วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2559

เที่ยวบินร่อนรัก

เที่ยวบินร่อนรัก

กัปตันเหว่ยถิง : กัปตันหล่อประจำสายการบินบานาน่าแอร์ไลน์ ไม่ว่าจะแอร์หรือสจ๊วตทุกคนต้องหลงรัก ด้วยความที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี ช่วยเหลือคนอื่น แต่ใครจะรู้ว่าจริงๆแล้วเขาซ่อนความต้องการบางอย่างเอาไว้ตลอดเวลา

นักบินผู้ช่วยอี้เฟิง : นักบินที่ 2 ที่อยากเป็นนักบินเพียงเพราะว่าเด็กๆเขาอยากบินได้ แต่เมื่อเขาได้มาช่วยกัปตันเหว่ยถิง เขาก็รู้ว่าเขายังห่างไกลคำว่ากัปตันมากจริงๆ

ตอน Landing


"สวัสดีครับ ผมกัปตันเหว่ยถิง ยินดีต้อนรับท่านผู้โดยสารสู่การบินที่จะพาทุกท่านเดินทางไปอย่างราบรื่นราวกับปอกกล้วยเข้าปาก นี่คือสายการบินบานาน่าแอร์ไลน์ ตอนนี้เราอยู่ที่ระดับความสูง 3 หมื่น 8 พันฟุต สภาพอากาศวันนี้ค่อนข้างมีเมฆ ผมขอให้ท่านผู้โดยสารรัดเข็มขัดทุกครั้งที่นั่งอยู่กับที่ และคอยตรวจสอบสัญญาณไฟเตือนเมื่อผ่านสภาพอากาศที่แปรปรวนด้วยครับ"

เมื่อกัปตันเหว่ยถิงปิดเสียงประกาศในเครื่องลง เค้าก็ตวาดผม

"อี้เฟิง คุณมาเป็นผู้ช่วยผมได้ไงเนี่ยะ"

"กัปตันครับ ผมขอโทษ"

"ตอนผมประกาศ คุณปล่อยให้เครื่องสั่น ทำไมไม่ดูมอนิเตอร์ไว้"

"ผม...เอ่อ"

"บัดซบ ใครกันนะส่งคุณมาช่วยผม บ้าจริง"

ผมเพิ่งมาช่วยเค้าเป็นเที่ยวบินครั้งที่สอง คราวนี้เราจะบินไปลงลอนดอนกันครับ แต่ระหว่างทางสภาพอากาศไม่ค่อยดีเลย แต่ว่ากัปตันเหว่ยถิงก็สอนผม และตวาดดุว่าไปด้วย ผมนับถือเค้ามากจริงๆที่บังคับเครื่องและไม่ตื่นตกใจสักนิด ตรงกันข้ามสายตาที่ต่อว่าผม มันทำให้ผมลืมไม่ได้จริงๆ...

"ตอนจะแลนด์ เป็นช่วงที่สำคัญที่สุด คุณคอยดูไว้นะ ว่าผมบังคับยังไง"

"ครับๆ"

"เอ๊ะ คุณนิ มือก็เล็กบอบบาง ริอ่านจะมาเป็นนักบิน ความแข็งแรงอยู่ที่ไหนกันฮะ"

"ผมขอโทษครับกัปตัน"


"อี้เฟิง คุณจะบ้ารึเปล่า ผมบอกว่ามือคุณบอบบางคุณจะมาขอโทษผมทำไม ฮึๆ คนแบบนี้ก็มีด้วย เห็นผมเป็นพวกกินหัวคนรึไงกัน เอาล่ะ คอยดูนะ"

แล้วกัปตันก็เอาเครื่องลงจอดได้อย่างสวยงาม แรงกระแทกน้อยมาก พอเครื่องจอดสนิทเค้าก็บอกผม...

"คุณมานี่สิ ผมบอกให้มานี่ไง"

"ครับๆ"

ผมลุกจากที่นั่งแล้วก็ไปยืนข้างๆมอนิเตอร์ กัปตันจับมือผมไว้แล้ววางไปที่คันโยกเพื่อเบรคตอนเครื่องจอด

"คุณแค่แตะเบาๆแล้วเลื่อนไป ไม่ต้องใช้แรงแบบนี้ เข้าใจมั้ย"

ผมมองตามมือเค้าที่กำลังพามือผมลากไปในอากาศ สักพักแอร์ก็เปิดประตูห้องบังคับเข้ามา

"แหมๆ กัปตันคะ ผู้ช่วยอี้เฟิงเพิ่งมาใหม่ คุณก็จะรับน้องแล้วรึไงคะ"

ผมหันกลับไปมองและดึงมือออกทันที แอร์คนนั้นหัวเราะแบบยิ้มๆ เอามือปิดปาก

"มีอะไรหรือเปล่า ทุกทีไม่เห็นมาตามผม"

"เปล่าหรอกค่ะ แค่จะบอกว่า เดี๋ยวออกจากฮีทโทรลแล้ว พวกหนูจะไปช็อปปิ้งก่อนนะคะ ค่อยเข้าโรงแรม กระเป๋าจะฝากไปกับรถบัส กัปตันจะไปด้วยกันมั้ย ผู้ช่วยอี้เฟิงล่ะ"

"พวกเธอไปกันเถอะ มาลอนดอนทีไร ไม่หลับไม่นอนทุกที ส่วนอี้เฟิง คุณต้องอยู่ฝึกกับผมก่อน"

"ฮะ อะไรนะ!!!"

"ตามใจนะคะกัปตัน อ้อ... ผู้ช่วยอี้เฟิงรู้มั้ยคะ กัปตันเหว่ยถิงขึ้นชื่อเรื่องบังคับเครื่องบินเก่งมาก 5555"


แอร์คนนั้นเดินออกไป ส่งเสียงหัวเราะดังมาก ผมจึงเดินถอยออกมาทันที

"กัปตันครับ ที่นี่เราไม่มีห้องซิม จะฝึกที่ไหนกันรึครับ"

"คุณจะเรียนมั้ยล่ะ ถ้าอยากเรียนก็มาห้องผมคืนนี้"



พอถึงที่โรงแรม ผมก็หาอะไรกินง่ายๆ ในห้องพัก ตอนนี้ผมยังไม่ง่วงเลย ทั้งๆที่เริ่มจะมืด อาจจะเป็นเพราะความต่างของเวลาก็ได้ แต่จริงๆคือหัวสมองผมคิดถึงแต่หน้าของกัปตันเหว่ยถิง...สายตาเค้า มือเค้าที่จับมือผม มันเหมือนผมรู้ว่าเค้าคิดอะไร...

จนได้เวลาผมเดินไปที่หน้าห้องเค้า กดเรียกที่ประตู กัปตันมาเปิดในชุดนอน ขายาวสบาย ในขณะที่ผมใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้น นี่เค้าดูเหมือนพร้อมนอนมากกว่าจะสอนอะไรผม...

"เข้ามาสิ"

ผมเดินตามเข้าไป เค้าล็อคประตูและเดินมาด้านหลังผม กอดเอวด้านซ้าย สอดนิ้วมือขวาเข้ามาที่มือผมแล้วยกขึ้น

"ผู้ชายอะไรนิ้วเรียวงาม ขาวแบบนี้ฮะ"

ผมหันหน้ากลับไปมองเค้า สายตาแบบนี้อีกแล้ว...แบบที่มองผมทุกครั้ง ทำให้ผมแทบหยุดหายใจ

"กัปตันครับ...ผม...เอ่อ..."

ผมเริ่มลังเลว่าเค้าต้องการแบบที่ผมเข้าใจหรือเปล่า

"นักบินผู้ช่วย ก็ต้องทำตามกัปตันสินะ"

เค้ากำมือไว้ให้นิ้วผมลอดออกมาจากหว่างนิ้วเค้า แล้วเค้าก็อมนิ้วกลางผมเข้าปาก แล้วจ้องหน้า...ผมตกใจมาก!!! ยกอีกมือนึงขึ้นเพื่อแกะมือออก

"กัปตัน ทำอะไรครับ"

"หน้าแดงทำไม อี้เฟิง"

"กัปตัน อย่าทำแบบนี้ครับ"

"ทำไมล่ะ ไหนบอกว่าอยากให้ชั้นสอนบินไง"

"ก็สอนสิครับ ผมพร้อมเรียน แต่ว่านี่มัน...เอ่อ"


"งั้นก็ได้ มา นายไปนอนที่เตียงนั่น"

"นอนที่เตียง!!!"

"ใช่สิ ไหนบอกพร้อมเรียน"

ใจจริงผมก็ไม่ได้อยากกลับ หัวใจเต้นแรงและเร็วขึ้น ตั้งแต่ถูกเอานิ้วไปดูดในปากนั่น ผมรู้สึกว่า กัปตันต้องการอย่างอื่นมากกว่า...

พอผมลงไปนอน กัปตันก็มานอนข้างๆ 

"กัปตันจะให้ผมทำอะไร"

"นอนเฉยๆ ชั้นจะสอนนายบินเอง"

"จริงเหรอครับ ผมว่าผม...เอ่อ...กลับดีกว่า"

ผมกำลังจะลุกขึ้น กัปตันพลิกตัวเอามือปิดปากและกระซิบข้างหู

"อย่าบอกนะว่า นายไม่รู้จริงๆว่าชั้นต้องการอะไร"

ผมเงียบไม่ตอบ และกลับลงไปนอนอีกครั้ง จริงๆผมรู้อยู่แก่ใจว่าถ้ามาห้องเค้า เค้าจะทำอะไร แต่ผมก็ยังมาและไม่ปฏิเสธ นี่คือสิ่งที่อยู่ในจิตใต้สำนึกที่บอกว่า ผมก็อยากมาเช่นกัน นั่นคือความจริง...

"ชู่วววว นึกว่าอยู่ในห้องนักบินนะ มีแค่คุณกับผมเท่านั้น"


เค้าเอาปากกดลงมาที่ปากผม ผมรับปากนั้นอย่างง่ายดาย ริมฝีปากประกบแตะกันอย่างช้าๆ เค้าบดเบียดปากไปมา ความหวานจากลิ้นเริ่มเข้ามาในปากผม ลิ้นผมตวัดเลียลิ้นเค้าไปมา ปากต่อปากกดเบียดไปเรื่อยๆไม่ยอมหยุด เค้าถอนปากออก ผมแทบจะตามปากเค้าไม่อยากให้ออกไป ลมหายใจหอบร้อน เริ่มส่งเสียง...

"กัปตันเหว่ยถิง...ผม"

"ผู้ช่วยอี้เฟิง คุณนี่จูบเก่งกว่าตอนบังคับเครื่องตั้งเยอะ ฮึๆ"

"ถ้าจะล้อผมแบบนี้ ผมกลับดีกว่า!!!"

ผมทำท่าจะลุกขึ้นอีก คราวนี้เค้ากดตัวผมลงไปใหม่ 

"แค่นี้ก็ต้องงอน มาสิ...ผมจะสอนต่อ"

สักพัก เค้าก็เอามือล้วงเข้าไปใต้เสื้อและลูบส่วนท้องไล่ลงไปจนถึงกางเกง 

"อื้อออ กัปตัน อื้อออ"

ร่างกายผมเริ่มมีการตอบรับและส่งเสียง ส่วนแก่นกายด้านล่างถูกลูบไล้ไม่หยุด ผมต้องกัดฟันแน่นและเริ่มเอามือจิกที่เตียง

"อื้อออ อื้อออ"

กัปตันเร่งจังหวะมือที่จับส่วนนั้นผ่านกางเกง ผมเริ่มบิดตัวไปมาเพราะทนแรงกระตุ้นแทบไม่ไหว มันตั้งชูชัน เด่นนูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กัปตันเอามือถอดกางเกงผมออกทั้งหมดและผมก็ถอดเสื้อตัวเองออกในทันที ตอนนี้ผมนอนร่างเปลือยเปล่า...

"กัปตัน ผมต้องการอีก"

"อี้เฟิง คุณถูกผมบังคับแล้วนะ พร้อมรึยังล่ะ???" 

กัปตันคร่อมอยู่บนตัวผม พร้อมกับจ้องหน้าผมที่ตอนนี้ความต้องการทั้งหมดแสดงออกผ่านใบหน้า ริมฝีปากที่ขบเน้นบ่งบอกอย่างชัดเจน 

ผมพยักหน้า...

กัปตันปลดกระดุมเสื้อตัวเองและถอดกางเกงออกหมด ก้าวขึ้นมาบนเตียงอีกครั้งและเริ่มเอาปากจูบที่ซอกคอ ไล่ลงไปจนถึงตุ่มไตบนหน้าอก แล้วใช้ลิ้นเลียขึ้นลงไม่หยุดจนยอดนั่นเปียกไปด้วยคราบน้ำลาย...

"อื้มมม อื้มมม"

ผมเอามือขยี้หัวเค้าแบบอดไม่ไหวอีกต่อไป กัปตันดูช่ำชองและเก่งกว่าผมมาก เค้าเอาลิ้นเลียไปไม่หยุด ในขณะที่มือก็จับแท่งนั้นของผมที่ตั้งขึ้น นิ้วโป้งเค้าสะกิดส่วนปลายไปมาอย่างยั่วเย้า

"อื้ออ กัปตัน"

กัปตันไม่รอช้า ใช้ลิ้นเลียสะเปะสะปะพร้อมเลื่อนตัวต่ำลงไปเรื่อยๆ ผมมองตามเค้าไปจนกระทั่งส่วนนั้นของผมรู้สึกได้ถึงความร้อนจากปากที่ครอบปิด ลิ้นเค้าเริ่มเลียมันไม่หยุด ทั้งแรงและเร็วขึ้นเป็นจังหวะ

ผมเอามือบีบต้นไหล่เค้าอย่างเต็มแรง...พร้อมปลดปล่อยน้ำสีขาวออกมาจากส่วนล่างอย่างง่ายดายตามแรงยั่วนั่น...

ตอนนั้นเค้าดึงผมขึ้นมาจูบอย่างแรง บดเบียดริมฝีปากอย่างบ้าคลั่ง ผมกอดเค้าและลูบไล้ไปทั่วร่างกายตรงหน้าเช่นกัน ความต้องการที่ตรงกันตอนนี้ ถึงจะบินไปชั้นอากาศไหนก็คงไม่ต้องถามกันแล้ว...

สักพักผมรู้ได้ในทันทีว่าเค้าต้องการอะไร ผมพลิกตัวกลับและก้มลงให้เห็นส่วนหลังของผมอย่างชัดเจน...

"อื้มม อี้เฟิง คุณรู้ใจผม"

กัปตันและผมเริ่มมีเหงือผุดขึ้นเล็กๆ ตามร่างกาย เพราะใช้เวลาทำให้ช่องทางด้านหลังพร้อมพอสมควร เค้าเอามือจับที่สะโพกพร้อมกระแทกส่วนของเค้าเข้ามาเต็มแรง...

ไม่ว่าจะพร้อมแค่ไหน ผมก็เจ็บอยู่ดี เพราะผมรู้ว่าเครื่องมือบังคับของกัปตันนั้นใหญ่และรุนแรงมากแค่ไหน

"อ๊าา อ๊าาา อ๊าาา"

"อี้เฟิง อี้เฟิง ผมชอบคุณจัง"

"อ๊าา กัปตัน อ๊าา"

เสียงร่างกายส่วนล่างกระแทกกันดังเหมือนเครื่องบินร่อนลงกระแทกพื้นเพื่อแตะรันเวย์

"อึ๊กกก อึ๊กกก"

ผมแทบขาดใจเมื่อส่วนนั้นถูกใส่เข้ามาจนสุดนับครั้งไม่ถ้วน เที่ยวบินคราวนี้ผมคงไม่มีวันลืม ผมเอาหน้าฟุบลงไปกับเตียงโดยมีกัปตันทับลงมาที่ตัว เหงื่อและของเหลวจากร่างกายสองคนปนเปกันไปหมด คืนนั้นกัปตันไม่ยอมปล่อยผมให้ห่างตัวเลย ดูท่าเค้าจะต้องการนักบินผู้ช่วยอย่างผมมากสินะ...

จนกระทั่งเช้า เมื่อผมแต่งตัวเรียบร้อย เค้าเข้ามาจูบปากผมอย่างรุนแรงอีกรอบและบอกว่า

"เจอกันบนเครื่องนะ ไฟล์ต่อไปนายคือคู่บินชั้น ห้ามไปบินกับคนอื่น ชั้นจะล็อคนายไว้ เข้าใจมั้ย"

ผมเอามือเลื่อนลงไปจับที่เป้ากางเกงเค้า พร้อมบีบมือที่เต็มและแน่นเข้า...

"ระวังนักบินผู้ช่วยจะบังคับกัปตันบ้างนะครับ กับตันเหว่ยถิง!!!"



.....................................จบแล้วคร่า......................................................















วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2559

บอดี้การ์ดหน้าใส กับคุณหนูตัวร้าย...My Pretty Boy (NC17) ตอนจบ

เฉิน เหว่ยถิง : บอดี้การ์ดหนุ่ม ใบหน้าหล่อเหลา ดึงดูดใจ นิสัยเงียบ
ขรึม บางครั้งก็ขี้เล่น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ถูกประธานเคน เก็บมา
เลี้ยงตั้งแต่ 10 ขวบ ไม่รู้ชาติกำเนิดของตัวเอง จำได้เพียงชื่อตัวเองเท่านั้น

หลี่ อี้เฟิง : คุณหนูของบ้านตระกูลหลี่ เป็นลูกคนเดียวของประธานบริษัทผลิตน้ำหอมรายใหญ่ของโลก จึงถูกเรียกว่าคุณหนู นิสัยเอาแต่ใจตัวเอง เพราะถูกตามใจแต่เล็ก รวมทั้งพอแม่เสียตอนอายุ 15 ปี นิสัยนี้ยิ่งเป็นมากขึ้น อยากได้อะไรก็ต้องได้ เอาเงินซื้อทุกอย่าง

ประธาน เคน : ประธานบริษัทหลี่เพอร์ฟูม ทำธุรกิจมากมาย ไม่มีเวลาให้กับลูกชายคนเดียวมากเท่าไหร่นัก เนื่องจากเมียตายจึงเสียใจมากและทุ่มเทกับงาน มีศัตรูมากมายจึงต้องจ้างบอดี้การ์ดดูแลหลายคน


อู๋ อี้ฝาน : ลูกชายของบริษัทอู๋ คู่แข่งคนสำคัญของอี้เฟิง นิสัยร่าเริงสนุกสนาน มองโลกในแง่ดีตลอดเนื่องจากครอบครัวอบอุ่นมากจนบางทีเค้าก็บ่นว่าร้อนเลยที เดียว

แม่ นมเหยียน : ผู้ดูแลความเรียบร้อยในบ้านและอาหารการกินทุกอย่างของคุณหนูอี้เฟิง และเป็นคนดูแลเหว่ยถิงมาตั้งแต่ถูกเก็บมาเลี้ยงที่บ้านตระกูลหลี่



เลขา เทียน : ผู้คอยดูแลเรื่องเกี่ยวกับในบริษัทให้กับคุณหนูหลี่อี้เฟิง และต้องคอยบอกรายละเอียดงานกับบอดี้การ์ดเฉินเหว่ยถิงด้วย เขามักจะเห็นว่าสองคนนี้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งแปลกๆ แต่ก็ยังไม่มั่นใจนัก

ตอนจบ (It should be the last order.)

"ปัง!!! ปัง!!! ปัง!!!" 


"พี่ถิง!!! พี่ถิง ใครก็ได้ ช่วยด้วย!!!"



เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยิน เสียงคุณหนูนี่นา ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก...เท่าที่จำได้ คุณหนูแค่กำลังจะกลับคฤหาสถ์ มีรถมารับ เราตกลงกันแล้วว่าจะขอนายท่านไปอยู่ฝรั่งเศสด้วยกัน แต่จู่ๆ ผมก็รับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณ มีใครกำลังเล็งปืนมาที่คุณหนู และก็เป็นจริง ผมมองรอบด้าน จนกระทั่งเห็นตัวมือปืนมาจากอีกฟากของถนน...

ก่อนที่คุณหนูจะได้รับอันตราย ผมกดตัวคุณหนูให้ต่ำลง เอารถเป็นกำบังไว้ แต่ผมไม่สามารถจะป้องกันตัวเองได้ทัน กระสุนวิ่งตรงเข้ามา และแล้วทุกอย่างก็แทบมืดสนิทไป....


"อี้เฟิง ลูกต้องเข้าใจว่าเหว่ยถิงเค้าผ่าตัดแล้ว แต่อาการยังไม่ดีขึ้น ป๊าก็หาหมอที่ดีและเก่งที่สุดมาแล้ว แต่หมอก็บอกแล้วว่าเราต้องรอ"

"ไม่ ป๊า ผมจะเฝ้าพี่ถิง ผมจะไม่ปล่อยให้เค้าอยู่กับใครที่ไว้ใจไม่ได้"

"แต่เค้าอยู่ใน ICU เราปล่อยให้เป็นหน้าที่หมอเถอะ ถึงเวลาเยี่ยมก็ค่อยไป"

"คุณหนูคะ เชื่อป้าเถอะค่ะ วันนี้คุณหนูก็ไปเฝ้ามาแล้ว พักผ่อนบ้างเถอะค่ะ เดี๋ยวจะไม่สบายไปอีกคน"

คฤหาสถ์หลี่เคนชางในวันนี้ ดูเงียบเหงาเศร้าซึม คงเป็นเพราะคุณหนูหลี่อี้เฟิง ไม่แผลงฤทธิ์อะไรออกมาอีก ตรงกันข้ามเขากลับเงียบมาก จนทุกคนในบ้านไม่มีใครกล้าพูดอะไร...

ผมได้แต่ยืนมองร่างตัวเองและคุณหนูที่มาเฝ้าผมทุกวัน นี่ผมตายไปแล้วเหรอ หรืออะไร ทำไมผมถึงมองเห็นตัวเองมีสายระโยงระยางเต็มไปหมด และคุณหนูก็มาเฝ้าผมอีกเป็นวันที่ 3 หน้าตาดูอิดโรยไปมาก แต่ผมก็ได้เฝ้ามอง ใบหน้าที่ผมคิดถึง ผมอยากจะลุกขึ้นไปกอดคุณหนูแต่ก็ทำไม่ได้

"พี่ถิง!!! พี่ถิง ฟื้นสิ ผมสั่งให้พี่ฟื้น ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ พี่ถิง!!!"

เสียงนั้นดังกังวานไปทั่วห้อง แต่ที่ดังกว่าคือเสียงเครื่องจับชีพจรและความดัน ซึ่งตอนนี้ร้องจนพยาบาลและหมอกรูกันเข้ามาในห้อง......



.................ตี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด.................................................





2 ปีผ่านไป คุณหนูหลี่อี้เฟิงขอท่านประธานเคนไปคุมกิจการของบริษัทที่ฝรั่งเศส เนื่องจากเขาไม่ต้องการทนอยู่กับสิ่งแวดล้อมเดิมๆอีกต่อไป...........


"นี่เลขาเทียน ใครใช้ให้นายตามชั้นมาที่นี่ ชั้นบอกแล้วไง ว่าไม่ต้อง"

"โธ่!!! คุณหนูครับ นี่ก็ปีที่ 2 แล้ว คุณหนูพูดกับผมแบบนี้ทุกวัน ไม่เบื่อหรือไงครับ"

"ก็มันรำคาญนี่นา เห็นหน้านายแล้วมันทำให้ชั้นโมโหทุกครั้ง"

"อะไรกันครับ ผมออกจะน่ารัก สาวๆเมืองน้ำหอมนี่ก็ชอบผมกันทั้งนั้นแหละ"

"นั่นก็เรื่องของนาย ว่าแต่เข้ามานี่มีอะไร บอกแล้วใช่มั้ยเวลาชั้นใช้ความคิด ไม่อยากให้ใครมากวน"

"มีของส่งมาจากคุณอู๋อี้ฝานครับ"


"อะไรของนายนี่นะ ชั้นบอกไปไม่รู้กี่รอบแล้ว ว่าไม่เอาๆ ส่งมาอยู่ได้ทุกเดือนๆ"

"แฮะๆๆ ดูท่าเค้าจะชอบคุณหนูจริงนะครับ แล้วอีกอย่างนี่ก็จะถึงวันเกิดคุณหนูแล้ว คงจะทำเซอร์ไพรส์นะครับ คิดถึงเมื่อก่อนที่...เอ่อ...ไม่มีอะไร นี่ครับคุณหนูของ"

พอแกะของออกมาในนั้นมีเพียงเสื้อผ้าไม่กี่ชุด และการ์ดอีกใบหนึ่ง

"สำหรับอี้เฟิง...

ใกล้วันเกิดแล้วนะ ชั้นรู้ว่าไม่ว่ายังไง นายก็คงไม่ยกโทษให้ชั้นและพ่อ ชั้นทำร้ายจิตใจนาย ในขณะที่พ่อชั้นทำร้ายคนที่นายรัก แต่ตอนนี้พ่อชั้นกำลังรับผลกรรมที่เค้าได้ก่อไว้กับครอบครัวแม่และพี่ถิงแล้ว พ่อป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายแล้วล่ะ ตอนแรกชั้นคิดว่าจะไปเซอร์ไพรส์นายด้วยตัวเอง ถึงแม้ว่านายจะไม่ต้องการ แต่ชั้นก็ยังอยากไป แต่ช่วยไม่ได้เพราะชั้นคงต้องอยู่ดูใจพ่อก่อนที่จะสายเกินไป วันเกิดปีนี้นายคงอยากให้พี่ถิงอยู่ด้วย ปีที่แล้วนายผ่านมันมาได้ยังไงนะ ชั้นแปลกใจมากจริงๆ ชั้นเลยส่งเสื้อผ้าที่พี่ถิงเคยทิ้งไว้ตอนที่นายมาพักที่บ้าน งงล่ะสิ!!! ว่าทำไมถึงเพิ่งส่งมาให้ ก็เป็นของขวัญให้นายไง ชั้นรู้ว่านายอยากได้อะไรมากที่สุดตอนนี้...

รัก...

อู๋อี้ฝาน"


"คุณหนูๆ เป็นอะไรไปครับ ร้องไห้ทำไม???"

"เลขาเทียน ชั้นกลับก่อน มีอะไรไว้ค่อยคุยกันก็แล้วกัน"


...เสื้อผ้าเค้า เสื้อของเค้า...

"พี่ถิง!!!" 

ที่พักกลางกรุงปารีส ท่ามกลางความวุ่นวาย แต่ในห้องพักของคุณหนูหลี่อี้เฟิง ก็เงียบสงบเหมือนเคย เขาไม่ต้องการบอร์ดี้การ์ดอีกแล้ว ไม่มีใครคุ้มครอง ไม่สิ!!! เขาไม่อยากให้ใครมาแทนที่บอร์ดี้การ์ดคนเดิมอีก ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว กี่คืนแล้วที่เขาต้องสะดุ้งตื่นยามดึก เพียงเพื่อเรียกชื่อคนๆเดิมที่ไม่มีอีกต่อไป ไม่งั้นถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาจะต้องได้รับการกอดหรือจูบเพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัย...

เขาหลับตาลงอีกครั้งพร้อมคราบน้ำตา...หลับไปนานจนคิดว่าฝันเห็นพี่ถิงของเขาอีกแล้ว


"คุณหนูครับ คุณหนู!!!"

ลมหายใจอุ่นๆปะทะที่แก้มด้านซ้าย มือที่หยาบเล็กน้อยลูบไล้อยู่ข้างใบหน้า

"พี่ถิง ทำไมพี่ไม่อยู่กับผม ผมบอกแล้วไง พี่จะเป็นของคนอื่นไม่ได้ พี่ต้องเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น"


"พี่ถิงของคุณหนูเชื่อฟังคำสั่งแน่นอนครับ"

ดวงตากลมโตค่อยๆเปิดออก พร้อมตื่นขึ้นมองคนตรงหน้า

"พี่ถิง!!! พี่ถิง!!! พี่จริงๆ พี่จริงๆด้วย"

"โอ๊ยยยย คุณหนูครับ ผมหายใจไม่ออก"

คุณหนูกอดผมเต็มแรง ผมก็คิดถึงคุณหนูมากเช่นกัน คุณหนูกอดแน่นมากพร้อมร้องไห้เหมือนเด็กๆอีกครั้ง

"คุณหนูครับ ผมขอโทษ พี่ถิงกลับมาแล้ว กลับมาหาคุณหนูแล้ว"

"ทำไมๆๆ ทำไมพี่ต้องทิ้งผมไว้ นี่พี่จริงๆเหรอ แล้วตอนนั้นๆ ทำไม"

การกอดเปลี่ยนเป็นการทุบตีผม ตีผมแรงมากแต่ผมไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว ผมรู้ว่าการพลัดพรากจาก โดยที่คุณหนูไม่รู้เรื่องมันทรมานแค่ไหน

"พี่ถิง ทำไมทำแบบนี้ ฮือๆๆ พี่รู้มั้ยว่า 2 ปีนี้มันยากแค่ไหน ผมต้องนอนฝันทุกคืนให้พี่กลับมา เพื่อพบกับความว่างเปล่า"

"โอ๊ยๆๆ ผมรู้ครับ ผมรู้ แต่ผมไม่สามารถทำอะไรได้ ทุกอย่างเป็นความต้องการของแม่ ท่านกลัวว่าผมจะถูกทำร้ายอีก"

"เลยปล่อยให้ผมอยู่คนเดียว โดยที่คิดว่าพี่ตายไปเนี่ยะนะ 2 ปีนะพี่ถิง 2 ปีเลย"

ตอนนี้คุณหนูเริ่มออกแนวโกรธมากกว่าเสียใจแล้ว คุณหนูลุกจากเตียง เดินไปที่กระจกแล้วมองออกไปด้านนอก...

ผมเข้าไปกอดจากด้านหลัง...

"คุณหนูครับ กว่าผมจะหายดีขึ้น ก็เป็นเดือนๆ กระสุนเฉียดที่สำคัญไปหลายจุด ไม่เชื่อดูสิครับ"

ผมแกะกระดุมเสื้อออกให้คุณหนูดู คุณหนูหันมาเห็นรอยแผลเป็นและรอยผ่าตัดหลายรอย พร้อมเอานิ้วมือมาลูบที่แผลเบาๆ

"พี่คงเจ็บมากสินะ แล้วทำไมพอหายถึงไม่บอกผม"

"คุณหนูครับ การลอบยิงคราวนั้น เป็นฝีมือประธานอู๋ เป้าหมายไม่ใช่คุณหนู แต่ว่าเป็นผม ดังนั้นแม่จึงอยากให้ผมหายตัวไปก่อน เพราะกลัวว่าประธานอู๋จะไม่ยอมเลิกรา ผมเลยจำเป็นต้องหายไปสักระยะ"

"อย่าบอกนะ ว่านายอู๋อี้ฝานรู้มาตลอดว่าพี่ไปอยู่ที่ไหน มิน่าในการ์ดนั่น..."

"ครับ รู้ แต่ว่าแม่ก็บอกให้ปิดเอาไว้ก่อน รอเวลาที่เหมาะสม ค่อยให้ผมมาหาคุณหนูได้"

"เวลาที่เหมาะสมเหรอ นี่พี่กับมันรวมหัวกันสินะ"

"โธ่!!! คุณหนูครับ ผมคิดถึงคุณหนูมาก แต่ว่าผมก็ไม่เคยได้อยู่กับแม่มานาน ผมก็อยากจะทนแทนท่าน ส่วนน้องอี้ฝาน เค้าก็ช่วยดูแลคุณหนูอยู่ ผมไว้ใจเค้า"

"ดูแลผม โดยการส่งภาพงานศพพี่มาให้ผมดูเนี่ยะนะ"

"แม่กลัวว่ามันจะไม่สมจริงหน่ะครับ ช่างเถอะ ต่อไปนี้ผมจะมาอยู่กับคุณหนูแล้ว คุณหนูไม่ดีใจเหรอครับ"

ผมกอดคุณหนูเอาไว้แน่น ผมคิดถึงความอบอุ่นนี้มากจริงๆ ผมก้มลงจะจูบปากที่คุ้นเคยอีกครั้ง...คุณหนูผลักผมออก

"ไปเลย พี่ไปอยู่กับมันสิ จะมาอยู่กับผมทำไม"

คุณหนูเดินหนีไปจนผมต้องดึงแขนไว้ แล้วกดจูบลงไปอย่างง่ายดาย โดยคุณหนูไม่สามารถต้านแรงผมได้

"อื้อออออ"

ริมฝีปากอวบอิ่มที่คุ้นเคยนี้ ผมห่างจากมันไปนาน ตอนนี้ได้มาสัมผัสอีกครั้ง ผมจึงไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปอีก ผมคิดถึงคุณหนูตลอดระยะเวลาที่ไม่เจอกัน ผมทะเลาะกับแม่หลายครั้งที่จะมาหาคุณหนูให้ได้ แต่ตอนนี้ผมเป็นอิสระแล้ว ผมไม่ต้องหลบๆซ่อนๆอีกต่อไป

"พี่ถิง ผมคิดถึงพี่มาก"

พอผมถอนปากออก คุณหนูมองหน้าแล้วพูดกับผม

"ผมรู้ครับคุณหนู ผมอยากให้คุณหนูสั่งผมอีก คุณหนูอยากได้อะไร ผมจะทำให้ ผมจะไม่หนีไปไหนอีกแล้ว"

"ถ้างั้น คืนนี้พี่ต้องทำให้ผมมีความสุข"

"ได้ครับ แต่ผมขอทำให้คุณหนูมีความสุขทุกคืนนะครับ"

"ฮึๆ นี่หายไปเรียนคำพูดพวกนี้มาจากนายอี้ฝานรึไง"

"ไม่นะครับ ผมรับคำสั่งคุณหนู คุณหนูก็สั่งผมทุกคืนได้จริงๆ ผมจะเชื่อฟังและรักคุณหนูตลอดไป"

"แหน่ๆๆ พี่ถิง คำพูดแบบนี้เมื่อก่อนพี่พูดไม่เป็นนะ"

"ก็ผมไม่อยากให้คุณหนูเสียใจอีก คุณหนูเสียใจเพราะผมมามากพอแล้ว เอาเป็นว่าคืนนี้ผมรับคำสั่งทำให้คุณหนูมีความสุขครับ!!!"

ผมอุ้มคุณหนูตัวลอยขึ้นแล้วไปวางที่เตียง ปลดปล่อยความต้องการที่โหยหามาตลอด 2 ปี เสื้อผ้าทุกชิ้นถูกถอดออกไปกองที่พื้น ผมไม่รอช้า จูบไปที่ซอกคอไล่ไปจนถึงติ่งหู ขบเล็กน้อยจนคุณหนูร้องเรียกชื่อผมออกมาเบาๆ

"อื้มมม พี่ถิง"

ขาทั้งสองข้างของคุณหนูถูกแยกออกอีกครั้ง ผมค่อยๆจัดท่าทางด้วยความคุ้นเคย คุณหนูเอามือลูบไล้ส่วนอกและบีบไหล่ผมอย่างแรงเมื่อนิ้วมือผมค่อยๆควานหาทางเข้าด้านหลังอย่างช้าๆ

"อึ๊กกก อ๊าาาส์"

ผมค่อยๆสอดใส่ส่วนของผมเข้าไปเมื่อทุกอย่างพร้อม มือขวาลูบส่วนนั้นของคุณหนูด้วยเพื่อกระตุ้นความต้องการของเค้าให้มากขึ้นอีก

"อ๊าาาาส์ พี่ถิง โอ๊ะ!!! พี่ถิง"

ปากผมขบกัดที่ผิวกาย ส่วนมือก็รูดรั้งส่วนล่าง พร้อมด้วยใส่ความต้องการของตัวเองเข้าไปไม่หยุด ทุกอย่างกลับมาพร้อมด้วยความรู้สึกคุ้นเคยอีกครั้ง

"คุณหนูครับ อยากได้อะไรอีกมั้ย"

ผมถามขณะกอดคุณหนูไว้ในอ้อมกอดอีกครั้ง

"ผมสั่งไม่ให้พี่ไปไหนอีกเข้าใจมั้ย พี่ต้องอยู่กับผมตลอดไป"

"ครับคุณหนู!!!"

"พี่ถิงเบื่อมั้ย ที่ผมเอาแต่สั่งพี่"

"ไม่เบื่อหรอกครับ ผมชอบรับคำสั่งมากกว่า"

"งั้นคืนนี้ผมสั่งให้พี่กอดผมไว้แบบนี้จนเช้านะ"

"ผมขอขัดคำสั่งนะครับ เพราะผมคงกอดอย่างเดียวไม่ได้หรอกครับ"

"พี่ถิง!!! กล้าเหรอ"

เสียงหัวเราะที่ผมไม่ได้ยินมานาน กลับมาอีกครั้ง ผมได้กลับมาเป็นบอดี้การ์ดให้คุณหนู ผมจะคุ้มครองและดูแลคุณหนูไปตลอดชีวิตครับ...


.............................จบบริบูรณ์..............................................






วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2559

Battle of love : Against the devil EP.1 (NC-17)

Chain Reaction


"เจ้าชายวาวาล่ะ" ราชาปิศาจวิลเลี่ยมเอ่ยถามทันทีเมื่อกลับจากการสะสาง หรือต้องเรียกว่า ทำลายล้างมากกว่า นักโทษถูกนำกลับมาที่ดาวอาเรสด้วยเพื่อเป็นทาสและบางส่วนถูกจับไปขังไว้ก่อนเพื่อรอคำสั่งอีกครั้งจากราชาผู้เหี้ยมโหด

"พวกข้านำตัวไปไว้ที่ห้ององค์ราชาแล้วขอรับ"

"พวกเจ้าทำร้ายเค้าหรือเปล่า"

"เหตุใดองค์ราชาถึงถามแบบนั้นล่ะขอรับ ทุกครั้งไม่เห็นท่าน...อึ๊ก"

ยังไม่ทันที่ทหารคนนั้นจะได้พูดอะไรต่อ แม้กระทั่งเอ่ยถามเขากลับยังไม่ควรทำ เหตุใดเขาถึงจะปล่อยให้มันมาพล่ามถามอะไรแบบนี้...

ราชาวิลเลี่ยมสะบัดมือครั้งเดียว ศีรษะของทหารคนนั้นก็หลุดออกมากลิ้งอยู่ที่พื้นทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย เหล่าทหารคนอื่นพากันถอยกรูดออกไปจากบริเวณนั้น ปิศาจบริวารบนดาวอาเรสทุกตนต่างพากันหวาดเกรง แต่ไม่คาดคิดว่าการถามด้วยความสงสัยแค่นี้ถึงทำให้ทหารคนสนิทคนนี้ต้องตายอย่างไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งๆที่ปกติ เมื่อกลับจากทำลายดาวอื่นได้ ราชาวิลเลี่ยมก็มักจะอารมณ์ดีและเล่นขบขันบ้างกับเหล่าทหารคนสนิท...

"ใครจะบังอาจสงสัยอะไรอีกมั้ย ข้าถามว่าพวกเจ้าทำร้ายเค้าหรือเปล่า!!!"เสียงคำรามดังก้องอีกครั้ง

"หามิได้ขอรับ พวกเราต้องมัดโซ่และใส่กุญแจมือไว้เพราะเจ้าชายวาวาพยายามจะหลบหนีตลอด"

ทหารคนหนึ่งกล่าวบอกพร้อมก้มหน้าตลอดเวลาเพราะกลัวความผิด

"เขากินอะไรหรือยัง"

"ไม่เลยขอรับ เขาไม่แตะแม้กระทั่งน้ำสักหยด"

"บัดซบๆๆ ไปจัดอาหารแล้วก็น้ำเอาไปไว้ในห้องข้า ก่อนที่ข้าจะถึงห้อง" ฝ่ามือใหญ่ตบหน้าทหารรายตัวโดยที่ทหารเหล่านั้นไม่สามารถโต้เถียงอะไรได้

ราชาวิลเลี่ยมสั่งการทุกอย่าง แล้วก้าวเข้าไปที่ห้องสำคัญห้องหนึ่งก่อน เป็นที่รู้กันว่าถ้าราชาเข้าห้องนี้ห้ามใครรบกวน

"ข้ากลับมาแล้ว ท่านเป็นไงบ้าง"

ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ มีแต่ร่างไร้วิญญาณนอนอยู่บนแท่นศิลา แสงจันทร์จากดวงจันทร์บริวารทั้ง 10 ดวงของดาวอาเรส ทอดส่องสว่างมายังห้องนี้ ทำให้เห็นร่างไร้วิญญาณนั้นผิวขาวเปล่งปลั่งเหมือนจะปล่อยพลังงานออกมาได้

"วันนี้ข้าเหนื่อย ท่านรู้ใช่มั้ยว่าข้าเหนื่อย"

ราชาวิลเลี่ยมเอื้อมมือไปจับข้อมืออันเหี่ยวแห้งนั้นแล้วนั่งลงคุกเข่า...

"ท่านบอกว่าข้าเหี้ยมโหด แต่ท่านเห็นมั้ย ตอนนี้ท่านยังอยู่ได้ก็เพราะความเหี้ยมโหดของข้า สักวันท่านจะต้องตื่นมาเห็นด้วยตาตัวเองว่าข้ายิ่งใหญ่เพียงไร...ใช่มั้ย??? ท่านแม่"

ทั้งห้องยังคงเงียบสงัด ภาพความหลังหลายๆภาพผุดขึ้นมาในหัวเขา แต่มันไม่ใช่อีกต่อไป เจ้าชายวิลเลี่ยมผู้อ่อนโยน บัดนี้ไม่มีอีกแล้ว...

"ข้าไปก่อนล่ะ ไม่รู้ทำไม เห็นหน้าเจ้าชายวาวาแล้ว ข้านึกถึงท่าน...ไม่สิ ช่างเถอะ เจ้าชายวาวาจะต้องถูกทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ เหมือนที่ข้าเคยถูกท่านทำเอาไว้"

แววตาเหี้ยมโหดกลับมาอีกครั้ง ความทรมานที่เขาเคยได้รับ จะต้องถูกส่งต่อให้ ทายาทเทพบาเตสที่มีแต่ความรักและน่าทะนุถนอมคนนั้น ทุกคนจะต้องได้ลิ้มรสความเจ็บปวดที่เขารู้สึก...คอยดูก็แล้วกัน

ราชาวิลเลี่ยมเดินออกจากห้องพร้อมสะบัดผ้าคลุมสีดำผืนใหญ่ ประตูบานใหญ่ก็ปิดเสียงดังลั่นวัง ทหารทุกคนบัดนี้ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งเรื่องของราชาอีก ที่นี่ไม่มีผู้หญิง เพราะผู้หญิงที่ทำร้ายเขาก็คือแม่แท้ๆของเขาเองดังนั้น เขาจึงไม่อยากให้ผู้หญิงเข้ามาวุ่นวายให้เกะกะและทำให้เขานึกถึงเรื่องราวใดๆอีก แต่วันนี้แววตาเจ้าชายวาวา ที่สุกสกาวและใบหน้าสวยงามที่แฝงไว้ด้วยความสุข ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นและหงุดหงิดในใจไปพร้อมกัน...

ประตูห้องนอนใหญ่ถูกเปิดออกอย่างช้าๆ ราชาวิลเลี่ยมก้าวเข้ามาพร้อมด้วยแส้อันใหญ่ เมื่อเขาสะบัดผ้าคลุมทิ้งลงพื้นทำให้ประตู หน้าต่างทุกบานปิดหมด แสงเทียนถูกจุดขึ้นทันทีทั่วห้อง


ร่างที่ดูอิดโรยของเจ้าชายวาวานอนอยู่บนเตียง โดยสองมือถูกใส่กุญแจมือและคล้องโซ่ไว้กับหัวเตียง ผ้าม่านที่ล้อมรอบเตียงนั้นสะบัดเปิดให้เห็นลางๆว่า ร่างกายที่นอนอยู่นั้นดิ้นน้อยๆจนข้อมือแดงและถลอกเพื่อหาทางรอด ใบหน้าซีดขาว ริมฝีปากเริ่มแห้งแตกเพราะร่างกายขาดน้ำ 

ราชาวิลเลี่ยมเห็นแล้วยิ้มในใจ เขาชอบการต่อสู้แบบนี้ คนๆนี้ดูเหมือนจะไม่ยอมแพ้จริงๆ นี่ขนาดแทบไม่มีแรงหนี แต่ก็ยังจะพยายาม...ทันใดนั้น เขาก็ฟาดแส้ไปแหวกม่านที่คลุมออก จนผ้าก็ไปพันไว้กับเสาต้นหนึ่งข้างเตียงอย่างง่ายดาย


"ปล่อย...ปล่อย"

เสียงแผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากปากแห้งๆ มีรอยแตกนิดๆ ของร่างที่นอนอยู่บนเตียง ราชาวิลเลี่ยมเอามือรูดส่วนปลายของแส้ไปมา 

"คิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปง่ายๆหรือยังไง"

เขาก้มหน้าลงไปมองตานักโทษของเขา

"ถุย!!!"

น้ำลายที่มาจากน้ำอันน้อยนิดในปากของเจ้าชายวาวาถูกถ่มใส่หน้าราชาวิลเลี่ยมอย่างแรง ดีนะที่ในปากน้อยๆนี่แทบไม่หลงเหลือน้ำอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นล่ะก็...

"หืมมม เจ้าคิดว่าทำแบบนี้แล้วข้าจะโมโห จนฆ่าเจ้าทิ้งหรือยังไง??? 555 เจ้าผิดแล้วล่ะ"

"ฆ่าข้าสิ ฆ่าข้าเลย จะรออะไร ในเมื่อเจ้าก็ทำลายดาวข้าหมดแล้ว ว่าแต่พ่อแม่ข้าล่ะ???"

ดวงตากลมโตตรงหน้า ถึงจะแทบไม่มีเสียงก็ยังไม่ลดละความพยายามจะโต้เถียง

"ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าตายง่ายๆหรอก จนกว่าเจ้าจะทรมานยิ่งกว่าข้า"

ราชาวิลเลี่ยม ถือแก้วน้ำแล้วราดลงไปบนหน้าของเจ้าชายวาวา อีกฝ่ายแทบจะสำลักเพราะน้ำเข้าปากไปแบบกระทันหัน

"แค่กๆๆ"

"กินน้ำนี่"

ราชาวิลเลี่ยมบีบปากอีกฝ่ายให้อ้าออก พร้อมกรอกน้ำลงไปอีกรอบอย่างไม่รอช้า...เมื่อน้ำหมดแก้ว ก็ประกบปากตามลงไปอีกเอาลิ้นกวาดชอนไชสัมผัสกับความชุ่มชื่นที่เริ่มมีอยู่ทั่วปาก ริมฝีปากแตกได้รับความชุ่มชื่นอีกครั้ง 

"อืมมมม อื้ออออ"

การตั้งรับที่ไม่ตั้งตัวคราวนี้ ส่งผลให้เจ้าชายวาวาไม่คาดคิดว่าจะถูกบังคับจูบอีกครั้ง เขาไม่ต่อต้านเนื่องจากความกระหายน้ำที่มีมาก่อนหน้า และการจู่โจมที่รุนแรงแต่ว่ามีความหวานของลิ้นจากอีกฝ่าย ทำให้ปากเขาเริ่มดูดกลืนริมฝีปากของอีกฝ่ายด้วยความต้องการเช่นกัน จนกระทั่งฝ่ายที่อยู่เหนือกว่าพอใจ จึงถอนปากออก

"อ๊าาา เจ้าก็กระหายข้าเหมือนกันสินะ เจ้าชายวาวา"

"ไม่ ปล่อยข้า ปล่อยข้าสิ"

เมื่อรู้ตัวว่าเผลอใจไปพักหนึ่ง เขาก็เริ่มดิ้นรนอีกครั้ง ตอนนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยหยดน้ำ และริมฝีปากเจ่อแดงจากการได้รับน้ำอีกครั้ง ทำให้ราชาวิลเลี่ยมพอใจในภาพตรงหน้าเป็นอย่างมาก เค้าเอาแส้ขึ้นมาลูบอีกครั้ง

"เทพบาเตส บรรพบุรุษของเจ้า สร้างเจ้ามาให้เป็นตัวแทนแห่งความรักและความสุข ซึ่งข้าไม่เคยรู้จัก แต่จากนี้ เจ้าจะได้รู้ว่า ข้าอยู่มาด้วยความกระหายทางรอด ข้าจะทำให้รู้ว่าความเจ็บปวดนั้นเป็นอย่างไร"

"จะฆ่าก็ลงมือมาเถอะ ข้าไม่คิดว่าจะทำให้เจ้ารู้จักความรักได้หรอกนะ คนเหี้ยมโหดอย่างเจ้าคงไม่มีวันเข้าใจ"

"เจ้าคิดว่าแส้นี่ ข้าจะเอามาฆ่าเจ้างั้นรึ???"

เสียงแส้ฟาดรุนแรงดังขึ้นหลายครั้ง แต่ไม่มีเสียงร้องจากเจ้าชายวาวา ตรงกันข้าม เขากลับตกใจในภาพที่เห็น

"หยุดสิ หยุด ปิศาจร้ายเจ้าทำแบบนี้ทำไม"

"หึๆๆ ข้ามันคือปิศาจร้ายไง 5555"

แส้ถูกฟาดที่หลังของราชาวิลเลี่ยมด้วยน้ำมือเขาเองครั้งแล้วครั้งเล่า โดยที่ราชาปิศาจไม่ร้องออกมาเลยสักนิด มันทำให้เขาเจ็บปวด แต่ก็มีความสุขเพราะเหมือนกับสมัยก่อนที่เขาถูกแม่ทำเช่นนี้เหมือนกัน โดยที่ถูกสอนว่านี่คือความรัก ความสนใจ...

"เจ้าปิศาจ เจ้ามันบ้า บ้าไปแล้ว"

ราชาวิลเลี่ยมโยนแส้ทิ้งไปข้างเตียง แล้วฉีกเสื้อคนตรงหน้าออกอย่างไม่ปราณี ใบหน้าของเขาตอนนี้แทบเหมือนคนบ้าคลั่ง เขาดูดคลึงยอดตุ่มไตตรงหน้า ขบกัดอย่างกระหาย ทำให้เจ้าชายวาวาบิดตัวต่อต้านไปมาอย่างไม่ยินยอม

"อื้อออ ปิศาจ ปิศาจร้าย เจ้า..."

ราชาวิลเลี่ยมยังคงใช้ปากและลิ้นเลียส่วนอกอย่างพึงพอใจ การต่อต้านนี้ไม่มีผลอะไร เพราะถึงอย่างไร มือของเจ้าชายวาวาก็ถูกตรึงเอาไว้ เขาใช้มือลูบไล้ที่ท้องน้อยจนกระทั่งล้วงเข้าไปในกางเกงเพื่อเสาะหาส่วนที่ต้องการ

"หยุด หยุดนะ เจ้า...อ๊าาาาา"

ส่วนล่างถูกเกาะกุม บีบแน่นและเริ่มรูดไปมา โดยที่ราชาวิลเลี่ยมยังคงพอใจที่จะโลมเลียส่วนอกและท้องไปมาเหมือนอาหารมื้อหนึ่ง

ร่างกายขาวอวบตรงหน้าเริ่มไม่ต่อต้าน ปลายเท้าสองข้างจิกที่เตียง ริมฝีปากล่างเริ่มเม้มแน่น....

"อ๊าาา อ๊าาาส์ เจ้า...เจ้า"

"ดูท่าทางเจ้าสิ คงไม่เคยถูกใครทำแบบนี้สินะ ฮึๆ นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น ฮ่าๆๆๆ"



ราชาวิลเลี่ยมหยุดทุกอย่าง แล้วหันไปถอดเสื้อที่ด้านหลังชุ่มไปด้วยเลือดออก ลงจากเตียงแล้วไปหยิบขนมปังมากิน พร้อมกับนั่งเก้าอี้ตัวใหญ่ กับจิบไวน์แดง มองมาที่ผลงานของตัวเอง...

ตอนนี้เจ้าชายวาวายังคงใช้ปลายเท้าถูกันไปมาด้วยตัวเองทั้งๆที่ข้อเท้าถูกตรึงไว้ ร่างกายท่อนบนยังแดงเป็นจ้ำๆ เนินอกถูกกระตุ้นจนเหมือนจะฟูขึ้นกว่าเดิมด้วยการแอ่นตัวของเจ้าของร่าง ลิ้นเลียริมฝีปากเหมือนต้องการการตอบสนอง...

"ปิศาจร้าย ราชาวิลเลี่ยม เจ้ามันคือปิศาจร้าย"

"ฮึๆๆ ใช่ ข้าคือปิศาจร้าย!!!"


ภาพตรงหน้าสวยงามมากในสายตาเขา ความเจ็บปวดจากแส้ที่ด้านหลัง ไม่ระคายผิวเขาเลยสักนิด เพราะมันด้านชาไปหมดแล้ว แต่เขากำลังคิด ถ้าปล่อยมือเล็กๆขาวๆนั่นมาสัมผัสตัว มันจะเป็นยังไงนะ... 

แต่ไม่ว่ายังไง โซ่ที่มัดไว้ก็ทำให้เขารู้ว่า เจ้าชายวาวาจะเป็นเหยื่อที่สวยงามสำหรับเขาต่อไป เขาเคยเจ็บปวดแค่ไหน เขาอยากให้คนตรงหน้าได้รับไปเช่นกัน...

หากในทางตรงกันข้าม ราชาวิลเลี่ยมคงคิดไม่ถึงว่า จริงๆแล้วความรักและความอบอุ่นที่เจ้าชายวาวามี ก็สามารถถ่ายทอดให้เขาได้ด้วยเช่นกัน...


...................................โปรดติดตามตอนต่อไป.................................





















วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2559

พ่อมดน้อยเฟิงเฟิง กับ ร้านเติ๋งเติงขนมหวาน ตอนที่ 4

ตอนที่ 4 แครมบรูว์เล 

เช้าวันเปิดร้านที่แสนวุ่นวายกว่าวันไหนๆที่ผมเคยมีมา ผมบอกให้พ่อมดตัวแสบนี่อาบน้ำแล้วก็อยู่แต่ในห้อง พยายามจะให้เค้าอยู่เฉยๆ เพราะผมจะต้องดูแลลูกค้าและทำงาน เค้าก็จะแต่งชุดพ่อมดลงมา ผมรีบห้าม แล้วเอาชุดใหม่ให้ใส่ กว่าจะแต่งตัวกันได้ก็ทุลักทุเลอีก...จนสุดท้าย พ่อมดน้อยเฟิงเฟิง ก็มานั่งยิ้มเผล่อยู่กับผมที่หน้าร้าน

อ้อ!!! ผมลืมบอกไป ผมมีเด็กฝึกงานที่ร้านคนนึงด้วย ชื่อต้าซุน เค้าจะมาช่วยผมช่วงเช้า แล้วไปเรียนช่วงบ่าย จนจะกลับมาอีกทีช่วงเย็น

พอต้าซุนเปิดประตูเข้ามาก็ต้องตกใจ...

"เอ้ย พี่ถิงครับ นี่พี่รับเด็กใหม่เหรอ"

"เอ่อ เปล่า ญาติผู้น้องหน่ะ มาจากบ้านนอก เค้าชื่อเฟิงเฟิง จะมาขอฝึกงานสักพัก แล้วก็อยู่กับพี่ด้วย"

"เจ้าชายครับ นี่ใครหน่ะ แต่คนๆนี้ก็ไม่มีรังสีของพวกอสูรร้าย" พ่อมดเข้าไปมองต้าซุนตั้งแต่หัวจรดเท้า

"555 ญาติพี่นี่ท่าจะสติไม่ดีนะ ใครหน่ะเจ้าชาย ใครคืออสูรร้าย"

"เฟิงเฟิงไม่ต้องพูดอะไรแล้ว มานี่!!! ต้าซุนฝากหน้าร้านหน่อยนะ"

ผมลากพ่อมดน้อยเข้าไปที่ในครัวหลังร้าน ในนี้พื้นที่ค่อนข้างแคบ แต่ก็จัดเป็นสัดส่วน อุปกรณ์มากมาย วางอย่างเป็นระเบียบ

ผมดึงเค้ามาที่หน้าตู้เย็นใหญ่ พ่อมดน้อยมองท่าทางผมอย่างมึนงง...

"เจ้าชายพาผมมาที่นี่ทำไมครับ"

"เฟิงเฟิง คุณต้องหยุดเรียกผมว่า เจ้าชายนะ"

"อ้าว ก็เจ้าชายเป็นเจ้าชายของเทียนแลนด์ ท่านจะให้ผมเรียกอะไรล่ะครับ"

"ต่อไปนี้เรียกผมว่าพี่ถิง เข้าใจมั้ย"

"พี่ถิง!!! ผมเรียกไม่ได้หรอกครับ"

"ได้สิ ก็ผมให้คุณเรียก ไม่งั้นคนอื่นก็งงกันหมด"

"อุ้ย!!! เจ้าชายครับ นั่นกลิ่นอะไรอ่ะ หอมจัง"

"เฟิงเฟิง ผมบอกให้คุณเรียกว่าพี่ถิงไงล่ะ โอ๊ะ!!! แครมบรูว์เล เกือบลืมแหน่ะว่าทำทิ้งไว้"

ผมรีบไปเอาขนมแครมบรูว์เลที่อบไว้ออกจากเตา ที่จริงเหลือขั้นตอนสุดท้าย คือเอาไฟ Torch มาเป่าด้านบนให้มันเป็นส่วนไหม้ๆ เพื่อกระตุ้นความหอมนิดนึง

พอผมเอาถาดวางกำลังจะเอา Torch เป่าที่หน้าขนม เป่าไปได้อันนึง ก็มีแสงพุ่งเข้ามาจากด้านขวา...

"ลูมอสสสส"

ผมรีบหันขวับไป พ่อมดน้อยกำลังใช้ไม้กายสิทธิ์ของเขา เล็งมาที่ขนมของผม ผมรีบเข้าไปจับข้อมือที่เล็งนั่นไว้แล้วบิดไปด้านข้าง

"โอ๊ย!!! เจ็บๆๆๆ เจ้าชาย เฟิงเฟิงเจ็บ"

"ผมบอกแล้วใช่มั้ย ว่าไม่ให้คุณทำแบบนี้ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะทำยังไง"

"ผมแค่อยากช่วย" พ่อมดน้อยก้มหน้าลงต่ำ

"ถ้าจะช่วยก็ช่วยอยู่เฉยๆ แล้วก็ให้เรียกพี่ถิงไง จำไม่ได้เหรอ"

ผมเผลอตัวเสียงดังใส่เค้าไป โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ แต่ผมร้อนใจกลัวคนอื่นจะสงสัยเหมือนต้าซุนกันหมด

"ผม...ผมขอโทษ"

พ่อมดน้อยเริ่มเสียงสั่นเครือ ผมตกใจ เลยจับหน้าเค้าเงยขึ้น เห็นน้ำตาอาบสองแก้ม

ผมคลายมือออกหลังจากที่บีบไว้แน่น แววตาที่แฝงไว้ด้วยความกลัวกับดวงตาที่กลมโตแต่ตอนนี้น้ำตามาคลอเต็มไปหมด ทำให้ผมรู้สึกผิดอย่างมาก

"เฟิงเฟิง เป็นอะไร ร้องไห้เลยเหรอ"

"ผมไม่รู้ เจ้าชาย...เอ้ย พี่ถิง เฟิงเฟิงขอโทษ"

น้ำตายังคงไหลต่อเนื่องมาเรื่อยๆ จนผมต้องเอากระดาษที่อยู่ใกล้มือมาเช็ดให้

"เอางี้นะ เรามาทำความเข้าใจกันก่อน อย่าเพิ่งร้องไห้ ผมไม่ได้อยากดุหรอก"

"เฟิงเฟิงไม่รู้ เฟิงเฟิงแค่เสียใจ น้ำตามันก็ไหลออกมาเองอ่ะครับ ตอนอยู่เทียนแลนด์ แม่มดต้ามี่ก็ชอบดุ เฟิงเฟิงก็ไม่ร้องนะ แต่วันนี้พอพี่ถิงดุ เฟิงเฟิงใจไม่ดีเลย อย่าดุแบบนี้อีกได้มั้ยครับ"

คนตรงหน้าไม่พูดเปล่า โผเข้ามากอดผมแล้วเริ่มร้องไห้อีกรอบ

"เอาล่ะๆ ไม่ต้องร้องแล้ว" ผมเอามือประคองใบหน้าเค้าแล้วใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาทั้งสองข้าง

"เฟิงเฟิงเรียกพี่ถิงแล้ว เฟิงเฟิงเก็บไม้กายสิทธิ์แล้ว"

เอาล่ะ มานี่ มานั่งนี่ ผมลากเก้าอี้มาให้เค้านั่งแล้วผมก็นั่งข้างๆเค้า

"เฟิงเฟิงดูนะ มนุษย์เราทำขนมนี่ โดยใช้เครื่องมือนี้ เป็นหัวพ่นไฟ เค้าเรียกว่า Torch เอาไว้สำหรับเป่าไฟแบบนี้"

"โหหห มันหอมขึ้นมากเลยครับ ขอเฟิงเฟิงลองทำหน่อยนะ"

ผมจับมือเค้าใช้ Torch และเป่าหน้าแครมบรูว์เลจนเสร็จหมดทุกอัน

"ต่อไปนี้ เราจะต้องเรียนรู้การทำแบบมนุษย์ธรรมดา ถ้าอยากอยู่ด้วยกัน เฟิงเฟิงเป็นญาติผม ผมจะเรียกคุณว่าเฟิงเฟิง แล้วก็เป็นพี่ถิงของคุณนะ"

"ก็ได้ครับ เฟิงเฟิงจะเชื่อฟังเจ้าชาย เอ้ย!!! พี่ถิง แหะๆๆ"

"งั้นเรามาลองชิมแครมบรูว์เลนี่แบบวิธีมนุษย์ธรรมดากันนะ"

ผมหยิบช้อนคันเล็กมาตักขนมนี้ ที่มีลักษณะเหมือนคัสตาร์ดด้านล่าง แต่จะผสมคาราเมลและน้ำตาลด้านบน ที่สำคัญพอเผาไหม้น้ำตาลส่วนบนจะคล้ำขึ้นแต่ก็หอมมาก

"อ่ะ อร่อยมั้ยเฟิงเฟิง"

"อร่อยมากครับ งั้นเฟิงเฟิงแบ่งให้พี่ถิงกินด้วยนะ"

พ่อมดน้อยที่หน้าเปื้อนคราบน้ำตาคนเมื่อกี้ ตอนนี้ใบหน้ามีแต่รอยยิ้ม สงสัยจะได้กินขนมอร่อยแล้วอารมณ์ดีสินะ เค้าตักขนมเหมือนที่ผมทำ มือสั่นนิดๆ เหมือนจะใช้ช้อนไม่คล่องเท่าไหร่ ดูน่ารักมาก...

ผมกินขนมที่เค้าตักให้แล้วอมยิ้ม มันอร่อยมากครับ แต่ไม่รู้เพราะบรรยากาศความน่ารักที่นั่งอยู่ตรงหน้านี่ด้วยมั้ย ที่ทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้ 

พ่อมดน้อยวางช้อนลงแล้วเอามือมากอดคอผมไว้

"งั้นถ้าผมชอบแบบมนุษย์ พี่ถิงเคยบอกไว้ เราต้องทำแบบนี้ใช่มั้ยครับ"

เฟิงเฟิงประกบปากมาที่ปากผมอย่างช้าๆ เริ่มบดเบียดเข้ามาเหมือนชื่นชอบ ความหวานจากแครมบรูว์เลยังติดอยู่ที่ปลายลิ้นเค้าเลย นี่ผมสอนเค้าหรือยังไงนะ ทำไมเค้าถึงได้เริ่มรู้จักเอาปลายลิ้นเข้ามาหยอกเย้าผมได้น่ารักแบบนี้...

ผมปล่อยให้ความหวานของขนมเข้ามาในปากผมต่อไปโดยไม่ได้สนใจโลกภายนอก ผมโอบเอวพ่อมดน้อยเข้ามาใกล้ แล้วบดปากเข้าไปอีกเพื่อตอบสนองเค้า...

ถ้าพ่อมดหยุดเวลาได้ ผมก็อยากเปลี่ยนใจบอกเค้าว่าขอให้เสกคาถาเดี๋ยวนี้เลยนะ เพราะผมว่า ตอนนี้ผมเริ่มอยากมีเค้าอยู่แบบนี้ตลอดไปแล้วล่ะ


.....................................โปรดติดตามตอนต่อไป..................................