับผม คุณไม่ต้องทำอะไร หมอถิง มีเงินพอเลี้ยงคุณได้ ไม่ต้องห่วง เอาล่ะ ไปอาบน้ำเถอะ อ้อ ตอนเย็น...ใส่ชุดที่ผมเตรียมไว้นะครับ คุณนายเฉิน 555"


สักพัก เค้าก็เดินหายลับไปยังห้องแต่งตัวข้างๆ ที่มีห้องแยกเป็นสัดส่วนหลายห้อง สมกับเป็นคอนโดราคาแพงที่ในแต่ละชั้นมีห้องแค่ห้องเดียว...

หลังจากนั้นทั้งวัน หมอถิงก็ออกไปทำคนไข้ตามปกติ มีแต่ผม ที่นั่งเล่นนอนเล่น ดูทีวี อ่านหนังสือ โดยที่รู้สึกว่าทำไมเวลาแห่งความสุขแบบนี้มันช่างผ่านไปรวดเร็วจริงๆ ผมรู้สึกสบายใจที่ตอนนี้ไม่ต้องคิดอะไร แค่พักผ่อนรอเค้ากลับมา พาผมไปกินข้าว ก็รู้สึกดีมากๆแล้ว...นี่ผมเป็นอะไร ผมอยากเป็นคุณนายเฉินจริงๆเหรอ เหมือนรอสามีกลับบ้านอะไรแบบนี้ จากคนไข้คนนึง มันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ผมเองยังไม่รู้ตัวเลย...


พอใกล้ๆจะ 6 โมงเย็น หมอก็บอกว่าให้แต่งตัว เตรียมตัวออกไปข้างนอก เค้าจะมารับด้านล่างให้ลงมารอได้เลย...

แต่ชุดที่เค้าเตรียมให้นี่สิ ไม่รู้ไปเอามาจากไหน เป็นกระโปรงผู้หญิงแล้วก็มีวิกผมหยิกเล็กน้อย พร้อมกับหมวกสวยเก๋ใบนึง ผมก็ใส่แว่นตาดำอำพรางด้วยความเคยชิน แล้วลงไปรอเค้าด้านล่าง โดยที่ไม่มีใครจำได้ แต่ก็มีคนมองว่า ทำไมเย็นโพล้เพล้ขนาดนี้แล้ว ผมยังใส่แว่นตาดำอีก แต่เทคนิคการอำพรางตัวของผมก็สุดยอดอยู่แล้ว การเป็นดาราเราต้องปรับตัวง่าย เข้ากับสถานการณ์ ผมจึงไปแวะร้าน มินิมาร์ทด้านล่างคอนโดเพื่อซื้อเครื่องสำอางค์นิดหน่อย แล้วไปแต่งหน้าในห้องน้ำก่อนที่หมอถิงจะมา...

พอเค้ามารับ ผมก้าวขึ้นบนรถ เค้าดูตะลึงมาก!!!

ผมถอดแว่นตาดำออก เผยให้เห็นแก้มเนียนใสจากการแต่งหน้าแบบเบาๆ 

"หมอ...มองอะไร!!!"

"อี้เฟิง คุณ เอ่อ...คุณทำไม สวยขนาดนี้"

"หมออ่ะ...อย่าล้อสิ คุณก็นะ เอาชุดอะไรให้ใส่ แถมมีวิกด้วย ไปเตรียมมาตอนไหน"

"มันเป็นของที่พี่สาวผมไม่ใช้แล้ว ชอบเอามาทิ้งไว้ที่นี่หน่ะ บางทีเค้าก็มานอน ผมเลยอยากให้คุณลองใส่ดู แต่ว่าไม่คิดว่าวิกกับหน้าคุณ มันจะทำให้ผมแทบจำไม่ได้"

"หมอ...ไปเถอะ ผมหิวแล้ว วันนี้เป็นไง เหนื่อยมั้ย!!!"

"ไม่เหนื่อยเลย แค่ผมคิดว่ามีคุณรอผมอยู่ ผมนี่อยากจะรีบทำๆคนไข้ให้เสร็จเร็วๆ อ้อ แล้วก็ผมว่างแล้วนะ พอดีให้น้องเค้ามาอยู่แทนให้แล้ว เรื่องอื่นๆคุณไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้ผมว่างทั้งวันนะ"

"หมอ...แน่ใจเหรอว่าจะทำแบบนี้ ว่างแน่เหรอ หยุดวันเดียวก็ดูลำบากจังนะ"

"อี้เฟิง ผมบอกแล้วไง ผมแค่อยากมีคุณอยู่ด้วย ไม่ว่ายังไง ผมก็จะทำ ไม่ว่าจะต้องมีอุปสรรคอะไรอีก"

ระหว่างกินมื้อค่ำกัน ไม่มีใครมองออกเลยว่าที่นั่งอยู่เป็น หลี่อี้เฟิง ดาราดัง...พระเอกดาวรุ่งคนนั้น คงมีแต่ผมและเค้าเท่านั้นที่รู้ว่า ใครเป็นใคร...


ระหว่างที่กำลังกินข้าวกัน เค้าก็คอยดูแลผมอีกแล้ว คนเป็นหมอนี่เค้าเหมือนมีใจอยากให้ความช่วยเหลือหรืออะไร ผมมักจะรู้สึกว่าเวลาอยู่กับเค้าไม่ต้องทำอะไรมาก หมอถิงจะดูแลเอง...

สักพักก็มีโทรศัพท์จากเจ๊เฉิน...

"ครับ เจ๊!!!"


"อี้เฟิงอยู่ไหน ออฟฟิศใหญ่บอกว่า เราไม่ต้องไปหาเค้าแล้ว ให้เราไปหาข้อมูลทำรายการ ที่เธอเคยคุยกับผู้ใหญ่ไว้หน่ะ"

"ฮะ!!! อะไรนะเจ๊ ผู้ใหญ่อนุมัติเหรอ ขนาดผมทำแบบนี้อ่ะนะ"

"นั่นสิ นี่เราโชคดีมากนะ เจ๊ยังกังวลอยู่เลย เจ๊หวังก็บอกนะว่า เดี๋ยวจะคุยกับผกก.ให้ก่อน แต่ว่ารายการเนี่ยะ จะเตรียมโปรโมทและให้เราเตรียมตัวหาข้อมูลได้เลย เดี๋ยวพี่จะจองตั๋วเครื่องบินให้"

"จองตั๋วให้ ที่ผมเคยออกแบบรายการไว้ เราต้องไปหลายๆประเทศ หมายถึงจะให้ผมไปไหนก่อนล่ะ"

"พักผ่อนอีกวัน เจ๊ให้เวลาเรา ไหนๆก็ไหนๆแล้ว วันมะรืน เริ่มงานที่แรกไปเมืองไทยนะ โอเคมั้ย เจอกันที่สนามบิน เดี๋ยวพี่จองตั๋วแล้วจะส่งรายละเอียดไปใน email นะ"

"ครับๆ ได้ ขอบคุณมากนะเจ๊ แล้วก็ขอโทษด้วยที่ผมเอาแต่ใจ"

"อืม ไม่เป็นไร แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เราจะได้ไม่เครียดมาก ไปทำงานที่อื่นๆหลายๆที่ ข่าวเรื่องผกก.นี่จะได้ซาลงไปด้วย"

พอผมวางโทรศัพท์ไป หมอถิงมองผมด้วยสายตาจดจ่อ......

"หมายความว่าอะไร คุณต้องไปไหน???"

"หมอถิง...ผมต้องไปหาข้อมูลรายการที่เมืองไทย อีกสองวันหน่ะ ผมอยู่กับหมอได้อีกแค่วันเดียวนะ คราวนี้ผมต้องไปจริงๆ เพราะนี่คือโอกาสของผม"

หลังจากกินข้าวเสร็จ หมอก็พาผมกลับมาที่คอนโด แล้วทิ้งตัวลงที่โซฟา เค้าเงียบไป ไม่พูดอะไรอีก ผมเลยลงไปนั่งข้างๆเค้า เอามือจับไปที่ต้นขาเค้า เขย่าเบาๆ...

"หมอ เป็นอะไรไป อย่าเป็นแบบนี้สิ ผมแค่ไปถ่ายรายการ ไปหาข้อมูลเองนะ"

"ผมได้หยุดงานแค่วันเดียว ยังไม่ทันอะไร คุณก็จะไปอีกแล้ว"

ผมรู้สึกว่าเค้าเหมือนจะน้อยใจ เลยเอามือกอดเอวเค้าไว้

"โธ่ หมอ ผมไปทำงาน ไปแป๊บเดียว เดี๋ยวก็กลับมา แล้วผมจะส่งข้อความหรือโทรหาบ่อยๆนะ"

เค้าเอามือกอดผมไว้...

"อยู่กับผมนะ อยู่กับผม"

ผมกอดเค้าแน่นขึ้น แล้วซุกหน้าเข้าไปที่ซอกคอเค้า...

"ผมไม่อยากไปไหนหรอก จริงๆแล้วที่นี่คือที่หลบภัยของผมเหมือนกันนะ"

ผมรู้สึกว่า มันอบอุ่นมากเมื่อผมกอดเค้าและซุกไซร้ไปกับตัวเค้าแบบนี้จริงๆนะ

เค้าเอามือช้อนคางผมแล้วจูบลงมาที่ริมฝีปากแดงๆที่ยังมีคราบลิปสติกอยู่...

หลังจากนั้น เค้าก็ค่อยๆแกะชุดกระโปรงของผมออกทีละชิ้นๆ แล้วดันตัวผมนอนลงที่โซฟา  วันนี้ผมจะยอมเค้าทุกอย่างโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ เพราะไม่รู้ว่าวันข้างหน้า เราสองคนจะยังได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีกมั้ย ตอนนี้ร่างคนตัวใหญ่คร่อมอยู่บนร่างผม แรงปรารถนาของผมและเค้าผสมกลมกลืนกันจนแผ่ขยายไปเต็มโซฟาตัวใหญ่...

เสียงกระเซ่าและร่างกายที่เร่าร้อนของเราทั้งคู่ยังไม่ยอมหยุด จนกระทั่งผมแทบหมดแรง...

หมอถิงลุกขึ้นแล้วมองดูผมที่นอนอยู่บนโซฟา...ผมได้ยินเสียงเค้าพูดเบาๆ 

"ผมไม่มีวันปล่อยคุณไป...หลี่อี้เฟิง"



..........................................โปรดติดตามตอนต่อไป...........................














วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

รอรัก...ที่ปารีส ตอนพิเศษ 1121

Love me=> if you dare

ตอนพิเศษ 2 :  1121
                     
             เช้านี้ผมตื่นมายืนรับลมทะเลอยู่ด้านหน้าบ้านพัก เดินเล่นรู้สึกเย็นสบายจริงๆ ผม...หลี่อี้เฟิง ตอนนี้หลบเรื่องราวร้ายๆจากปารีส มายังฮาวาย มาหาเค้า เจ้าของตัวและหัวใจของผม...พี่ถิงมาติดต่อธุระและให้ผมมาพักกับเค้าที่นี่ เค้าว่างสองวัน ผมกับเค้ายังเหลือเวลาอยู่ด้วยกันอีกวันนึง ผมยังไม่รู้จะเอายังไงต่อ ก็คงต้องแล้วแต่เค้า รอให้เหตุการณ์ทุกอย่างเรียบร้อย ผมต้องกลับไปปารีสอีกครั้งเพื่อรับปริญญาแน่นอน ผมเดินกลับเข้าไปในบ้านพัก เห็นคนที่นอนอยู่บนเตียงยิ้มให้ เค้าเอาสองมือประสานไปที่ท้ายทอย นอนมองมาที่ผมอย่างสบายอารมณ์...

"ไปไหนมา เฟิงเฟิง"

"เดินเล่นครับ พี่ถิงตื่นแล้ว อยากทานอะไรมั้ย ผมจะไปสั่งให้"

ผมเดินไปนั่งข้างเตียงเค้า มองหน้าเค้า เค้าก็ยังคงยิ้มแล้วมองมาที่ผม...


"ทานเฟิงเฟิงต่อได้มั้ย เมื่อคืนยังไม่อิ่มเลย"

"พี่ถิง ทะเล้นอีกแล้วนะ ไปครับ ไปอาบน้ำ ผมอยากไปเที่ยวฮาวายบ้าง ไหนพี่บอกจะเป็นไกด์พาผมเที่ยวไง"


ผมพยายามจะฉุดคนตรงหน้าขึ้นเพื่อให้ไปอาบน้ำ แต่เค้าก็แกล้งไม่ยอมลุก จนผมลงไปกองอยู่บนตัวเค้าอีกรอบ...

"จะรีบไปไหนล่ะเฟิงเฟิง เรายังมีเวลาอีกทั้งวันทั้งคืน พี่ยังไม่อยากไปไหนนี่นา"


เอาล่ะ ตามใจเค้าหน่อยก็ได้ ผมเลยไม่ขยับตัว นอนอยู่บนตัวเค้าแบบนั้น แล้วเอามือกอดเค้าไว้

"พี่ถิง พี่มีเวลาแค่นี้ เราก็ใช้มันให้คุ้มค่านะ เพราะไม่รู้ว่าเราจะได้อยู่ด้วยกันอีกเมื่อไหร่"


"ไม่!!! เฟิงเฟิง พี่ตัดสินใจแล้ว พี่จะขอลุงโจนาธานให้เฟิงเฟิงมาอยู่ที่บริษัท เรียนจบแล้ว มาอยู่กับพี่ เข้าใจมั้ย"

"ฮะ อะไรนะครับ"

ผมลุกขึ้นมองหน้าเค้า...ผมไม่เคยคิดว่าจะไปทำงานกับเค้ามาก่อน ผมไม่ได้เรียนอะไรที่เป็นประโยชน์กับเค้าได้เลย การแสดงเนี่ยนะครับ จะไปทำงานเกี่ยวกับการขายของโบราณ...


"ใช่ เรียนเสร็จแล้ว ก็กลับมาฮ่องกง ออฟฟิศใหญ่พี่อยู่ฮ่องกง พี่จะไม่ให้เราไปไหนอีก"


"พี่ถิงจะให้ผมทำอะไร ผมไม่ได้เรียนอะไรที่เกี่ยวกับบริษัทพี่มาเลยนะ"


"ก็ไม่เห็นต้องเรียนอะไร อยู่กับพี่ แค่นี้ต้องเรียนด้วยเหรอ พี่ให้ทำอะไรก็ทำ พี่ให้เงินเดือนนะ เฟิงเฟิงคนเดียว พี่เลี้ยงได้สบายอยู่แล้ว"


"ผมไม่ได้อยากจะเป็นภาระพี่นะ ผมเรียนมาก็อยากจะทำงานที่ผมถนัด"

"แสดงว่าจะไม่อยู่กับพี่เหรอ พี่บอกแล้วว่าพี่เลี้ยงเฟิงเฟิงได้ ไม่เห็นต้องกลัวเลย"

ผมยังไม่รู้อนาคตเลยว่าจะเอายังไงดี ผมเลยไม่อยากรับปากเค้า ผมรักเค้า แต่ระหว่างเราสองคนก็เป็นแค่เรื่องบังเอิญของการท่องเที่ยว เราเพิ่งได้อยู่ด้วยกันแค่ช่วงสั้นๆ ยังไม่รู้เลยว่า ถ้าผมต้องไปอยู่กับเค้าจริงๆจะเป็นยังไง


"ผมไม่รู้ครับ ผมบอกไม่ได้ ผม...เอ่อ...ผมอาจจะอยู่ปารีสต่อก็ได้"


คราวนี้เค้าดันตัวผมออก แล้วนอนหันหน้าไปอีกทาง ไม่ยอมมองผมเลย


"พี่ถิง พี่อย่าเป็นแบบนี้สิ ผมบอกแล้วว่าเราควรใช้เวลาอยู่ดัวยกันให้มีค่า"

"เฟิงเฟิงไม่รักพี่ ไม่ได้อยากอยู่กับพี่ ไหนบอกกันตอนนั้น ที่บนเรือแม่น้ำแซนแล้วก็อีกตั้งหลายที่ในปารีส ว่ารักพี่ไง"


"ผมรักพี่ แต่ว่ารักกับการอยู่ด้วยกัน บางทีมันก็ไม่ใช่นะครับ ผมคิดแบบนั้น"

"อะไร คนรักกันก็ต้องอยู่ด้วยกันสิ ทำไม กลัวว่าคนอื่นจะนินทา หรือไม่ชอบหรือยังไง"


"เปล่านะครับ ผมแค่ไม่อยากให้พี่ต้องมาแบกภาระเลี้ยงดูผม"


เค้ายังคงไม่หันหน้ามา พูดแบบหันหลังหาผม

"พี่เลี้ยงได้ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา พี่บอกแล้ว ถ้าเฟิงเฟิงเรียนจบก็มาทำงานกับพี่ มาดูแลพี่ แบบนี้ไม่ได้เหรอ หรือว่าระหว่างที่พี่ไม่อยู่เฟิงเฟิงมีคนอื่นไปแล้ว มันเป็นใคร??? บอกมาเลย พี่จะไปจัดการกับมัน"



"พี่ถิง มันไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย พี่เข้าใจผมบ้างสิ"


คราวนี้ผมรู้สึกว่าไม่อยากง้อเค้าแล้ว ทำไมไม่เข้าใจสิ่งที่ผมบอก ผมแค่ขอเวลาคิดและตัดสินใจ มันคือเรื่องของอนาคต ควรอยู่ด้วยกันตอนนี้ให้นานที่สุดจะดีกว่า

ผมเลยลุกมาห้องรับแขกด้านนอก แล้วยืนมองไปที่หน้าต่างที่เห็นวิว ขอรับลมทะเลของฮาวายให้สบายดีกว่า

สักพักก็มีเสียงอาบน้ำด้านใน คนตัวใหญ่นั่นคงมีสติและรู้เรื่องแล้วนะ ผมก็ไม่อยากคิดอะไรตอนนี้ เอาเป็นว่ารับปริญญาเสร็จค่อยคิดแล้วกันนะ ผมเลยมานั่งที่โซฟาตัวใหญ่กลางบ้าน แล้วจึงเผลอหลับไป...


ผมรู้สึกว่ามีสัมผัสเบาๆที่ปาก 

"อืมมม อร่อยจัง" ผมคิด กำลังจะเอาลิ้นเลียขนมหวานที่มาแตะที่ปากนั่น แต่มันก็เหมือนไม่ใช่...ผมจึงรู้สึกตัว คนตรงหน้าจึงถอนปากออกไป

"พี่ขอโทษ เราไปเที่ยวฮาวายกันนะ"


ผมกำลังจะลุกขึ้นตามเค้าไป แล้วก็รู้สึกหน้ามืดขึ้นมาจึงเซล้ม เค้าเอาแขนประคองเอวผมไว้

"อะไรกัน เฟิงเฟิง เป็นอะไรรึเปล่า"

"เปล่าครับ คงแค่แปลกที่ แปลกเวลา แล้วก็ไม่ค่อยได้นอน"

ผมจึงนั่งลงที่โซฟาอีกครั้ง คราวนี้คนตรงหน้าคุกเข่าลงต่อหน้าผม จับมือซ้ายผมไปแล้วลูบเบาๆอย่างทะนุถนอม

"เฟิงเฟิง ไม่ต้องคิดมากนะ พี่ก็เป็นแบบนี้แหละ มีแต่เงินแล้วก็คิดว่าเงินซื้อทุกอย่างได้"

"ไม่เป็นไรครับ เอาเป็นว่าผมอยากให้พี่เข้าใจผมด้วย ผมรักพี่นะ แต่ขอเวลาหน่อย แล้วผมจะบอก"


"งั้นเราไปกินข้าวกัน แล้วพี่ก็จะพาเฟิงเฟิงไปล่องเรือ พี่เช่าเหมาเรือเล็ก สบายๆไว้ไปเที่ยวกันด้วย"


หลังจากนั้นผมและพี่ถิงก็มาอยู่ในเรือยอร์ช ลำไม่ใหญ่มาก แต่พี่ถิงเก่งนะ สามารถบังคับเรือแบบนี้ได้ด้วย พอมาห่างฝั่งหน่อย พี่ถิงก็ถอดเสื้อแล้วโดดลงไปในทะเลเลย พร้อมตะโกนบอก

"เฟิงเฟิง ลงมาสิ มาเล่นน้ำกัน"

"ไม่เอาหรอกครับ ผมว่ายน้ำไม่ค่อยแข็ง"

"ลงมาเถอะ ตามใจพี่หน่อยสิ ไม่กล้ารึไง เราหน่ะ ปกติไม่เห็นเคยกลัวอะไร"


พอได้ยินคำนี้เหมือนมากระตุ้นตัวผม ไม่มีอะไรที่ผมไม่กล้า จริงๆนะครับ ผมจึงกระโดดลงไปทั้งเสื้อผ้า

....ตู้มมมมมมม....


เสียงน้ำทะเลแตกกระจาย แล้วผมก็โผล่ขึ้นมา ลอยตัวอยู่ใกล้ๆคนที่อยู่ในน้ำก่อนแล้ว เค้าว่ายเข้ามาหาผม

"ใครเค้าลงน้ำมาแล้วใส่เสื้อผ้ามาแบบนี้ล่ะ"

พี่ถิงตรงเข้ามาถอดเสื้อและกางเกงผม โยนกลับขึ้นไปบนเรือ ตอนนี้ผมเหลือแค่กางเกงในตัวเดียวแล้ว ไม่ยุติธรรมเลย เค้ายังเหลือกางเกงอยู่นะ 


"แล้วนี่อะไรครับ!!!" ผมเอื้อมมือไปในน้ำเพื่อจะไปปลดกางเกงเค้าออก แต่เค้าจับมือผมไว้ ถอดกางเกงแล้วเอามือผมไปจับส่วนนั้นของเค้าอย่างเต็มมือ ผมร้อง!!!

"พี่ถิงงงง นี่มันนน"

เค้าไม่พูดอะไร หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง แล้วดันตัวเองเข้ามาหาผม แต่เอามือผมไปกอดคอเค้าไว้ แล้วก้มลงจูบผม ค่อนข้างจะลำบากนิดหน่อย เพราะผมลอยตัวไม่ค่อยเก่ง คอยจะจมอยู่เรื่อย แต่คนตรงหน้านี่สิครับ เค้าแข็งแรงกว่าผมมาก ทำให้ผมยังลอยตัวอยู่ได้เมื่อเอามือกอดคอเค้าไว้

"ขึ้นเรือกันเถอะ แดดร้อนไปหน่อย"

พี่ถิงบอกผมให้ขึ้นไปบนเรือ พอผมเดินเข้าไปในเรือ เค้าก็ถอดกางเกงตัวเองออก ตอนนี้เราสองคนเหลือแค่กางเกงในคนละตัวและตัวที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำทะเลที่นี่ เค้าเดินเค้ามาหาผม ดันผมติดผนังเรือแต่เป็นแววตาเจ้าเล่ห์

"เฟิงเฟิงรู้มั้ย วันนี้วันอะไร???"

ผมงงๆ ตอบไป"ก็วันที่ 21 เดือนพฤศจิกาไงครับ"

"ใช่ 1121 วันนี้วันเกิดพี่"

"อ้าววว จริงเหรอครับ แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะ"

"ไม่เอาๆ ไม่เอาแบบนี้ อวยพรแค่นี้เองเหรอ"

"แล้วพี่ถิงจะให้ทำไงล่ะ"

"ขอของขวัญด้วย"

"เราอยู่กันในเรือแบบนี้ผมจะไปหาของขวัญจากไหนมาให้พี่ล่ะ"


"ก็นี่ไง เอาเฟิงเฟิงผูกโบว์ให้พี่ได้มั้ย"

ว่าแล้วเค้าก็ไปหาริบบิ้นในเรือมาอันนึง แล้วถามใหม่

"นี่ไง ขอผูกก่อน เป็นของขวัญได้มั้ย"

แล้วเค้าก็เอาริบบิ้นมาพันรอบมือผม แล้วยิ้ม

"เป็นของขวัญที่วิเศษที่สุดในรอบปีเลย ขอแกะของขวัญก่อนนะ"

เค้าก้มลงมาจะจูบผม ผมเลยเอามือไปบังไว้

"พี่ถิงเดี๋ยวก่อน ผมนึกออกแล้วว่ามีอะไรจะให้"


ผมนึกถึงสิ่งที่ผมพกมาด้วย กะว่าจะให้เค้าจริงๆ มันยังอยู่ในกระเป๋า ผมรื้อออกมา เป็นแหวนสีเงินเกลี้ยงวงนึง ด้านในสลักคำเป็นภาษาอังกฤษว่า Paris แล้วใส่ให้เค้าที่นิ้วที่มีรอยสัก

"อ่ะ นี่ ผมให้ เวลาเห็นมันก็จะได้คิดถึงผมนะ"

"ไม่เอาอ่ะ พี่อยากได้ทั้งตัว ไม่ได้อยากได้แหวน"


"พี่ถิง ผมบอกแล้วว่าอย่าทำแบบนี้ ผมให้เพราะรักพี่ แหวนนี้มีค่ากับผมมาก ผมชอบมาก ซื้อเก็บไว้นานแล้ว พอมีพี่ ผมเลยอยากให้มันอยู่กับพี่ เมื่อไหร่ที่คิดถึงเรื่องของเรา พี่ก็ต้องคิดถึงปารีสไง"

ผมสวมที่นิ้วเค้า เค้ายอมให้ผมสวมแต่โดยดี แล้วดึงผมไปกอด

"ทำยังไง เฟิงเฟิงถึงจะยอมอยู่กับพี่ล่ะ วันนี้วันเกิดพี่ พี่ขอไม่ได้เหรอ"

"ขออะไร ขอให้ผมไปอยู่กับพี่หน่ะเหรอ ไม่ได้สิ ผมบอกแล้วว่าขอคิดดูก่อน"

"เฟิงเฟิงใจร้าย ไม่เห็นใจพี่เลย"

"วันนี้วันเกิดพี่ ผมให้ได้แค่ตัวผมตอนนี้เลย"

ผมค่อยๆยื่นหน้าขึ้นไปจูบเค้า กอดเค้าและลูบไล้แผ่นหลังที่กว้างนั่น ทุกส่วนยังคงเปียกอยู่...

เค้าอุ้มผมขึ้นไปยังส่วนที่เป็นเตียงนอน เตียงนอนในเรือเป็นเตียงพิเศษ แบบด้านในก็มีน้ำ มันจึงช่วยให้สองร่างที่เปลือยเปล่า ได้เคลื่อนไหวรับกับจังหวะการเคลื่อนที่ของเตียง ส่งผลให้เรือโคลงไปมาเบาๆ ตามกระแสคลื่นและกระแสของความรักที่ส่งผ่านกัน


ผมบอกไม่ได้หรอกว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่วันนี้วันเกิดพี่ถิง วันที่ 1121 นั่นหมายถึง สองคนจะรวมเป็นหนึ่งเดียว ผมคงต้องให้ของขวัญเค้าจริงๆ พรุ่งนี้เราต้องไปจากฮาวายแล้ว ไม่ว่าจะที่ไหนๆ ขอเพียงได้อยู่กับเค้า ผมก็รู้สึกมีความสุขมาก ขอบคุณที่เค้าเกิดมาในโลกใบนี้

"พี่ถิง ผมรักพี่นะ สุขสันต์วันเกิดครับ"

"อือออออออ ขอบคุณนะเฟิงเฟิง"


                            .................จบค่าาาาาา...............
 







วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

บอดี้การ์ดหน้าใสกับคุณหนูตัวร้าย My Pretty boy (NC17) ตอนที่ 3

บอดี้การ์ดหน้าใสกับคุณหนูตัวร้าย...My Pretty Boy (NC-17)

NC-17 

My Pretty boy
เฉินเหว่ยถิง : บอดี้การ์ดหนุ่ม ใบหน้าหล่อเหลา ดึงดูดใจ นิสัยเงียบขรึม บางครั้งก็ขี้เล่น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ถูกประธานเคน เก็บมาเลี้ยงตั้งแต่ 10 ขวบ ไม่รู้ชาติกำเนิดของตัวเอง จำได้เพียงชื่อตัวเองเท่านั้น

หลี่อี้เฟิง : คุณหนูของบ้านตระกูลหลี่ เป็นลูกคนเดียวของประธานบริษัทผลิตน้ำหอมรายใหญ่ของโลก จึงถูกเรียกว่าคุณหนู นิสัยเอาแต่ใจตัวเอง เพราะถูกตามใจแต่เล็ก รวมทั้งพอแม่เสียตอนอายุ 15 ปี นิสัยนี้ยิ่งเป็นมากขึ้น อยากได้อะไรก็ต้องได้ เอาเงินซื้อทุกอย่าง

ประธานเคน : ประธานบริษัทหลี่เพอร์ฟูม ทำธุรกิจมากมาย ไม่มีเวลาให้กับลูกชายคนเดียวมากเท่าไหร่นัก เนื่องจากเมียตายจึงเสียใจมากและทุ่มเทกับงาน มีศัตรูมากมายจึงต้องจ้างบอดี้การ์ดดูแลหลายคน


อู๋อี้ฝาน : ลูกชายของบริษัทอู๋ คู่แข่งคนสำคัญของอี้เฟิง นิสัยร่าเริงสนุกสนาน มองโลกในแง่ดีตลอดเนื่องจากครอบครัวอบอุ่นมากจนบางทีเค้าก็บ่นว่าร้อนเลยทีเดียว

แม่นมเหยียน : ผู้ดูแลความเรียบร้อยในบ้านและอาหารการกินทุกอย่างของคุณหนูอี้เฟิง และเป็นคนดูแลเหว่ยถิงมาตั้งแต่ถูกเก็บมาเลี้ยงที่บ้านตระกูลหลี่

เลขาเทียน : ผู้คอยดูแลเรื่องเกี่ยวกับในบริษัทให้กับคุณหนูหลี่อี้เฟิง และต้องคอยบอกรายละเอียดงานกับบอดี้การ์ดเฉินเหว่ยถิงด้วย เขามักจะเห็นว่าสองคนนี้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งแปลกๆ แต่ก็ยังไม่มั่นใจนัก


ตอนที่ 3 ลงโทษ (Who is the Punisher?)

               ใกล้สว่างแล้ว แขนเล็กๆของคุณหนูยังคงพาดทับอยู่บนตัวผม แขนข้างหนึ่งของผมแทบจะเป็นเหน็บชา แต่ทว่าผมก็ไม่กล้าขยับ เพราะกลัวร่างที่อยู่ข้างๆจะตื่น ผมคอยคุ้มครองเค้า ไม่อยากให้เค้าได้รับอันตรายทั้งยามหลับและยามตื่น นี่คือสิ่งที่ผมคิดมาตลอด...

              คุณหนูคือผู้ให้ชีวิตใหม่กับผม แต่ผมก็อยากรู้ว่าจริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวและตัวผมกันแน่ ดังนั้นผมต้องสืบให้ได้ไม่ว่าจะยากแค่ไหน...
             แต่ไปๆมาๆ ดูเหมือนหลักฐานที่ผมมีจะโยงไปที่ตระกูลอู๋ ตอนนี้คุณนายอู๋ก็ให้แค่ที่อยู่มา เอาเป็นว่าคงต้องค่อยเป็นค่อยไป เพราะไม่ว่ายังไงตอนนี้ชีวิตผมก็ต้องขึ้นกับคนตรงหน้ามากกว่า ผมก้มลงจูบที่ผมเค้าเบาๆ เค้าขยับตัวเล็กน้อย พร้อมส่งเสียงในลำคอด้วยความพึงพอใจ...

เช้านี้อาจจะแปลกกว่าทุกวันเพราะคนที่ดูแลคุณหนูปกติจะต้องเป็นแม่นม แต่วันนี้พอแม่นมมาเคาะประตู คุณหนูกลับไล่แม่นมไป

"มีพี่ถิงแล้ว แม่นมไม่ต้อง ไปเตรียมอาหารเถอะ" เสียงคุณหนูตะโกนออกไป ตอนที่ผมยังใส่เสื้อไม่เรียบร้อยแต่กำลังติดกระดุมเสื้อให้คุณหนู โดยที่คนตรงหน้านี่มือซุกซนเอานิ้วลากไปตามแผ่นอกผมตลอดเวลา
"คุณหนูครับ ทำแบบนี้ผมจะไม่แต่งตัวให้นะ"
"ได้ยังไงล่ะ พี่ถิงต้องดูแลการแต่งตัวผมแทนแม่นมสิ"
"แหน่ะๆ ยังไม่ยอมหยุดนะครับ"
"พี่ถิงก็ติดกระดุมไปสิ ทำไม??? แค่นี้ก็ทำไม่ได้เหรอ นี่เป็นคำสั่งนะ"

ผมเลยต้องฝืนคำสั่งดึงคนตรงหน้ามาจูบหนักๆไปสองสามครั้ง...
เค้ายังคงพอใจที่จะลูบไล้แผ่นอกผมอย่างเต็มไม้เต็มมือและจูบตอบผมอย่างเร่าร้อน
"อืมมมมมม"
ผมถอนปากออกแล้วพูดออกไป
"คุณหนูครับ เราจะไปทำงานสายได้นะ!!!"
"ไม่เห็นเป็นไรเลย ก็ผมอยากอยู่กับพี่ถิงแบบนี้มากกว่า"
"คุณหนูนี่เอาแต่ใจอีกแล้วนะครับ ไม่งั้นผมจะโดนดุไปด้วย"
"ก็ได้ เห็นแก่พี่นะ แม่นมก็อะไรนักหนาก็ไม่รู้ โน่นนั่นนี่ ผมล่ะเบื่อมาก!!!"
"เอาน่า แม่ก็รักและเป็นห่วงคุณหนูเหมือนผมนั่นแหละ คุณหนูอย่าไปเบื่อแกเลย"
"เหมือนเหรอ เหมือนที่ไหน ผมไม่ไปจูบแม่นมแบบนี้นะ"
คราวนี้คุณหนูยืดตัวขึ้นมาจูบปากผมทีนึง แล้วหันหลังไปติดกระดุมเสื้อตัวเอง แต่งตัวจนเรียบร้อย เราจึงลงไปกินข้าวเช้าและเข้าบริษัทกัน...


บริษัทน้ำหอมหลี่เพอร์ฟูม บริหารงานกันโดยมีท่านประธานเคนเป็นผู้บริหารสูงสุด แต่เวลานี้ท่านประธานไม่อยู่ คุณหนูหลี่จึงต้องมาจัดการเรื่องภายในบริษัทและเซ็นต์เอกสารต่างๆให้เรียบร้อย ตอนเช้าพอเข้ามาที่ห้อง เลขาเทียนรออยู่แล้ว มีเอกสารเป็นกองมากมายที่คุณหนูจะต้องจัดการ ผมจึงต้องถามเลขาเทียนก่อน

"โปรแกรมวันนี้มีอะไรบ้างครับ"

"ก็ไม่มีอะไรมากครับ แต่ว่าคุณหนูต้องเคลียร์เอกสารการส่งออกเหล่านี้ให้หมด แล้วบ่ายก็มีประชุมผู้ถือหุ้นแทนคุณท่านด้วย วันนี้น่าจะมีแค่นี้นะครับ ไม่มีนัดที่อื่น"

"น่าเบื่อชะมัด เลขาเทียนไปประชุมแทนไม่ได้เหรอ พวกลุงๆพวกนั้นหน่ะ ผมไม่ชอบเลย ชอบทำเหมือนผมดูแลบริษัทนี้ไม่ได้ ทั้งๆที่ผมก็ออกแบบกลิ่นน้ำหอมแล้วก็ทำกำไรให้บริษัทปีนึงไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ยังจะมองผมเป็นเด็กอยู่นั่นแหละ"

"เอาเถอะครับคุณหนู พวกเค้าก็รู้แหละ เพียงแต่ว่าคนอายุมากก็อยากให้คนเห็นความสำคัญ คุณหนูก็ไม่ต้องใส่ใจหรอกนะครับ อ้อ!!! แต่ว่าคุณท่านสั่งผมไว้ว่า ให้คุณหนูจับตาดูรองประทานติงด้วย เพราะคุณท่านสงสัยว่าเค้ายักยอกเงินบริษัทหน่ะครับ แต่ยังหาหลักฐานไม่ได้"



เลขาเทียนยังคงบอกเล่าเรื่องราวในบริษัทต่อไปซึ่งตรงนั้นผมเองก็ไม่มีหน้าที่ไปก้าวก่าย หน้าที่ผมมีแค่ดูแลความปลอดภัยให้คุณหนูเท่านั้น เรื่องงานอื่นๆ ผมก็ไม่ได้ยุ่งด้วย ดังนั้นผมจึงออกมานอกห้องแล้วก็เกิดความคิด พอเลขาเทียนออกมา ผมจึงบอกเค้าไปว่า

"ผมไปธุระข้างนอกก่อนนะครับ ฝากดูคุณหนูด้วย เดี๋ยวผมให้อาฟงกับอาเกา มาเฝ้าหน้าห้องไว้ให้นะ แล้วผมจะกลับมาก่อนเที่ยงนะครับ"


...เลขาเทียนพยักหน้าตอบ หลังจากนั้นผมจึงรีบออกไปจากออฟฟิศ ผมจำได้ว่าที่อยู่ที่คุณนายอู๋ให้มานั้น ไม่ไกลจากออฟฟิศสักเท่าไหร่ ผมเลยคิดว่าไปตอนนี้เลยดีกว่า ผมอยากรู้เรื่องมากแล้ว 

คุณนายอู๋เคยเห็นรอยแผลเป็นที่หน้าผากผม เค้าเคยมาคุยกับผมแบบลับๆครั้งหนึ่ง เค้าบอกว่าผมหน้าคล้ายและมีแผลที่เดียวกับลูกชายของเพื่อนสนิทเค้าที่หายไปนานมาก แต่ว่าคุณนายก็ไม่ได้คุยกับเพื่อนคนนี้มานานแล้วด้วยปัญหาบางอย่าง เค้าจึงให้ผมมาตามที่อยู่นี้ ผมไม่แน่ใจหรอกครับ รอยแผลแบบนี้ใครๆก็มีกันได้ แต่ผมก็เสียดายทุกเบาะแส...


ผมกดกริ่งหน้าบ้านอยู่นานก็ไม่มีใครมาเปิดประตู หลังจากนั้นบุคคลไม่คาดคิดก็มายืนอยู่ข้างๆผม

"ไม่มีใครอยู่เหรอครับพี่ถิง!!!"

"คุณชายอู๋ คุณมาได้ยังไง" 

"ผมกะแล้วว่าพี่ต้องมา แต่ไม่คิดว่าพี่จะมาเร็วแบบนี้ เอาเป็นว่าผมมีสายสืบของผมก็แล้วกัน ว่าแต่วันนี้คุณหนูของพี่เค้าไม่กักตัวพี่ไว้เหรอครับ"

"คุณชายอู๋ ผมต้องรีบไป ขอผมดูบ้านนี้ให้แน่ใจก่อนนะครับ"

"ผมว่า ไม่น่าจะมีใครอยู่มั้งครับ อ้าวๆ นั่นไง มีคนออกมาแล้ว"

........................................................................

"ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่า คุณนายหวังอยู่มั้ย"

"ไม่อยู่หรอกค่ะ คุณนายไปข้างนอก เย็นๆกว่าจะกลับ มีอะไรรึเปล่า เอ๊ะ คุณ...เอ่อ...พวกคุณเป็นใครคะ"

"ผมชื่อ เฉินเหว่ยถิงครับ พอดีว่าผมมีธุระอยากจะคุยกับคุณนายหวังนิดหน่อย"

"ป้าครับ แล้วมีเบอร์โทรมั้ยครับ พวกเราอยากจะติดต่อหน่ะครับ" คุณชายอู๋ช่วยผมอีกแรง

"เอ่อ...ดิชั้นคงให้พวกคุณไม่ได้หรอกค่ะ คุณนายจะว่าเอาได้ เอาเป็นว่าไว้มาใหม่วันหลังก็แล้วกันนะคะ ขอโทษด้วยจริงๆค่ะ"

เสร็จแล้วป้าคนนั้นก็รีบเดินเข้าบ้านไป เหมือนกลัวใครจะมาเห็น ก็แปลกดีนะ ตอนแรกเค้าทำเหมือนคุ้นหน้าผม จ้องผมด้วยสายตาแปลกๆด้วยซ้ำ แต่ว่าอยู่ดีๆก็ตัดบทไป เฮ้อ!!! ไว้ต้องมาใหม่สินะ...

"คุณชายอู๋ครับ กลับไปก่อนเถอะ วันนี้ไม่ได้อะไรเลย ผมต้องกลับแล้ว เดี๋ยวคุณหนูจะถามหา"

"ฮึๆ ห่างกันไม่ได้เลยนะครับ ว่าแต่พี่ถิงมายังไง ให้คนของผมไปส่งมั้ย จะได้ถึงเร็วหน่อย"

"ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมกลับเองได้"

"แล้วยัยคุณหนูนั่น วันนี้ไม่ไปไหนเหรอครับ ถึงได้ปล่อยพี่ออกมาได้แบบนี้"

"ไม่ครับ วันนี้คุณหนูอยู่ที่ออฟฟิศ ผมไปก่อนนะครับคุณชาย"

"เอาแบบนี้มั้ยพี่ถิง ผมจะให้คนมาเฝ้าให้ ถ้ามีความเคลื่อนไหวอะไร ผมจะบอกไป พี่มาแบบนี้ก็อาจจะไม่สะดวก ใช้คนของที่บ้านก็ไม่ได้ด้วย ผมจะช่วยพี่อีกแรง"

ผมคิดไปคิดมา แค่นี้ผมก็เกรงใจคนสกุลอู๋จะแย่แล้ว แต่ว่าเหตุผลเค้าก็ถูก ผมจะเทียวไปเทียวมาแบบนี้บ่อยๆคงไม่ได้ ถ้ามีอะไรหรือว่าคุณนายหวังอยู่ ผมค่อยหาทางมาใหม่จะดีกว่า ผมเลยตกลงยอมรับความช่วยเหลือ

หลังจากนั้นผมก็กลับไปประจำหน้าที่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งตอนบ่าย พอการประชุมสิ้นสุดลง ผมก็คุ้มกันคุณหนูไปขึ้นรถ คุณหนูสั่งคนขับ

"ไปบ้านพักที่โรงงาน พี่ถิงสั่งแม่นมว่า คืนนี้ผมไม่กลับบ้านนะ ผมจะนอนที่บ้านเล็ก"

บ้านเล็กคือบ้านที่คุณหนูเอาไว้ออกแบบกลิ่นน้ำหอมต่างๆ จะมีข้อมูลและน้ำหอมหลากหลายยี่ห้อ รวมทั้งส่วนผสมทางเคมีต่างๆมากมายในบ้านนั้น ผมเคยตามคุณหนูมาที่นี่ไม่บ่อยนัก เพราะส่วนใหญ่ถ้าคุณหนูมาที่นี่แปลว่าคุณหนูต้องการสมาธิและทำงานอย่างจริงจัง ที่โรงงานมีระบบป้องกันภัยค่อนข้างดี จึงไม่ต้องเป็นห่วงมาก...

อืม ก็แปลกดีนะ หรือว่าการประชุมมีอะไร หรือว่าคุณหนูคิดอะไรออกถึงต้องมานอนที่นี่กัน

"พี่ถิง แล้วก็สั่งให้คนเอาอาหารมาส่งที่บ้านเล็กด้วย ผมขอไปทำงานก่อน แล้วจะเรียกนะ"

...ผมก็ไม่ได้คิดอะไร ทำตามที่คุณหนูสั่งทุกอย่าง ผมก็รอที่ด้านนอกห้องทำงาน ภายในบ้านเล็ก ทุกอย่างมีแต่ของใช้ที่มีการออกแบบ คุณหนูเป็นคนชอบงานออกแบบที่มีเอกลักษณ์ สมแล้วที่เป็นคุณชายที่สามารถออกแบบกลิ่นน้ำหอมมาขายทำกำไรให้บริษัทหลี่ได้มากมาย ด้วยความที่เป็นศิลปินนี่เอง...

หลังจากนั้นสักพักใหญ่ คุณหนูก็ออกมาจากห้องทำงาน พร้อมกับน้ำหอมขวดนึง แล้วเดินตรงมาหาผม...


"พี่ถิง ลองดมสิ นี่น้ำหอมกลิ่นใหม่นะ ผมลองทำดู หอมมั้ย"

ผมดมเข้าไป แล้วก็รู้สึกว่าหอมเย็นๆ รู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก...

"อืม หอมดีครับ เหมาะกับผู้ชายที่ไม่ชอบแบบหอมหวานมาก ว่าแต่คุณหนูตั้งชื่อไว้รึยังครับ"

"ชื่อเหรอ อืมมมม รอก่อนนะ อ่ะ ผมให้ดมอีกทีนะ หอมใช่มั้ย นี่ผมออกแบบให้พี่ถิงคนเดียวเลยนะ"

"ผมเนี่ยะนะ ผมไม่สำคัญขนาดนั้นหรอกครับ" ผมได้ดมน้ำหอมอีกรอบ กลิ่นเริมจะฉุนขึ้นนิดหน่อย

"ทำไมจะไม่ ผมบอกพี่แล้ว พี่เป็นของผม ผมจะทำน้ำหอมนี่ไว้ให้พี่ถิงคนเดียว แล้วไหนล่ะ ผมหิวแล้ว มา กินข้าวกัน"

สักพักผมก็เอาอาหารเย็นมาจัดให้คุณหนู พร้อมนั่งกินด้วยกัน คุณหนูเวลากินนี่น่ารักดีนะ ผมมองเค้าตักอาหารทุกอย่างตรงหน้าเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย

"พี่ถิง มองอะไร"

"ก็เวลากินคุณหนูน่ารักดีนี่ครับ ผมชอบมอง"

"พี่ถิงกินสิ อาหารตั้งเยอะ ผมกินคนเดียวไม่หมดหรอก กินก่อนนะ แล้วค่อยว่ากัน"

ผมไม่แน่ใจว่าทำไมคุณหนูทำท่าทางแปลกๆ แต่เห็นเค้ากินอิ่ม นอนหลับได้ผมก็มีความสุขแล้ว ผมจึงก้มลงจะตักอาหารเพิ่ม แต่แล้วก็เริ่มมีความรู้สึกบางอย่าง ร่างกายผม...มันเริ่มจะอึดอัดส่วนล่างขึ้นหน่อยๆ หรือว่าอากาศภายในห้องนี้ไม่ค่อยถ่ายเท ก็ไม่นะ ผมว่าต้องมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ แต่ผมก็ยังคงกินต่อไปอีกนิด จนเริ่มรู้สึกร้อนทั้งตัวจนทนแทบไม่ไหว...


"คุณหนูครับ ผมอิ่มแล้ว ขอไปอาบน้ำก่อนนะ คุณหนูอิ่มแล้วก็วางไว้นะครับ เดี๋ยวผมมาจัดการเอง"

"อะไรกันพี่ถิง...กินไปนิดเดียวเอง จะไปอาบน้ำเหรอ ผมฝากเปิดแอร์ในห้องนอนด้วยนะ เดี๋ยวผมตามเข้าไป"

ผมรู้สึกไม่สบายตัวแบบบอกไม่ถูก จึงเดินเข้าไปเปิดแอร์ในห้องนอนคุณหนูและกำลังจะเดินออกจากห้อง คุณหนูก็เดินตามเข้ามา...

"พี่ถิง จะไปไหน???"


"ผมร้อนครับคุณหนู ขอไปอาบน้ำก่อนจริงๆ เอ่อ...ตอนนี้มันรู้สึกอึดอัดมาก"


"พี่ยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เรามีเรื่องต้องคุยกัน"

"เดี๋ยวก่อนได้มั้ยครับ คุณหนู!!! จะทำอะไรหน่ะ"

แล้วคุณหนูก็เดินเข้ามาหาผม แกะกระดุมเสื้อผมออกทีละเม็ดอย่างรวดเร็ว เค้ากระซิบข้างหูผม...

"พี่ถิงรู้มั้ย น้ำหอมใหม่ของผม ชื่ออะไร"

"อะไรเหรอครับ???"

"น้ำหอมออกัสซัม"

"ฮะ!!! อะไรนะครับคุณหนู"

"ออกัสซัมแปลว่าอะไรล่ะครับ หรือว่าพี่ถิงไม่รู้???"

"แล้วผมใช้แล้วจะ...เอ่อ ถึงจุดสุดยอดเหรอครับ คุณหนูๆๆๆ เดี๋ยวสิครับ!!!"


อยู่ดีๆคุณหนูก็ถอดเสื้อผมออก แล้วมัดมือผมไว้ด้วยกันด้านหลังด้วยเชือกเส้นใหญ่

"นี่เป็นบทลงโทษของคนโกหก!!!"

"คุณหนูๆ คุณหนูปล่อยผมครับ อะไรกันหน่ะ ผม...คุณหนู!!!"

ตอนนี้ร่างกายผมมันรู้สึกร้อนรุ่มและต้องการมาก ที่อึดอัดอยู่คือความอยากแบบนี้นี่เอง น้ำหอมนั่นที่คุณหนูให้ผมดม มันกำลังเกิดปฏิกิริยาสินะ แต่ว่าคุณหนูเป็นอะไรไป เค้าเอาผมมามัดไว้กับหัวเตียงด้านหนึ่งอย่างแน่นหนา ผมพยายามดิ้น และตอนนี้เหงื่อเริ่มไหลซึม ด้วยความร้อนและความอยาก ทำให้คนตรงหน้าดูเหมือนจะพอใจ...


"อืม...พี่ถิง เมื่อเช้าพี่ไปไหนมา???"


คุณหนูถอดเสื้อตัวเองออก เผยให้เห็นเนื้อเนียนขาวอวบอัดที่ตอนนี้ผมเห็นแล้วรู้สึกอยากกอดและจูบไปหมดทั้งตัว ส่วนล่างของผมรู้สึกว่ามันจะตั้งชันขึ้นโดยไม่ต้องทำอะไร มันเป็นไปเองเมื่อเห็นร่างกายด้านหน้าเริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าตัวเองให้ผมเห็น

"คุณหนูๆๆ ปล่อยผมสิ ผมไม่ไหวแล้ว มันอึดอัดมาก ช่วยผมหน่อยนะๆๆ"

"ไม่!!! ถ้าพี่ถิงไม่ตอบว่าเมื่อเช้าทำไมพี่ถึงอยู่กับนายอู๋อี้ฝานนั่นได้"

คุณหนูเอาหน้าเข้ามาใกล้หน้าผม ปล่อยลมหายใจร้อนปะทะใบหน้าผมเป็นเชิงท้าทาย ผมยื่นหน้าไปจะจูบเค้า แต่เค้าเอาหน้าหนีไป โอ้ย!!! ทำไมต้องทรมานผมแบบนี้ด้วย 

"คุณหนูได้โปรดเถอะครับ ผม...ผมต้องการคุณหนูมาก ปล่อยผมเถอะ"

"ไม่!!! ตอบมาก่อน พี่ไปไหนมา"

คุณหนูเอามือมาปลดเข็มขัดและรูดซิบออก ทันทีที่ทุกอย่างถูกเปิด ส่วนนั้นพร้อมมากแล้ว ขยายและตั้งชูขึ้นอย่างเห็นได้ชัดว่าต้องการอะไร คุณหนูก้มมองมันด้วยความพอใจ แต่ไม่ทำอะไร!!!!!!

"ถ้าตอบ ผมจะช่วยพี่ แต่ถ้าไม่ตอบ ก็ทนเอานะ ดูสิ ว่าพี่จะทนไหวมั้ย"

คราวนี้คุณหนูถอดกางเกงตัวเองออก เผยให้เห็นส่วนล่างที่ยังไม่พร้อมเต็มที่เท่าไหร่นัก เริ่มเอามือปลุกเร้าส่วนนั้นของตัวเองเหมือนยั่วผม แล้วมากอดคอผมไว้พร้อมเลียที่แก้มไล่ไปจนถึงใบหูอย่างช้าๆ...

"คุณหนูๆๆ ได้โปรด ผม...อืมมม ผม...ปล่อยผมได้มั้ย ผมขอร้อง ผมไม่ไหวแล้ว ผมต้องการ...คุณหนู!!!"

"ก็แค่ตอบ ตอบสิ!!!"

"ผม..ผม ผมไปทำธุระครับ"

คุณหนูเอาลิ้นมาเลียตรงหน้าอกผม มันทำให้ผมแทบอยากจะคลั่ง อยากจะโถมตัวเข้าใส่คนตรงหน้า แต่ผมพยายามจะดิ้นเท่าไหร่ เชือกที่มัดไว้ก็ไม่หลุดสักที...

"ธุระ!!! ธุระอะไร ทำไมถึงได้มีนายนั่นด้วย ตอบสิ ผมรู้พี่อึดอัดมาก"

คุณหนูยังใช้ทั้งมือและปากลูบไล้ตัวผมไปทั่ว ตั้งแต่ซอกคอ แผ่นอกและกล้ามท้อง แต่ว่าไม่ยอมทำอะไรกับส่วนล่างผมเลย ยังคงปล่อยให้มันขยายตัวเองมากขึ้นทุกทีๆ..

"คุณหนู จูบผมนะ ได้โปรด ช่วยผมหน่อยนะครับ นี่มันไม่ไหวแล้ว ผมร้อนข้างในมากเหมือนจะระเบิดแล้วด้วย"

"ไม่!!! จนกว่าพี่จะตอบว่าพี่ไปทำอะไรกับมัน"

ผมรู้สึกว่าทำแบบนี้ผมยิ่งทรมานกว่าอะไรทั้งหมด อยากปลดปล่อยความรู้สึกด้านใน แต่มันทำไม่ได้ เพราะไม่ได้รับการตอบสนอง ผมต้องหาทางรอดให้ได้สินะ...

"ผมไปหาเพื่อนครับ แล้วพอดีคุณชายอู๋ก็มาเจอพอดี บังเอิญจริงๆนะครับ คุณหนูผมตอบแล้ว ปล่อยผมเถอะ ได้โปรด ผมขอร้อง!!!"


คุณหนูพุ่งเข้ามาจูบผม ปากชนมาอย่างรุนแรง ลิ้นแลกลิ้นกันอย่างดุเดือด มือคุณหนูลูบที่กล้ามท้องผมไปมาอีกครั้ง คราวนี้ยิ่งกระตุ้นส่วนล่างให้อยากปลดปล่อยมากขึ้นอีก คุณหนูหยุดจ้องหน้าผม สายตานั่นมันยั่วผมมาก...

"คุณหนูแกล้งผม โหดร้ายกับผมมาก ทำไมทำกับพี่ถิงแบบนี้ล่ะครับ อย่าทรมานผมอีกเลย ผมต้องการคุณหนูมาก คุณหนูก็ต้องการผม อย่าให้ผมหลุดไปได้นะ คุณหนูจะโดนทำโทษ"

"ฮึๆ พี่ถิง ผมกำลังทำโทษพี่นะ พี่จะมาทำโทษผมได้ยังไง"


"ผมก็ตอบแล้ว ปล่อยผมสิครับ!!! มันไม่มีอะไรจริงๆ"

"ไม่!!! พี่ต้องทรมาน พี่เป็นของผม ผมบอกแล้วพี่ห้ามไปยุ่งกับคนอื่น โดยเฉพาะนายอู๋อี้ฝานนั่น"

"คุณหนู ผมไม่เคยไปยุ่งกับใครเลยนะ ปล่อยผมเถอะนะๆๆ คุณหนูของผม"

ผมพยายามขยับข้อมือเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าที่มัดไว้เริ่มคลายออกแล้ว ผมจึงไม่รอช้าโถมตัวเข้าใส่คนตรงหน้าอย่างไม่ยินยอมให้ถูกทรมานอยู่ฝ่ายเดียวอีกต่อไป....

ตอนนี้ผมจึงคร่อมอยู่บนตัวคุณหนู

"พี่ถิง!!! อะไรเนี่ยะ พี่ต้องถูกทำโทษสิ ก็พี่ไปเจอมัน มันเยาะเย้ยผม!!!"

เค้าเอามือปัดป้องตัวผมไปมา ผมจึงใช้แรงกดข้อมือทั้งสองลงบนเตียงอย่างแรง

"คุณหนูจะได้รู้ว่าน้ำหอมออกัสซัม มันออกฤทธิ์ยังไง จะทำโทษผมเหรอ ดูสิว่าใครกันแน่ที่จะต้องโดนลงโทษ!!!"

ผมก้มลงบดปากตัวเองเข้ากับใบหน้าคนตัวเล็กด้านล่างอย่างกระหายอยาก ร่างกายผมตอนนี้มันร้อนรุ่มด้วยความปรารถนาที่สุมอยู่เหมือนไฟ ส่วนล่างผมไม่รอช้าแล้ว ผมเอามือมาแยกขาสองข้างของคุณหนูออก สอดใส่ความต้องการด้านล่างเข้าไปในช่องทางด้านหลังของคุณหนูอย่างไม่ปราณี..

"อื้อออ อื้อออ พี่ถิง...เจ็บๆๆ อึกก เจ็บ"

ผมไม่ฟังอะไร เพราะตอนนี้สมองผมมันไม่สั่งการ มีเพียงสันชาตญาณดิบที่จะต้องปลดปล่อยเท่านั้น...

น้ำหล่อลื่นสีขาวขุ่นจากความต้องการที่เต็มเปี่ยมของผมไหลทะลักออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับจังหวะที่สอดดันเข้าไป เพื่อให้สัมผัสจุดสุดยอดของคนด้านล่าง...ผมยังคงดันเข้าออกสลับไปมา โดยไม่ได้สนใจคนตรงหน้าที่ยังคงร้อง...

"อึกๆ อื้อๆๆ พี่...ถิงงง อื้อออ อ๊า"

แล้วผมก็ใช้แรงยกเค้าขึ้นแล้วพลิกตัวกลับให้เค้าคว่ำตัวลงโดยที่เอามือประคองเอวเค้าไว้...

แล้วสอดใส่เข้าไปอีกครั้งด้วยช่องทางที่ขยายมากขึ้นกว่าเดิม...แต่เร่งจังหวะให้เร็วขึ้นอีกพร้อมกับจับเอวเข้ากระแทกเข้าออกไปด้วยกัน

"อ๊าาาา อ๊าาาา พี่ถิงๆ ผม...ซีสสส"

"คุณหนู ผมไม่ไหวแล้วครับ เจ็บหน่อยนะ แต่ผมต้องการจริงๆ ใครล่ะที่ลงโทษผมแบบนี้"

อึก....อึก...

"อื้อ อื้อออ พี่..."


ผมยังคงกระแทกเป็นจังหวะเข้าออกไปเรื่อยๆ เหมือนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย...มันเป็นความต้องการที่มีความสุข มันรู้สึกสุดยอดมากจริงๆ ผมชักชอบน้ำหอมนี่ซะแล้ว แต่คนตรงหน้าสิครับ ดูหมดแรงไปเลย ผมจึงค่อยๆช้อนตัวเค้าขึ้นมาพิงกับอกผม ตอนนี้เหงื่อคุณหนูออกแทบจะมากกว่าผมในตอนแรกอีก...

"คุณหนู ชอบมั้ย...ผม...ผมยังต้องการอีก"

"อื้อ ผม...พี่ถิง อื้อ"

ผมยังคงสอดใส่เข้าออกไปเรื่อยๆด้วยแรงที่ไม่มากเท่าเดิมแล้วแต่คุณหนูร้องและบิดตัวไปมาเบาๆ อย่างมีความรู้สึกตอบสนอง...

ผมหยุดจังหวะลง เราหอบหายใจด้วยร่างกายที่กอดกัน ร่างกายผมยังคุกเข่ารองรับตัวเค้าค้ำยันอยู่บนเตียง...

"พี่ถิง...ตกลงพี่ไม่มีอะไรกับนายนั่นแน่นะ"

"โธ่...คุณหนู ขนาดนี้แล้วยังจะถามอีก ใครจะไปกล้าครับ ดูคุณหนูของผมสิ ลงโทษผมแบบนี้แล้วคุณหนูก็ต้อง..."

คุณหนูบิดตัวหันมาจูบผม...
"พี่ถิง...พี่ห้ามทรยศผม รู้รึเปล่า ไม่งั้นพี่จะถูกลงโทษอีก"

"ผมสาบานเลย คุณหนูของผม ผมรักคุณหนูนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็ไม่ทรยศคุณหนูหรอกครับ"

ผมพูดกระซิบข้างหูด้วยเสียงกระเซ่าแหบพร่า แรงแห่งความปรารถนายังรุนแรงมาก ผมเอาปากจูบที่หลังคุณหนูไปเรื่อยๆ ลงมาจนกระทั่งถึงแนวสะโพก แล้วเอามือช้อนไว้ เพื่อเริ่มสอดใส่มันอีกครั้ง...

"อีกนะครับ ผมขออีก"

"อื้อออ พี่ถิง...อ๊าาา"


คืนนั้น คนที่เหมือนถูกลงโทษคือคุณหนูครับ ไม่ใช่ผม...ผมแทบจะคลอเคลียและรุกไล่ร่างกายทุกส่วนของคุณหนูทั้งคืน เหมือนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ช่องทางหลังบวมแดง ปากเจ่อแดงด้วยความต้องการของผมที่ถูกปลดปล่อย น้ำหอมนี่ทำให้ผมเป็นได้ขนาดนี้ หรือว่ามันเป็นแค่ส่วนหนึ่ง อีกส่วนคือตัวผมเองที่ต้องการร่างกายคนตรงหน้าไม่หยุดแบบนี้ คุณชายอู๋นะคุณชายอู๋ เล่นอะไรอีกเนี่ยะ!!! 
ผมลูบไล้ทุกส่วนอย่างสำนึกผิดที่รุนแรงกับเค้าไปเรื่อยๆ จนคุณหนูหลับไปในอ้อมกอดผม...


เช้าขึ้นมา มีเสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น ใครนะ!!! 


แม่นมนั่นเอง ผมจึงเอื้อมมือมารับโทรศัพท์ โดยที่มีคุณหนูซุกหน้าอยู่กับอกผม

"ครับแม่"

"พาคุณหนูกลับมา!!! คุณท่านกลับมาแล้วและต้องการเจอคุณหนูเดี๋ยวนี้"


                                                          ....โปรดติดตามตอนต่อไป.......




วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

รอรัก...ที่ปารีส ตอนพิเศษ ความคิดถึงจากฮาวาย

รอรัก...ที่ปารีส ตอนพิเศษ ความคิดถึงจากฮาวาย

Love me => If you dare : Miss me?



             ยังจำผมได้มั้ยครับ ผม...หลี่อี้เฟิง เคยเป็นไกด์ส่วนตัวให้คนจีนที่มาเที่ยวปารีส แต่ตอนนี้เลิกทำไปแล้วครับเพราะอะไรหน่ะเหรอ จากวันนั้นที่เค้ากลับบ้านไปจัดการทุกอย่าง ผ่านมา 3 เดือนแล้วครับ ที่เราไม่ได้เจอกัน เค้าโทรมา ส่งข้อความมาตลอด แต่ยังไงก็ตามเค้าก็บินไปบินมาหลายประเทศตลอดครับ ปากก็พูดว่าคิดถึง อยากมาหา แต่ไม่เคยมาได้สักครั้งเดียว ผมพยายามเข้าใจ...แต่...ผมก็อยากเจอเค้าอยู่ดี
             พี่ถิง หรือเฉินเหว่ยถิง รุ่นพี่ผู้เป็นจูบแรก เจ้าของตัวและหัวใจผม ผมไม่เคยสักวันที่จะไม่คิดถึงเค้า ดังนั้นผมไม่สามารถพาใครเที่ยวปารีสได้อีกแล้ว เพราะไม่ว่าจะไปตรงไหน ภาพเค้าไปเที่ยวกับผม มันก็ล่องลอยอยู่เต็มไปหมด...

           ผมไม่รู้จะบอกยังไงว่าตอนนี้ความคิดถึงและอยากไปอยู่ใกล้ๆเค้ามันล้นออกมาขนาดไหน ตอนแรกผมกะว่าอีก 3 เดือนผมก็เรียนจบแล้วผมก็กะว่าจะหางานทำที่ปารีสสักพัก ที่บ้านก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร แต่ตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่า จะอยู่ที่นี่ต่อดีรึเปล่า...ก็เพราะเค้านั่นแหละ ทำให้ผมเปลี่ยนใจจะกลับไป

         และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น มีระเบิดพลีชีพจากกลุ่มผู้ก่อการร้าย ตอนนี้ทั้งเมืองถูกสั่งให้อยู่ในภาวะฉุกเฉิน ห้ามทุกคนออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น เพราะเราไม่รู้ว่าจะมีระเบิดที่ไหนอีกบ้าง กลางดึกคืนนั้น คนที่ผมคิดถึงก็โทรมาหาทันที...

"เฟิงเฟิง พี่ได้ข่าวแล้วเป็นอะไรมั้ย ตอบสิ!! ตอบ!! อยู่ที่ไหนแล้ว ไม่เป็นไรใช่มั้ย"

"............" ผมพูดไม่ออกครับ ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าผมไม่รอด เค้าจะเป็นยังไง ถ้าผมต้องบาดเจ็บ หรือไม่สามารถไปหาเค้าได้ เค้ายังจะคิดถึงผมมั้ย หลายๆอารมณ์มันประดังเข้ามา 3 เดือนที่ผ่านมา ผมถามตัวเองมาตลอด ว่ารอเค้าทำไม คิดถึงเค้าทำไม เค้าก็แค่เห็นผมเป็นทางผ่าน เป็นของเล่นเท่านั้นแหละ เหมือนคนที่มาเที่ยว เก็บความสุขความประทับใจแล้วก็จากไป ผมน้อยใจครับ...ทำไมล่ะ แค่แบ่งเวลามาหาผมแค่นี้ ถ้ารักกันจริง ทำไมถึงทำไม่ได้!!!

"เฟิงเฟิง ตอบพี่สิ ตอบพี่!!! อย่าเงียบ เป็นอะไรมั้ย?"

"ถ้าผมตาย พี่จะทำยังไง..." ผมถามด้วยความน้อยใจ

"เฟิงเฟิง ทำไมพูดแบบนี้ เป็นอะไรรึเปล่า"

"ผมไม่เป็นอะไรครับ แล้วพี่ล่ะ อยู่ที่ไหน?" ไม่ว่ายังไงผมก็ยังเป็นห่วงเค้า

"พี่มาทำงานให้ลุงโจนาธานที่ฮาวาย พี่ได้ข่าวแล้วเป็นห่วงมากนะ อย่าทำเสียงเหมือนประชดพี่แบบนี้สิ ให้ตายเหอะ!!!"

...โครม เพล้ง!!!....

"พี่ถิง พี่เป็นอะไรมั้ย ผมขอโทษ เกิดอะไรขึ้นหน่ะ"

"บัดซบเอ้ย!!!"

...............................................


และแล้วโทรศัพท์ก็ถูกตัดไป ผมพยายามกดโทรอีกหลายครั้ง ก็ไม่ติด อาจเป็นเพราะตอนนี้คนใช้โทรศัพท์เยอะ สัญญาณเลยไม่ค่อยมี...

ผมไม่น่าเลย ทำไมนะ พอเป็นแบบนี้ทีไร ผมชอบน้อยใจ ประชดเค้าทุกที ที่ผ่านมา มีไม่กี่ครั้งที่จะคุยกันดีๆ จะต้องทะเลาะกันตลอด ผมเสียใจ...น้ำตาค่อยๆหยดออกมาจากดวงตาผม ตอนนี้ผมต้องอยู่แต่ในห้อง ออกไปไหนไม่ได้ แถมยังทะเลาะกับเค้าอีก ผมควรจะทำยังไงดี ทำไมน้ำตาไม่ยอมหยุดไหลซะทีนะ... T T


กลางดึกคืนนั้น ก็มีภาพพร้อมข้อความส่งมาในมือถือผม เป็นภาพพี่ถิงนั่งมองพระอาทิตย์ตก ด้วยดวงตาเหม่อลอย...





"...Miss me?" เค้าถามผมเหรอ ทำไมต้องถาม เค้าก็ต้องรู้ว่าผมคิดถึงเค้าจะแย่แล้วนะ...


ผมเอามือปาดน้ำตาที่ยังไหลมาเรื่อยๆ...

หลังจากนั้นข้อความก็ถูกส่งมาอีกเป็นภาพตั๋วเครื่องบินไปฮาวายที่เป็นชื่อผม..ใต้ภาพนั้นเขียนว่า

"พี่ขอโทษที่ไปหาไม่ได้ แต่อยากให้เฟิงเฟิงมาหาพี่ ได้มั้ย???"




ให้ผมไปหาเค้า อะไรเนี่ยะ!!!!!! ทำไมๆ ทำไมผมต้องไปหาเค้า เค้าสิต้องมาหาผม 
แต่ว่า...........ผมก็คิดถึงเค้าจริงๆ พี่ถิงนี่รู้ข้อมูลผมหมดนะ ผมโกหกเค้าไม่ได้เลยใช่มั้ย ว่าผมไปไม่ได้ ผมมีวีซ่าอเมริกาอยู่แล้ว เลขพาสปอร์ต ทุกอย่างเค้าคงมีข้อมูลหมด เชอะ!!! ผมไม่ไปหรอก ปล่อยให้อยู่แบบนั้นแหละ


ข้อความใหม่มาอีก...
"กล้ารักพี่ ก็ต้องกล้ามาหาพี่สิ Do you love me?"

พี่ถิง...ถามผมแบบนี้ ผมจะตอบอย่างอื่นได้ยังไงล่ะ ผมเลยส่งข้อความกลับไป

"Yes, I do."

หลังจากข้อความถูกส่งไป ผมไปเช็คดูตั๋วเครื่องบินที่พี่ถิงส่งมาในเมล และเช็คข่าวให้แน่ว่าสนามบินชาร์ล เดอ โกลไม่ถูกปิด ผมจึงเก็บของเท่าที่จำเป็น ว่าแต่ผมต้องไปอยู่กี่วัน ถึงมหาวิทยาลัยจะปิดและผมไม่มีเรียนแล้วก็ตาม แต่ผมก็ไม่รู้ว่าพี่ถิงวางแผนอะไรไว้มั้ย เอาเป็นว่า ไปก่อนแล้วค่อยว่ากันนะ 
นี่ผม...ผม...อยากไปหาเค้าสินะ หลี่อี้เฟิง...ไหนบอกจะไม่สนใจไง >_<!!!
ผมไปลาป้าซาแมนธา ป้าดูงงๆ และตกใจ แต่ป้าก็บอกว่าดีกว่าอยู่ที่นี่ตอนนี้ เพราะเราไม่รู้สถานการณ์ที่แท้จริง...

ผมได้แต่ขอร้องให้อย่ามีเรื่องร้ายมากไปกว่านี้ ปารีสเป็นเมืองที่ผมรัก มันสวยงามและมีเสน่ห์ อย่าให้มันต้องเปื้อนเลือดแบบนี้เลย...

ผมบินจากเมืองปารีสมาหลับแล้วหลับอีก จนกระทั่งมายืนอยู่ที่สนามบินนานาชาติโฮโนลูลู ของฮาวาย ให้ตายสิ!! ผมมา...ผมมาแล้วจริงๆ ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลย นี่ถ้าไม่ใช่เค้า เฉินเหว่ยถิง...ผมจะมายืนงงอยู่แบบนี้มั้ย!!!


พอผมเดินออกมาทางช่องผู้โดยสารขาออก ก็พบคนที่คุ้นเคย...

"คุณอี้เฟิงครับ คุณอี้เฟิง ทางนี้!!!"

"คุณต้าหลุน สบายดีมั้ย ขอบคุณนะครับที่มา ผม...เอ่อ..ผม"


"คุณอี้เฟิงไม่ต้องกังวลอะไรนะครับ คุณถิงได้จัดการทุกอย่างไว้หมดแล้ว แต่พอดีเค้ายังไม่ว่าง ที่นี่นักธุรกิจเยอะครับ แล้วก็มีเรื่องให้ต้องจัดการหลายอย่าง เดี๋ยวผมจะพาคุณอี้เฟิงไปโรงแรมที่พักก่อนนะครับ คุณคงเหนื่อย นั่งเครื่องมาหลายชั่วโมง"

"พี่ถิงรู้อยู่แล้วใช่มั้ยครับ ว่ายังไงผมก็มา"

"ครับ ตอนแรกคุณถิงเป็นห่วงคุณมาก สั่งให้ผมเช็คข่าวตลอด พวกเราก็ตกใจถึงแม้จะอยู่ฮาวาย แต่ก็รับฟังข่าว ผมเห็นคุณถิงโมโหมาก คงอึดอัดมั้งครับที่ทำอะไรไม่ได้ เล่นเอาผมงงไปเลย คุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว มาอยู่นี่สักพักก็ดีครับ ที่นี่ดีนะ สาวๆนุ่งบิกินีเดินชายหาด ผมชอบมาก 5555"

"แล้วพี่ถิงล่ะครับ ชอบมัั้ย" ผมถามไปแบบไม่รู้ตัวว่าถามไปได้ยังไง พูดถึงเรื่องของเรา เหมือนต้าหลุนก็คงจะรู้อยู่บ้าง แต่ไม่เคยคุยกันตรงๆ

"คุณถิงเหรอครับ ทำแต่งาน แต่ก็มีบ้างนะ เห็นเหล่ๆอยู่ 555 ล้อเล่นนะครับ เดี๋ยวตอนเย็นคุณถิงจะมารับคุณไปทานอาหารนะครับ เราอยู่ต่อกันอีกสองวันก็คงกลับพอดี ถือว่ามาพักผ่อนแล้วกันครับ"


หลังจากนั้น ต้าหลุนก็มาส่งผมที่ห้องพัก โรงแรมเป็นแนวบูติค แต่ด้านในหรูหรา ตกแต่งให้เหมือนอยู่ริมทะเล ประดับด้วยเปลือกหอยและปะการังหลายๆสี เฟอร์นิเจอร์ต่างๆภายในห้องดูมีราคา ลงตัวและกลมกลืนไปกับบรรยากาศที่ดูมีสีสันในเมืองนี้...



ผมจึงอาบน้ำเปลี่ยนชุดสบายๆ ตอนแรกก็คิดว่าจะนั่งรอ แต่ต้าหลุนบอกว่าพี่ถิงจะมารับผมตอนเย็นก็อีกหลายชม. ผมเลยออกไปเดินเล่นแถวๆนั้น หาอะไรกินง่ายๆ อืม...ผู้หญิงที่นี่ แต่งตัวกันน่าชวนให้ต้าหลุนหลงอยู่หรอกนะ แต่ผมไม่ได้สนใจอะไร จึงเดินกลับมาที่พัก แล้วก็รู้สึกว่าผิดเวลาและเหนื่อยมาก จึงคลานขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างช่วยไม่ได้...



เอ๊ะ....เหมือนมีมือใครมาซุกไซร้แถวๆด้านหน้าอกผม แล้วก็เหมือนมีคนตัวใหญ่ซ้อนตัวอยู่ด้านหลังผม กำลังเอาหน้ามาซุกที่ซอกคอผมด้วย นี่ผมฝันไปรึเปล่า...


อืมมมม...ดีจังเลย 



ผมรู้สึกโหยหาสัมผัสนี้ที่ไม่ได้รับมาเนิ่นนานหลายเดือน...


สักพักผมเริ่มรู้สึกว่าซอกคอผมเริ่มมีไอร้อนจากลมหายใจเป่า และร่างกายเริ่มรู้สึกได้ถึงความร้อนและกลิ่นกายที่เหมือนจะคุ้นเคย...


ผมจึงหันไป...

"พี่ถิง!!!"


เค้าไม่ปล่อยให้ผมได้พูดคำต่อไป ปากที่มีความร้อนจากไอแดดประกบมาที่ปากผมอย่างเต็มที่ บดเบียดมาอย่างโหยหา ลิ้นเริ่มควานเข้าไปหาลิ้นผม ผมก็คิดถึงเค้ามาก และจูบตอบอย่างไม่ปิดบัง...ปากเค้าเลื่อนมาจูบที่จมูก และหน้าผาก รวมทั้งเอามือกอดผมไว้อย่างแนบแน่น

"เฟิงเฟิง พี่คิดถึงมาก รู้มั้ย???"

ผมพลักเค้าออกแล้วลุกขึ้นนั่ง

"พี่คิดถึง แต่พี่ไม่เห็นมาหา นี่ถ้าไม่เกิดเรื่อง ผมจะได้มาหาพี่มั้ย!!!"

เค้าก็ลุกขึ้นนั่งประจันหน้ากับผม 


"อะไรกัน!!! ไหนบอกว่ารักพี่ ไม่เจอกันไม่กี่เดือน เดี๋ยวนี้ขี้งอนใหญ่แล้วนะ"

"ผมเปล่า ผมจะเอาสิทธิ์อะไรไปงอนพี่ล่ะ พี่มีงานต้องทำ ผมจะไปเรียกร้องอะไรได้"

เค้าดึงผมเข้าไปกอดไว้

"นี่ไงล่ะ...พี่ก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว พี่ว่างสองวันเลย หลังจากนี้พี่จะให้เวลาเฟิงเฟิงเต็มที่ พี่ขอโทษนะ ยกโทษให้พี่ได้มั้ย พี่ไม่รู้จะทำยังไง อยากบินไปหา แต่ก็ทำไม่ได้ ต้องไปโน่นมานี่ เฟิงเฟิงก็รู้ เรามีเวลาอยู่ด้วยกันไม่เยอะ อย่ามางอนพี่เลย มานี่พี่ซื้อชุดไว้ให้ด้วยน้าาาา"


เสร็จแล้วเค้าก็โชว์ชุดทูพีชสีแดงสดใสแล้วเอามาทาบกับตัวผม


"นี่ไง อโลฮา ฮาวาย แปลว่า สวัสดีครับ เล็กไปมั้ยนะ 555 ใส่ได้ด้วย มาๆ เดี๋ยวพี่ใส่ให้นะ"

เค้าก็พยายามจะเอาชุดท่อนบนนั่นมาใส่ให้ผม ผมก็อดขำไม่ได้ เล่นอะไรพิเรนตลอด...


"พี่ถิงไม่เอา ทำอะไรเนี่ยะ ผมไม่ใส่ ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะ พี่อยากเห็นก็ไปให้คนอื่นใส่สิ"


"อ๊ะๆๆ พูดแบบนี้ เดี๋ยวพี่เอาไปให้คนอื่นใส่น้า"

"เชิญเลย ผมไม่เห็นจะสน"


เสร็จแล้วเค้าจึงโยนชุดทูพีชนั่นทิ้งไป แล้วหันมาจับมือผม


"ไม่เล่นแล้ว พี่อยากให้เราอยู่ด้วยกันที่นี่ สำหรับวันเวลาที่เหลืออย่างมีค่า ที่จริงปารีสไม่ควรเกิดเรื่องร้าย แต่ว่าอย่างน้อย ก็ทำให้เฟิงเฟิงกับพี่ยังสามารถอยู่ด้วยกันที่นี่ เราคงโชคดีกว่าคนอื่นๆนะ ไป พี่จะพาไปกินข้าว มาครับ ผมเฉินเหว่ยถิงจะเป็นไกด์พาเที่ยวฮาวายเองนะ"

"แหม เพิ่งมาไม่กี่วัน จะมาทำตัวเป็นไกด์นะ"

"ไม่รู้ซะแล้ว ว่าพี่เตรียมอะไรไว้ให้เฟิงเฟิงบ้าง"


เค้าพาผมไปกินอาหารริมทะเล บรรยากาศใต้แสงเทียน ไม่มีใครเลย พี่ถิงบอกว่าเหมาบริเวณนี้ไว้หมด มันเหมือนอยู่ในความฝันจริงๆ เค้าพยายามจะให้ผมกินไวน์ด้วยกันเพื่อฉลอง

"พี่ถิง ผมบอกแล้วไง ผมแพ้แอลกอฮอล์"

"งั้นกินพั้นซ์นี่ละกัน แอลกอฮอล์ไม่เยอะมาก อร่อยด้วย"

ไม่เยอะอะไรกันละครับ แต่ก็อร่อยนะ ผมกินไปหลายแก้วมาก จนตัวแดงไปหมด...


สุดท้ายก็มึนๆ พี่ถิงเลยต้องอุ้มผมมาที่ห้อง...

เค้าวางผมลงบนเตียง...


"พี่ถิง ผมร้อนจัง ตัวแดงไปหมดแล้วอ่ะครับ"


"เดี๋ยวพี่ไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้ดีกว่า เอาน้ำเย็นๆแล้วกันนะ"

ผมยังมีสติอยู่นิดหน่อย แต่ก็รู้สึกว่าห้องไม่ได้เย็นขึ้นเลย นี่ขนาดมีแอร์นะ ตอนนี้ปวดหัวด้วยจึงเอามือจับที่ขมับสองข้าง นวดๆเพื่อคลายความปวด


"มานี่ พี่จัดการให้ เราหน่ะอยู่เฉยๆเลย เด็กดื้อ ตอนแรกบอกไม่กินๆ พออร่อยล่ะกินใหญ่ พี่ห้ามก็ไม่ฟัง"


พี่ถิงค่อยๆแกะกระดุมเสื้อออกทีละเม็ดอย่างตั้งใจ เค้าเอาผ้าชุบน้ำเย็นมาเช็ดที่คอ หน้า และหน้าอกผมอย่างช้าๆ มันเย็นวาบๆ ไปทั้งตัว ผมรู้สึกประหลาดปนจั๊กกะจี้นิดๆ จึงหัวเราะออกไป

"ฮึๆๆ พี่ถิง มันจั๊กกะจี้นะ อิอิ"

"เฟิงเฟิง นี่เวลาเมายิ่งน่ารักมากเลยรู้ตัวมั้ย"


"ผมไม่ได้เมานะ พี่ถิงหน่ะสิเมา"

"ไม่ได้เมาใช่มั้ย งั้นพี่จะเช็ดตัวให้แบบนี้นะ"

คราวนี้พี่ถิงหันเอาก้อนน้ำแข็งอมไว้ที่ปาก แล้วก้มลงมาถูบนหน้าอกผมที่เปลือยเปล่า

"อ๊า พี่ถิงมันเย็นนะ!!!"


เค้าหยิบน้ำแข็งออกจากปาก แล้วพูดต่อ

"งั้นเอาแบบนี้นะ ถ้าพรุ่งนี้พี่เมา เฟิงเฟิงต้องเช็ดตัวให้แบบพี่วันนี้ด้วยนะ พี่จะทำให้ดู..."

เสร็จแล้วเค้าก็เอาปากอมน้ำแข็งและถูมาที่หน้าอกผมต่อไป

"อ๊าาาา มันเย็นๆๆ" ผมดิ้นๆไปมา จนพี่ถิงหัวเราะ

"อ่ะ ไม่เล่นแล้วก็ได้ ดูสิ น้ำแข็งละลายเลอะเทอะเลย มาเช็ดก่อนนะ"


เค้าเอาปากมาดูดน้ำและเนื้อที่หน้าอกผม ไปเรื่อยๆ ผมรู้สึกได้ถึงความร้อนในตัวที่ตอนนี้เริ่มมากขึ้น 
น่าจะไม่ได้มาจากแอลกอฮอล์แล้ว แต่มาจากการปลุกเร้าจากคนตรงหน้ามากกว่า


พี่ถิงถอดเสื้อตัวเองออก พร้อมเดินไปปิดไฟ แล้วเปิดแอร์ให้แรงขึ้นอีกนิดเพื่อให้ผมได้ผ่อนคลาย 
กางเกงที่ผมใส่เป็นกางเกงผ้าสบายๆ ดึงทีเดียวก็หลุดแล้ว พี่ถิงจึงแกะเชือกที่มัดอยู่ที่กางเกงผม พร้อมเอามือใหญ่ล้วงเข้าไปด้านใน ส่วนนั้นของผม รู้สึกตัวมากขึ้นหลังจากที่มือใหญ่เริ่มจับต้องและคลึงเล่นไปมา...

"พี่ถิง ผม...ผม...ผมคิดถึงพี่"

ผมเอามือสัมผัสกล้ามท้องตรงหน้า มันเป็นอะไรที่ผมหลงไหลมาก ผมลูบไปมาด้วยความอยากสัมผัส

"พี่รู้ คืนนี้ที่ฮาวายนี่ พี่จะทำให้เราลืมปารีสไปเลยนะ"

"อ่ะ อื้มมมมมมมมม" ผมส่งเสียงบอกไปพร้อมกับความรู้สึกที่ถูกกระตุ้นด้วยมือนั่นที่ส่วนกลางกายมากขึ้นจนเกือบพร้อมแล้ว...

คราวนี้พี่ถิงเอามือมาปลดกางเกงผมลงและปลดเปลื้องกางเกงตัวเองออกอย่างง่ายดาย เค้าขึ้นมาคร่อมบนตัวผม แล้วเอาหน้ามาแนบที่ข้างหู...

"แล้วเฟิงเฟิงจะรู้ว่าพี่คิดถึงมากแค่ไหน"


หลังจากนั้นริมฝีปากที่คุ้นเคยถูกประกบลงมาอีกครั้ง มันถูกดูดและเคล้าคลึงเล่นเหมือนคิดถึงกันมาก 
พี่ถิงค่อยๆจูบไล่ลงมาที่ซอกคอ หน้าอกและดูดคลึงส่วนเม็ดยอดที่ตอนนี้สีแดงสุกไปหมดเพราะการขบเน้นทั้งตัวผมและเค้าตอนนี้ร้อนขึ้นเรื่อยๆ ด้วยแรงปรารถนาของทั้งคู่ที่สะสมมานาน...
มือใหญ่ยังคงคลอเคลียส่วนล่างไม่หยุด รูดขึ้นลงเป็นจังหวะ จนกระทั่งผมรู้สึกได้ถึงสิ่งที่ถูกปลดปล่อยออกมาในที่สุด...
"อ๊าาาา"


พี่ถิงจับมือผมไปเกาะกุมและคลึงส่วนนั้นของเค้าเช่นกัน ผมรู้สึกได้ว่ามันต้องการผม ผมจึงใช้มือลูบไปมาให้เค้าผ่อนคลายและเร่งจังหวะขึ้นเหมือนที่เค้าทำให้ผม...เราต่างฝ่ายต่างดึงดูดเข้าหากัน

พี่ถิงช้อนสะโพกผมขึ้น พร้อมที่จะผสานร่างกายเป็นส่วนหนึ่งของผม 

"อ๊าาาา พี่ถิง อ่ะอื้ออออ"

"เฟิงเฟิง อืมมม พี่รักเฟิงเฟิงนะ"


....ผมมาฮาวายก็เพราะคิดถึงเค้า และตอนนี้เค้าก็กำลังบอกรักผม 
เค้ารักผม...แค่นี้ผมก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว อี้เฟิงก็รักพี่ถิงนะ!!! 


                                                       จบค่าาาาาาา...เจอกันตอนพิเศษหน้า 1121 ค่ะ















วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ลิขิตแห่งฟ้า ใต้หล้านี้เพื่อเธอ บทที่ 1

ลิขิตแห่งฟ้า ใต้หล้านี้เพื่อเธอ

...You're my destiny...

                     "ปิดตา ปิดหู ปิดปาก แล้วเปิดใจ จะสัมผัสความจริงได้ไม่ยาก"


ตอนที่ 1 ราชินีเฟิงเยว่

             ดินแดนเหนือฟ้า ที่เคยประกอบด้วย 9 ดินแดนย่อย บัดนี้ สองดินแดนได้รวมเป็นหนึ่ง นั่นคือดินแดน "ยื่ออ้ายเยว่" แบ่งการปกครองออกเป็นสองส่วนอย่างชัดเจน เรื่องทางการดูแลความสงบเรียบร้อยทางดินแดน เป็นของราชาถิงยื่อ และส่วนเรื่องจิปาถะอื่นๆ เช่น พวกความสวยงาม การเงินการคลัง กลับเป็นราชาเฟิงเยว่เป็นผู้ดูแล ประชาชนในดินแดนใหม่นี้ ถึงจะแปลกใจบ้างในช่วงแรกๆ หากแต่ตอนนี้ก็ผ่านมา 6 เดือนแล้ว ทุกอย่างเริ่มเข้าที่ สัญลักษณ์ดินแดนใหม่ที่เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวทับอยู่บนพระอาทิตย์ กลายเป็นสัญลักษณ์ที่ทุกคนเริ่มคุ้นชิน ภาพการดูแลจากราชาทั้งสอง ทำให้พวกเค้าเป็นสุข แค่นี้ก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว...

             ภายนอกวังเป็นแบบนี้ แต่ภายในวังใหม่ยิ่งเป็นมากกว่า ทั้งเหล่านางกำนัลและทหารทั้งหลายเป็นการรู้กันภายในว่า ราชาถิงยื่อไม่โปรดเรื่องหยุมหยิม เรื่องเล็กๆน้อยๆ ละเอียดลออทั้งหลาย ต้องไปรายงานราชาเฟิงเยว่ทั้งหมด จนเกิดการกระซิบหรือแอบเรียกกันภายในว่าราชินีเฟิงเยว่แทนอย่างง่ายดาย...

            ทุกคนเห็นภาพราชาทั้งสองเดินเคียงคู่กันในสวนจนชินตา ภายนอกก็รักใคร่สนิทสนมเป็นที่ชื่นชม ส่วนภายในนั้นสัมพันธ์แนบแน่นยิ่งกว่า ทั้งคู่พักอยู่ในห้องแห่งจันทราที่ราชาถิงยื่อตั้งชื่อตามห้องที่วังเดิมของเฟิงเยว่ เรื่องนี้ภายในวังรู้กันดี...มีนางกำนัลส่วนตัวและทหารคนสนิทที่ไว้ใจได้ไม่กี่คนที่รู้ว่าที่จริงแล้ว ทั้งสององค์นั้นมีความสัมพันธ์แบบใด 

           ถึงตอนนี้อีก 7 ดินแดนที่เหลือ ล้วนมีผู้ปกครองใหม่ เนื่องจากเหล่าทายาททั้งหลาย และเหตุการณ์ครั้งก่อนนั้น ทำให้แต่ละดินแดนได้รับผลกระทบทั้งหมด คำทำนายเรื่อง นกวิหคเพลิงที่จะวนครบทั้ง 9 ดินแดนจะมาถึงในไม่ช้า...ดินแดนหนึ่งจะต้องถูกทำลาย หายนะจะมาเยือน ตอนนี้สองดินแดนถูกรวมไปแล้ว คำทำนายนี้จะยังเป็นจริงหรือไม่ อีก 6 เดือนก็จะได้รู้...

           เย็นนี้ก็เหมือนเช่นทุกวัน ราชาถิงยื่อนั่งทานข้าวเย็นกับราชาเฟิงเยว่อย่างสบายอารมณ์ สักพักเจ้าเอ้อ วิหคเพลิงตัวโปรดของเค้า ก็อยู่ที่สวนหน้าห้องทานข้าว พร้อมร้องเรียก...องค์ราชาถิงยื่อเดินออกไปหยิบจดหมายที่ถูกผูกติดอยู่ที่ขนของมัน แล้วเดินกลับเข้ามา

"โอ้โฮ!!! เฟิงเฟิง มาดีใจกับเทียนอวิ๋นแล้วก็เซียงยื่อกัน นางท้องแล้วนะ ข้าก็จะเป็นลุงแล้ว โอ้ววว!!! ดีจริงๆเลย"

"อืม น่าดีใจกับพวกเค้า ไว้ข้าจะช่วยเตรียมของขวัญให้หลานตัวน้อยก็แล้วกัน...." เฟิงเยว่พูดจบ ก็ก้มหน้าลง แต่ในใจเค้านั้นรู้สึกเศร้าอยู่บ้าง ความรู้สึกของคนเป็นแม่ เค้าก็ไม่เคยได้รับหรอก แต่ก็เกือบเป็นมาแล้วครั้งนึง ตอนนั้นพลังของไข่มุกเลี่ยงซิน ทำให้เค้าเกือบจะมีทายาทให้ถิงยื่อได้ แต่นั่นก็เป็นอดีตไปแล้ว...

ถิงยื่อจับสังเกตได้ จึงเอื้อมมือใหญ่ไปกุมเอาไว้ แล้วเอามาวางที่หน้าขาตัวเองอย่างทะนุถนอม

"เฟิงเฟิง เจ้าไม่ต้องเศร้าไปหรอก ตอนนี้เจ้าก็มีพลังไข่มุกมันก็ไม่แน่นะ หรือถึงเจ้าไม่สามารถมีลูกได้ ข้าก็ไม่เห็นจะสนใจ ข้ารักเจ้า อยากอยู่กับเจ้า ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ซะหน่อย อีกอย่างตอนนี้เราก็มีหลานแล้ว พวกเราควรจะดีใจถึงจะถูกนะ"

เค้าแอบกระซิบข้างหู ไม่แคร์สายตานางกำนัลคนสนิทข้างหลัง

"เดี๋ยวคืนนี้ข้าจะทำให้เจ้าสมหวัง เอามั้ย???"

มือเล็กอีกข้างตวัดลงมาตีบนมือใหญ่...

"นี่แหน่ะ!!! เป็นราชาแล้ว ยังชอบพูดแบบนี้อีก คนอะไรไม่อายคนอื่นบ้าง"

"โหหหห...อายใคร เจ้าอยู่กับข้าทุกคืน ยังมีอะไรต้องอาย แต่ว่าพักนี้ ข้าอาจจะเหนื่อยเกินไป จนไม่ได้เอาใจเจ้าสักเท่าไหร่ ราชกิจนี่มันวุ่นวายจริงๆ ท่านพ่อนะท่านพ่อ ทิ้งกันไปมีความสุขกับท่านแม่ ไม่สนใจอะไรเลย"

"ท่านเป็นราชานะถิงถิง ก็ต้องเหนื่อยเป็นธรรมดา อย่าบ่นไปหน่อยเลย แค่ประชาชนในดินแดนเรามีความสุข ก็น่าจะหายเหนื่อยแล้ว"


"ผิงอัน เจ้าว่า ราชินีของเจ้าสวยขนาดนี้ ข้าควรจะเหนื่อยมั้ย ฮึ!!!"

ถิงยื่อให้ไปสบตากับนางกำนัลคนสนิท ตั้งใจพูดความหมายกำกวมที่คิดว่านางคงรู้ทัน ผิงอันอยู่กับเฟิงเยว่มาตลอดตั้งแต่ครองดินแดน นางเป็นคนที่แม่เฒ่าตงสุ่ยหามาให้จากหมู่บ้านประมง สนิทและไว้ใจได้ ผิงอันรู้ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของสองนายเป็นอย่างดี โดยเฉพาะราชาเฟิงเยว่ หรือพออยู่กันไม่กี่คน ราชามักจะถูกเรียกว่าราชินีอย่างที่ว่า...

"หยุดเลยนะเจ้า ไม่ต้องหาพวกด้วย เออนี่ ผิงอัน เจ้าช่วยไปบอกฝ่ายผ้าทอของวังนะ ว่าให้หาผ้าสวยๆ ไว้ ข้าจะเตรียมไว้ให้เป็นของกำนัลหลานข้า แล้วเจ้าก็ไปพักเถอะ ข้าจัดการต่อได้"

"เจ้าค่ะ ราชินีเฟิงเยว่" นางรับคำตามความคุ้นเคย ถึงนางจะมาดูแลราชาเฟิงเยว่ได้เพียง 6 เดือน แต่ทุกกิริยาท่าทาง ทำให้นางรู้สึกได้ถึงความละเอียดอ่อน ร่างกายที่เย็นยะเยือกของราชาเฟิงเยว่ บางครั้งทำให้นางรู้สึกกลัวด้วยซ้ำไป แต่สิ่งที่นางกลัวที่สุดคือตาสีฟ้าคู่นั้น ที่พอเวลาใครทำอะไรผิด สีฟ้านั้นจะกลายเป็นสีน้ำเงินเข้ม ทำให้คนตรงหน้าหวาดกลัวได้จับหัวใจ สำหรับนางแล้ว ราชาองค์นี้ ทั้งหน้าสวย แต่ก็น่ากลัวไปในเวลาเดียวกัน...สมควรได้รับตำแหน่งราชินีเฟิงเยว่จริงๆ



"อย่าเพิ่งไปผิงอัน ตอบข้าก่อน ราชินีข้าสวยมั้ย"


"สวยเจ้าค่ะ ราชาถิงยื่อก็น่าจะทราบดีกว่าใคร!!!"

"5555 ตอบได้ดีๆๆ ไว้ข้าจะให้รางวัลเจ้า ไม่สิ เดี๋ยวจะบอกให้แม่ทัพกวงเมาให้รางวัลเจ้าดีมั้ย"

ฉับพลันใบหน้าหญิงสาวตรงหน้าแดงกล่ำ กวงเมามาจากหมู่บ้านประมงที่เคยช่วยพวกเขาไว้คราวนั้น ถูกขอร้องให้มาช่วยงานในวัง อีกทั้งความสามารถของคนดินแดนเหอ ก็ไม่อาจดูแคลนได้ ดินแดนใหม่นี้ จึงมีแม่ทัพเป็นคนอีกดินแดน...

"ถิงถิง เจ้าไปล้อผิงอันอีก ดูสิ นางหน้าแดงไปหมดแล้ว ไปเถอะผิงอัน ไม่ต้องห่วงข้า"


หลังจากทานข้าวกันเรียบร้อย ทั้งคู่ก็เข้าห้อง วันนี้เป็นวันจันทร์เต็มดวง เฟิงเยว่ผู้มาจากดินแดนเยว่ จะมีพลังมากเป็นพิเศษเป็นเรื่องปรกติ ถิงยื่อรู้ดีแถมบางทีนับวันรอ...บางครั้งถึงกับบ่นออกมาเลยว่า เมื่อไหร่จะวันเพ็ญอีกน้า...ก็ทำไมหน่ะเหรอ เวลาที่แสงจันทร์สาดส่อง ตาสีฟ้าคู่นี้จะสุกปลั่ง และมีพลังมากจนเขาแทบอยากละลายไปต่อหน้าด้วยซ้ำ

พักนี้เขายังมีภารกิจยุ่งมาก จนไม่ได้อยู่ห้องแห่งจันทรานี้มาหลายคืนแล้ว...แต่วันนี้เขาจะไม่ยอมไปไหนแน่ๆ


"เฟิงเฟิง อาบน้ำกับข้านะ" พอเข้ามาในห้องถิงยื่อก็โอบกอดเฟิงเยว่จากด้านหลังทันที


"ไม่เอาหรอก เจ้าลิงยักษ์ เจ้าตัวใหญ่คับถัง เบียดข้าอาบน้ำไม่สบายเลย"



เขายังคงเอาคางเกยคนตัวเย็นตรงหน้าและถ่ายเทความร้อนไปมาเหมือนสิ่งคุ้นเคย เฟิงเยว่ก็รู้สึกสบายขึ้นทุกครั้งที่เขากอด



"เจ้านี่นะ ขนาดนี้แล้วก็ยังไม่ค่อยจะยอมตามที่ข้าขออยู่ร่ำไป"

"ข้าก็เป็นราชานี่นา เจ้าอย่าคิดมาสั่งข้า เราฐานะเท่าเทียมกันนะ เจ้าบอกเอง"

"ไม่ๆ ข้าเป็นทาสเจ้า ยิ่งคืนนี้นะ ข้าขอเป็นทาสเจ้า 555 ได้มั้ยขอรับ"

"ถิงถิง เจ้ามีความสุขมั้ยที่อยู่กับข้า" อยู่ดีๆ คนตรงหน้าก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง

"เจ้าถามแบบนี้ทำไม เจ้าก็น่าจะรู้อยู่ว่าข้ารู้สึกยังไง ไม่งั้นข้าจะรวมดินแดนทำไมล่ะ ข้าต้องถามเจ้าต่างหาก บางครั้งข้าก็รู้สึกว่าเจ้าไม่รักข้า เหมือนถูกบังคับมากกว่า" คราวนี้คนตัวใหญ่ทำเหมือนจะงอนกลับ คลายมือออกจากการกอดแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ยาวที่ไว้สำหรับนอนเล่นหรือนั่งพัก

"ข้าไม่มีลูกให้เจ้านะ เจ้ามีราชินีได้ที่เค้าสามารถให้กำเนิดลูกให้เจ้า" เฟิงเยว่เดินมาหยุดข้างเก้าอี้


"เฟิงเฟิง ถ้าเจ้าไม่หยุดพูดเรื่องนี้อีก ข้าจะโกรธจริงๆแล้วนะ ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่สนใจ!!!" คราวนี้เขาเงียบไปเลย รู้สึกว่าไม่อยากพูดแล้ว เค้ารักเฟิงเยว่ที่ตัวตนทั้งหมด ทำไมต้องมาพูดเรื่องน่ารำคาญนี่ซ้ำไปซ้ำมา ทำยังกับผู้หญิง...



"ก็ได้ ข้าไม่พูดแล้ว เจ้าอย่าโกรธข้าสิ" ตอนนี้ที่เขากลัวที่สุดก็คือคนตรงหน้าไม่สนใจเขา บางครั้งเค้าก็รู้สึกว่าถิงยื่อยิ่งใหญ่ เกินกว่าที่ตัวเองจะเก็บเอาไว้ได้ ตัวเขาเองมีดีตรงไหนกัน ถึงได้รับความรักมากมายขนาดนี้...

"ถ้าจะไม่ให้ข้าโกรธต้องไปอาบน้ำกับข้า!!!" เขาเล่นใช้ไม้นี้มาต่อรองเลย แต่ก็ทำไงได้ เจ้าลิงยักษ์ตรงหน้าต้องไม่หายงอนแน่ๆ ถ้าเขาไม่ยอมคราวนี้


เฟิงเยว่เดินไปดึงสองแขนคนตัวใหญ่ตรงหน้าให้ลุกขึ้น กว่าจะดึงขึ้นมาได้ ก็ดึงกันไปมาสามสี่รอบ จนคนตัวยักษ์ที่ทำเหมือนงอนลุกขึ้นมาและเดินตึงๆๆ ตามหลังเค้ามายังห้องอาบน้ำที่มีน้ำอุ่นอยู่ในถังใบใหญ่ เขาสองคนก็เคยอาบน้ำด้วยกันในถังแบบนี้มาหลายครั้ง นี่ก็ห่างหายไปนานแล้ว ต้องจัดการซะหน่อย...ถิงยื่อนึกในใจ

"ข้า......ราชาถิงยื่อวันนี้พิการซ้ำซ้อน ไม่มีใครรัก ไม่มีแรงทำอะไรแล้ว" แล้วถิงยื่อก็ยืนกางแขนออกเหมือนเด็กน้อย ไม่ยอมถอดเสื้อผ้าหรือทำอะไรเอง เค้าจะให้เฟิงเฟิงจัดการให้หมดเป็นการลงโทษที่พูดเรื่องเดิมไม่จบซะที


"ถิงถิง เจ้าไม่มีแรง ข้าไม่เชื่อหรอก"

"จริงๆ ตอนนี้ข้าไม่มีแรงแม้กระทั่งถอดเสื้อผ้า"

"น่าเชื่อมากนะ ราชาถิงยื่อ" เฟิงเยว่เดินเข้าไปตรงหน้าคนที่ยังกางแขนไว้ แล้วค่อยๆปลดเปลื้องเสื้อผ้าให้ พร้อมเอามือค่อยๆมาปลดเสื้อผ้าตัวเอง เมื่อสองร่างเปลือยเปล่า...

"เจ้าหน่ะ ชักช้าจริงๆ" คราวนี้ถิงยื่อไม่รอช้า เอามือที่กางออกเข้าไปอุ้มคนตรงหน้าอย่างเร็ว พร้อมกับเหวี่ยงลงไปในถังน้ำอย่างง่ายดายแล้วรีบกระโดดตามลงไปจนน้ำล้นแทบจะหมดถัง

"โอ้ยยยยยย เจ้านี่มัน!!! ถิงถิงน้ำจะหมดถังแล้ว ข้าบอกแล้วเนี่ยะ เจ้าหน่ะตัวใหญ่ อึก......อือ......."

เค้าไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้พูดต่อ เอาปากไปบดเบียดปากด้านหน้าจนมิด พร้อมดึงตัวที่เย็นเฉียบของอีกฝ่ายมากอดรัดอย่างแน่น เมื่อสองร่างเบียดกัน ทุกส่วนเหมือนผสานเข้าด้วยกัน ความร้อนและความเย็นถ่ายเทออกจากผิวกายคนทั้งสอง น้ำยังคงกระฉอกไปมาออกจากถัง ทั้งๆที่เหลือไม่มากเท่าไหร่

"อืม...อืออออออออออออ ถิงถิง ข้าๆๆ ข้ารักเจ้า รักเจ้ามาก"

ส่วนบนและล่างยังคงบดเบียดกันไปมา เฟิงเยว่เอามือลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังที่หยาบกระด้างของคนตัวใหญ่ที่แสดงให้เห็นว่ามีการฝึกฝนวิชา จริงๆตัวเขาก็ฝึกฝนนะแต่หลังๆมานี่ งานของเขาแทบไม่ได้ใช้แรงมากส่วนใหญ่ใช้แต่สมอง...


คราวนี้ราชาถิงยื่ออุ้มราชินีของเค้ามานอนที่เตียง เขามีเรี่ยวแรงเหลือเฟือ พอมองตาคนตรงหน้าวันนี้ก็สุกสว่างฟ้าครามไม่แพ้กัน คืนนั้นเสียงเนื้อแนบกระทบกันและบริเวณเตียงที่ขยับเคลื่อนไหวไม่หยุดเกือบทั้งคืน มีเสียงแห่งความสุขเล็ดลอดออกมาบ้าง...

"เฟิงเฟิงของข้า พอมีแสงจากพระจันทร์ทีไร เจ้านี่แทบจะทำให้ข้าหมดแรงเลยนะ"

สองร่างยังคงสอดรับเป็นจังหวะไปมา...จนกระทั่งรุ่งสาง



เฟิงเยว่ตื่นก่อนเสมอ เขาจะลุกขึ้นมาจัดเสื้อผ้าและไปดูแลความเรียบร้อยของห้องต่างๆในวัง ทั่วทั้งวังวันนี้จึงดูสดชื่นเมื่อราชินีของเหล่านางกำนัลเดินผ่าน...เขาเข้าไปในห้องทำงานของถิงยื่อเพื่อดูแลความเรียบร้อยดังเช่นทุกวัน ป่านนี้ลิงยักษ์นั่นยังหลับสนิทอยู่ ทันใดนั้นดวงตาสีฟ้าก็เห็นจดหมายอีกฉบับที่ไม่ใช่จากดินแดนอวิ๋น 


จดหมายนั้นมีตราประทับและถูกเปิดออกแล้ว นั่นคือจดหมายจากดินแดนซา ดินแดนที่มีแต่ทะเลทราย ดินแดนนี้ค่อนข้างยากจน ไม่มีทรัพยากรอะไรมากนัก แต่มีสินแร่ที่สำคัญหลายอย่าง ในจดหมายที่เขียนมาจากองค์ราชาบอกว่า


"ราชาแห่งดินแดนยื่ออ้ายเยว่ ข้าน้อยนั้นขอพึ่งใบบุญพำนักภายใต้ร่มเงาของดินแดนที่ยิ่งใหญ่ของท่าน ข้าได้ส่งบุตรสาวมาเป็นบรรณาการ นางจะเดินทางมาถึงหลังจากจดหมายแจ้งก็คงไม่กี่วัน ขอท่านอย่าได้ปฏิเสธ นี่เป็นไมตรีจากเรา ข้าฝากลูกสาวข้าด้วย "อู๋อี้" รบกวนท่านราชาทั้งสองเมื่อพบนางแล้ว จึงใคร่ครวญว่า นางควรจะเป็นของผู้ใด"


นี่มันอะไรกัน!!! จดหมายนี่ทำไมเขาไม่รู้เรื่อง ถิงยื่อไม่เห็นบอกอะไรเลยทั้งๆที่มันน่าจะผ่านมาหลายวันแล้ว ฮึ!!! จะเป็นของผู้ใด นางจะเป็นของผู้ใดกันเล่า ไม่ใช่เขาแน่ๆ...หยดน้ำใส ไหลออกมาจากตาโตสีฟ้าอ่อนนั่นได้ยังไงไม่รู้ เฟิงเยว่เดินกลับไปที่ห้องพร้อมถือจดหมายเพื่อกลับไปถามให้รู้เรื่อง...

พอเขาเปิดประตูเข้ามาในห้อง ถิงยื่อกำลังแต่งตัว พอเห็นอีกฝ่ายกลับมาซะที ก็ดีใจ รีบเข้าไปกอดทั้งๆที่ยังใส่เสื้อไม่เสร็จดี พอเห็นถิงยื่อน้ำตาก็พาลหยดลงมาอีก...

"เฟิงเฟิง เจ้าเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรเจ้า!!!"

"นี่อะไร ถิงถิง" แล้วเฟิงเยว่ก็เอาจดหมายปาใส่หน้าอกคนตัวใหญ่ตรงหน้า...


                            ...โปรดติดตามตอนต่อไป...