Love me=>if you dare
บทที่ 3 Tour Eiffel ตูร์แอฟแฟล หอไอเฟล
ทำยังไงดีครับ ผม"หลี่อี้เฟิง"ไกด์รับจ้างส่วนตัวสำหรับคนจีนที่อยากมาเที่ยวปารีส
ตอนนี้กำลังตกอยู่ในวงล้อมของกอริลล่ายักษ์ ใช่ครับ กอริลล่ายักษ์ !!!
เขาคือ"เฉินเหว่ยถิง" มหาเศรษฐีหนุ่มหน้าใหม่ ที่ผมก็ยังไม่รู้ว่าธุรกิจของเค้าคืออะไร
แต่ตอนนี้เค้ากำลังจะกินมาการองอีกชิ้นแบบที่ต้องกินพร้อมกันกับผมด้วย
ตอนนี้กำลังตกอยู่ในวงล้อมของกอริลล่ายักษ์ ใช่ครับ กอริลล่ายักษ์ !!!
เขาคือ"เฉินเหว่ยถิง" มหาเศรษฐีหนุ่มหน้าใหม่ ที่ผมก็ยังไม่รู้ว่าธุรกิจของเค้าคืออะไร
แต่ตอนนี้เค้ากำลังจะกินมาการองอีกชิ้นแบบที่ต้องกินพร้อมกันกับผมด้วย
"อ้าว ว่าไง เฟิงเฟิง พี่อยากกินรสอื่นด้วย ขอแบบเมื่อกี้อีกชิ้นได้มั้ย"
"เอ่อ...พี่ถิง จะกินอีกเหรอ" ผมถามกลับด้วยความอาย แต่ใจจริงก็อยากกินแบบเมื่อกี้นะ เพราะมันทั้งหวานและอร่อยด้วย อีกฝ่าย เลียริมฝีปากตัวเอง พร้อมบอกว่า
"งั้นขอกินเศษที่เหลือที่ติดอยู่นี่ก่อนแล้วกันนะ"
หลังจากนั้น พี่ถิงก็ก้มลงเลียที่ริมฝีปากผมและเริ่มดูดที่ริมฝีปากล่าง จนพอใจจึงเริ่มรุกล้ำเข้าในปากผม
คราวนี้ผมรู้สึกว่าแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว จึงผลักเขาออกเล็กน้อย พร้อมกับบอกว่า
"พรุ่งนี้พี่จะไปเที่ยวที่ไหน ผมจะได้เตรียมข้อมูลถูก"
"ไปไหน ก็ได้ แล้วแต่เฟิงเฟิงเลย เพราะพรุ่งนี้พี่ว่างจริงๆ ส่วนต้าหลุนก็คงตามงานให้พี่อีกวันสองวันจะกลับ
มีอะไรให้พี่ชิมอีกมั้ยที่ปารีสนี่"
"พรุ่งนี้พี่จะไปเที่ยวที่ไหน ผมจะได้เตรียมข้อมูลถูก"
"ไปไหน ก็ได้ แล้วแต่เฟิงเฟิงเลย เพราะพรุ่งนี้พี่ว่างจริงๆ ส่วนต้าหลุนก็คงตามงานให้พี่อีกวันสองวันจะกลับ
มีอะไรให้พี่ชิมอีกมั้ยที่ปารีสนี่"
ผมแลบลิ้นใส่เขา คราวนี้พี่ถิงทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่ พร้อมกับบอกว่า
"อ่ะ ไม่แกล้งแล้วก็ได้ ไปไหนดีน้า"
เค้าไปทิ้งตัวลงที่โซฟากลางห้อง แล้วก็ทำหน้าครุ่นคิด
"อ้อ นึกออกแล้ว มาปารีสก็ต้องไปหอไอเฟลสิ ใช่ๆ พาพี่ไปชั้นบนสุดของหอไอเฟลเลยนะ พี่อยากไป"
"ได้สิครับ งั้นเดี๋ยวผมไปจองตั๋วขึ้นลิฟท์ของไอเฟลให้ก่อน จะได้ไม่ต้องต่อคิวนานนะ
เค้าไปทิ้งตัวลงที่โซฟากลางห้อง แล้วก็ทำหน้าครุ่นคิด
"อ้อ นึกออกแล้ว มาปารีสก็ต้องไปหอไอเฟลสิ ใช่ๆ พาพี่ไปชั้นบนสุดของหอไอเฟลเลยนะ พี่อยากไป"
"ได้สิครับ งั้นเดี๋ยวผมไปจองตั๋วขึ้นลิฟท์ของไอเฟลให้ก่อน จะได้ไม่ต้องต่อคิวนานนะ
ออกกันไม่ต้องเช้ามากก็ได้ สบายๆ สัก 9 โมงนะครับ แวะหาอะไรทานก่อนแล้วค่อยไป พี่ถิงอยากจะล่องแม่น้ำแซนด์ด้วยเลยมั้ย ผมจะได้ดูไปด้วย แต่ถ้าเราใช้เวลาที่ไอเฟลนาน ก็อาจจะไม่ทันนะ"
"มีที่อื่นมั้ย พี่อยากล่องแม่น้ำวันอื่นหน่ะ อยากชมทิวทัศน์สวยๆแบบไม่ต้องรีบมากกว่า"
"โอเค งั้นเราก็ไปที่ประตูชัยต่อแล้วกันตอนบ่ายๆ จนสุดท้ายก็มาจบที่ซ็องเซลิเซ่พอดี เราก็จะได้เก็บแถวๆนี้หมดก็ดีเหมือนกันครับ"
"มีที่อื่นมั้ย พี่อยากล่องแม่น้ำวันอื่นหน่ะ อยากชมทิวทัศน์สวยๆแบบไม่ต้องรีบมากกว่า"
"โอเค งั้นเราก็ไปที่ประตูชัยต่อแล้วกันตอนบ่ายๆ จนสุดท้ายก็มาจบที่ซ็องเซลิเซ่พอดี เราก็จะได้เก็บแถวๆนี้หมดก็ดีเหมือนกันครับ"
ผมให้ความเห็น แต่คนตรงหน้า ดูเหมือนจะไม่สนใจที่ผมพูด เค้ายังคงมองหน้าผม จนเหมือนมีอะไรติดอยู่
มันทำให้ผมรู้สึกอายนะ
"เฟิงเฟิง ถ้าหมดทริปนี้แล้ว พี่อยากเจอกันอีกมากกว่านี้ได้หรือเปล่า"
ผมอึ้งไป นี่อะไรของเค้าเนี่ยะ ผมอุตส่าห์คิดว่า หมดทริปแล้วผมจะได้หายใจหายคอโล่งสะดวกซะที เวลาอยู่ด้วยกันทีไร ใจผมมันเต้นเหมือนจะระเบิดทุกที ตอนนี้ก็ด้วย!!!
"พี่ไม่กลับจีนเหรอ" คราวนี้เค้าเอามือมาจับมือผมซึ่งยืนอยู่ด้านข้างพร้อมสายตาอ้อนวอน
"เอาน่า ตอบพี่มาก่อน ว่าได้มั้ย พี่อยากเจอเฟิงเฟิงอีก" ผม...ผมควรตอบว่าไงดี
"เฟิงเฟิง ถ้าหมดทริปนี้แล้ว พี่อยากเจอกันอีกมากกว่านี้ได้หรือเปล่า"
ผมอึ้งไป นี่อะไรของเค้าเนี่ยะ ผมอุตส่าห์คิดว่า หมดทริปแล้วผมจะได้หายใจหายคอโล่งสะดวกซะที เวลาอยู่ด้วยกันทีไร ใจผมมันเต้นเหมือนจะระเบิดทุกที ตอนนี้ก็ด้วย!!!
"พี่ไม่กลับจีนเหรอ" คราวนี้เค้าเอามือมาจับมือผมซึ่งยืนอยู่ด้านข้างพร้อมสายตาอ้อนวอน
"เอาน่า ตอบพี่มาก่อน ว่าได้มั้ย พี่อยากเจอเฟิงเฟิงอีก" ผม...ผมควรตอบว่าไงดี
"ถ้า...เอ่อ...ถ้าพี่มา ก็เจอกันได้ ไม่เห็นเป็นไรเลย พี่ถิงก็คือพี่คนนึงที่ผม...เอ่อ...ผมก็สนิทด้วยแล้ว"
"แค่นี้หน่ะเหรอ" คราวนี้เค้ากำลังจะดึงผมลงไป แต่ผมฝืนตัวเอาไว้ พร้อมกับบอกว่า
"ไว้ค่อยคุยกันนะครับ เหลืออีกตั้งหลายวัน ผมไปจองตั๋วกับดูโปรแกรมให้ดีกว่า เจอกันพรุ่งนี้เช้านะครับ"
เสร็จแล้วผมก็ค่อยๆปลดมือเขาออก แล้ววิ่งหายเข้าไปในห้องตัวเอง พร้อมกับใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ
นี่เค้าอยากจะเจอผมอีกเหรอ ตกลงแล้วเค้าคิดยังไงกันแน่นะ>>>
วันนี้ก็เป็นอีกวันนึงที่ผมเหนื่อยมากพอควร พี่ถิงร่าเริงมากเหมือนเด็ก เค้าวิ่งขึ้นวิ่งลงบันไดบนไอเฟลเป็นพันๆขั้น กอริลล่ายักษ์นี่ไม่เหนื่อยเลยรึไงนะ###
หอไอเฟลมี 3 ชั้นครับ ชั้นแรกกับชั้นที่สอง สามารถเดินบันไดขึ้นได้ แต่ก็เหนื่อยเอาการ แล้วค่อยขึ้นลิฟท์ไปชั้นที่ 3 ซึ่งจะสามารถชมวิวที่เห็นกรุงปารีสได้อย่างชัดเจน
กอริลล่ายักษ์ชอบขึ้นที่สูงสินะ 5555 เหมือนเขาดีใจที่ได้มาอยู่ชั้นบนสุด แล้วเขาก็ตะโกนไปอย่างไม่อายคนอื่น
"ผม เฉินเหว่ยถิงนะ วู้ๆๆๆๆ"
"พี่ถิงอ่ะ อายฝรั่งเค้าบ้าง" ผมรีบห้ามปรามเด็กตรงหน้า
ในขณะที่เรากำลังถกเถียงกัน พี่ถิงก็หันไปเห็นหญิงสาวคนนึงที่อยู่บนชั้น3 ด้วย เขาพยายามจะเดินตามไปแล้วเรียก
"ยื่อปา ยื่อปา ใช่มั้ย ยื่อปา เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป รอพี่ด้วย!!!"
แต่หญิงสาวคนนั้นเดินหายไปลงลิฟท์ โดยไม่ได้หันมามองเลย
"ใครเหรอครับพี่???"ผมงงๆกับอาการของพี่ถิง
"เปล่าหรอก พี่คิดว่าเจอคนรู้จักหน่ะ ทำไมไม่หันมานะ เหมือนมากแท้ๆ"
ผมเห็นเขาเงียบไปเลยถามไปว่า
"เดี๋ยวเรารอลงลิฟท์รอบต่อไป แล้วก็ลองไปหาดูอีกทีมั้ยครับ เผื่อจะเจอ"
"ไม่เป็นไรเฟิงเฟิง ช่างมันเถอะ แต่ตอนนี้พี่หิวแล้ว เราไปหาไรกินแล้วก็เที่ยวกันต่อนะ
พี่อยากถ่ายรูปเก็บไว้เยอะๆด้วย"
หลังจากนั้นเราสองคนก็หาอะไรกินง่ายๆ พี่ถิงถ่ายรูปไว้เยอะมาก
หลังจากนั้นเราสองคนก็หาอะไรกินง่ายๆ พี่ถิงถ่ายรูปไว้เยอะมาก
ก่อนที่จะขึ้นรถไฟฟ้าไปยังจตุรัสชาร์ล เดอ โกล เพื่อไปเที่ยวต่อที่ประตูชัย>>>
เมื่อมาถึงประตูชัย ก็บ่ายๆแล้ว ผมจึงอธิบายความสำคัญว่าที่นี่เป็นอนุสรณ์สำหรับสงครามโลกครั้งที่ 1
ด้วยความที่อยู่แถวนี้มานานและเป็นหนึ่งในสิ่งที่ลูกทัวร์ผมส่วนใหญ่ต้องมาอยู่แล้ว
เมื่อมาถึงประตูชัย ก็บ่ายๆแล้ว ผมจึงอธิบายความสำคัญว่าที่นี่เป็นอนุสรณ์สำหรับสงครามโลกครั้งที่ 1
ด้วยความที่อยู่แถวนี้มานานและเป็นหนึ่งในสิ่งที่ลูกทัวร์ผมส่วนใหญ่ต้องมาอยู่แล้ว
ผมจึงรู้และอธิบายละเอียดถึงสถาปัตยกรรมแต่ละส่วนของประตูชัยได้หมด
ว่าส่วนใดหมายถึงอะไร และออกแบบโดยศิลปินคนไหนของฝรั่งเศส
"โอ้โฮ เก่งมาก จำได้ไงหมดเนี่ยะ" พี่ถิงเอ่ยพร้อมกับดูลวดลายรูปปั้นแกะสลักต่างๆ ตามที่ผมบอก
"แหม....ใครๆก็ต้องมากันทั้งนั้น แถมเป็นงานศิลปะ ผมก็ต้องสนใจอยู่แล้ว"
"เฟิงเฟิงนี่ นับวันจะทำให้พี่ทึ่งและอึ้งในตัวเรามากขึ้นเรื่อยๆนะ ทำไมตอนนั้น
"โอ้โฮ เก่งมาก จำได้ไงหมดเนี่ยะ" พี่ถิงเอ่ยพร้อมกับดูลวดลายรูปปั้นแกะสลักต่างๆ ตามที่ผมบอก
"แหม....ใครๆก็ต้องมากันทั้งนั้น แถมเป็นงานศิลปะ ผมก็ต้องสนใจอยู่แล้ว"
"เฟิงเฟิงนี่ นับวันจะทำให้พี่ทึ่งและอึ้งในตัวเรามากขึ้นเรื่อยๆนะ ทำไมตอนนั้น
พี่ถึงไม่เจอเราเลยน้า หลังจากวันนั้นที่เราจูบกัน"
พี่ถิงพูดออกมาทำให้ผมหน้าแดงขึ้นมาทันที เค้าหันมาเห็นแล้วหัวเราะร่า
"เฟิงเฟิง พี่พูดเรื่องจริง จะมาเขินทำไมเนี่ยะ ยิ่งเขินยิ่งน่ารัก 55555"
"พี่ถิง อย่าล้อสิ ว่าแต่ทำไมพี่ถึงหายเงียบไป แถมย้ายบ้านอีก ผมอยากรู้จริงๆนะ
พี่ถิงพูดออกมาทำให้ผมหน้าแดงขึ้นมาทันที เค้าหันมาเห็นแล้วหัวเราะร่า
"เฟิงเฟิง พี่พูดเรื่องจริง จะมาเขินทำไมเนี่ยะ ยิ่งเขินยิ่งน่ารัก 55555"
"พี่ถิง อย่าล้อสิ ว่าแต่ทำไมพี่ถึงหายเงียบไป แถมย้ายบ้านอีก ผมอยากรู้จริงๆนะ
แล้วตกลงยื่อปาคือใครเหรอครับ ใช่น้องสาวพี่มั้ย
ผมเคยคุย we chat กับหม่าเทียน เค้าบอกว่าตอนนั้นที่บ้านพี่มีปัญหาเรื่องน้องสาวที่ชื่อยื่อปาด้วย คนเดียวกันรึเปล่าครับ"
ผมถามเพราะสงสัยมานานแล้ว ตั้งแต่ตอนไปแวร์ซายนั่น คราวนี้พี่ถิงเงียบอีก
ผมถามเพราะสงสัยมานานแล้ว ตั้งแต่ตอนไปแวร์ซายนั่น คราวนี้พี่ถิงเงียบอีก
นี่เค้าจะไม่บอกอะไรผมเลยรึไงนะ
"ถ้าพี่เล่าให้ผมฟัง ผมสัญญาว่าเราจะเจอกันอีกหลังจบทริปตามที่พี่ขอครับ"
"นี่เรากล้าอีกแล้วนะ!!! เมื่อกี้ยังหน้าแดงอยู่เลย ตอนนี้กล้าเอาเรื่องที่พี่เก็บไว้มาต่อรองเลยนะ"
"แล้วพี่จะบอกมั้ยล่ะ ผมไม่อยากคาใจครับ ยังไงผมก็อยากรู้อยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่กันแน่
"ถ้าพี่เล่าให้ผมฟัง ผมสัญญาว่าเราจะเจอกันอีกหลังจบทริปตามที่พี่ขอครับ"
"นี่เรากล้าอีกแล้วนะ!!! เมื่อกี้ยังหน้าแดงอยู่เลย ตอนนี้กล้าเอาเรื่องที่พี่เก็บไว้มาต่อรองเลยนะ"
"แล้วพี่จะบอกมั้ยล่ะ ผมไม่อยากคาใจครับ ยังไงผมก็อยากรู้อยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่กันแน่
เพราะหลังจากวันนั้น ผม...เอ่อ...ผม อยากเจอพี่อีกมากๆเลย แต่พี่ก็ไม่ค่อยมาโรงเรียน"
"นี่ตกลงเฟิงเฟิงจะบอกว่าอยากเจอพี่อีกเหรอ ฮั่นแน่!!! แอบชอบพี่ใช่มั้ยล่า"
"พี่ถิงครับ ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่อง ผมอยากรู้เรื่องพี่มากกว่านะ"
"พี่บอกได้แค่ว่าตอนนี้ยื่อปาหายไป จริงๆตอนเราย้ายบ้านกัน ก็ยังไม่มีอะไรมาก ที่บ้านพี่แค่ย้ายมาทำธุรกิจใหม่กับลุงโจนาธาน เราถึงได้มีวันนี้ ลุงสอนพี่เยอะมากเรื่องธุรกิจ แต่ว่าปีก่อนมีปัญหาที่พี่ยังบอกเฟิงเฟิงไม่ได้
"นี่ตกลงเฟิงเฟิงจะบอกว่าอยากเจอพี่อีกเหรอ ฮั่นแน่!!! แอบชอบพี่ใช่มั้ยล่า"
"พี่ถิงครับ ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่อง ผมอยากรู้เรื่องพี่มากกว่านะ"
"พี่บอกได้แค่ว่าตอนนี้ยื่อปาหายไป จริงๆตอนเราย้ายบ้านกัน ก็ยังไม่มีอะไรมาก ที่บ้านพี่แค่ย้ายมาทำธุรกิจใหม่กับลุงโจนาธาน เราถึงได้มีวันนี้ ลุงสอนพี่เยอะมากเรื่องธุรกิจ แต่ว่าปีก่อนมีปัญหาที่พี่ยังบอกเฟิงเฟิงไม่ได้
แต่เอาเป็นว่า มันทำให้คนที่พี่รักในครอบครัวหายไปอีกคน หลังจากที่พ่อกับแม่พี่ก็ตายไปด้วยอุบัติเหตุก่อนหน้านี้ ตอนนี้นอกจากลุงโจนาธานแล้ว พี่ไม่เหลือใครอีกเลย"
หลังจากพี่ถิงพูดจบ ผมก็พอเข้าใจแล้ว ว่าทำไม เค้าถึงทำหน้ามีปัญหาหนักใจตลอดเวลา และดูเอาแต่ใจ
แต่จริงๆแล้วเค้าซ่อนความเจ็บปวดเสียใจมากมาย ที่คนอื่นคงไม่อาจเข้าใจได้
หลังจากพี่ถิงพูดจบ ผมก็พอเข้าใจแล้ว ว่าทำไม เค้าถึงทำหน้ามีปัญหาหนักใจตลอดเวลา และดูเอาแต่ใจ
แต่จริงๆแล้วเค้าซ่อนความเจ็บปวดเสียใจมากมาย ที่คนอื่นคงไม่อาจเข้าใจได้
ผมเลยคิดว่าไม่ถามต่อจะดีกว่า...
เลยแกล้งบอกไปว่า
"ไปหาขนมกินกันมั้ยครับ แต่บอกก่อนไม่เอามาการองนะ"
ผมต้องรีบพูดดักคอไว้ก่อนที่คนตรงหน้าจะคิดทำอะไรหรือแกล้งผมให้อายอีก พอเย็นเราจึงซื้อขนมกลับไปกิน
เลยแกล้งบอกไปว่า
"ไปหาขนมกินกันมั้ยครับ แต่บอกก่อนไม่เอามาการองนะ"
ผมต้องรีบพูดดักคอไว้ก่อนที่คนตรงหน้าจะคิดทำอะไรหรือแกล้งผมให้อายอีก พอเย็นเราจึงซื้อขนมกลับไปกิน
พอมาถึงห้องที่โรงแรม ตอนนี้เค้าไปคุยโทรศัพท์กับต้าหลุนอย่างเคร่งเครียด
พอเค้าวางสาย ผมเลยตัดสินใจพูดออกไปว่า
พอเค้าวางสาย ผมเลยตัดสินใจพูดออกไปว่า
"พี่ถิง ผม...ผมจะกลับไปเอาเติ่งเติงน้อยที่บ้าน ผมกลัวว่าคืนนี้จะนอนไม่หลับอีก เมื่อคืนก็หลับๆตื่นๆทั้งคืน"
"อะไรนะ!!! นี่นายเห็นตุ๊กตาลิงเน่านั่น สำคัญกว่าคนตรงหน้านี้รึยังไง" คราวนี้เขาดูโมโหและถลึงตาใส่ผม
แค่ผมจะกลับบ้านแค่นี้เอง
"นะๆ นะครับ...ผมกลับไปแป๊บเดียว เดี๋ยวกลับมา บ้านเช่าก็ไม่ได้ไกลมาก และนี่ก็ยังไม่มืดมากเท่าไหร่"
ผมพยายามหว่านล้อม
ผมพยายามหว่านล้อม
"ไม่!!! พี่ไม่ให้ไป"
"น้าาาา ไม่เกินชม.ผมจะกลับมา แถวนี้ถิ่นผม วางใจเถอะ" ถึงแม้ว่าปารีสยามค่ำคืนจะไม่ปลอดภัยมากเท่าไหร่
แต่ผมว่าก็ดีกว่าปล่อยให้ผมอยู่ในนี้ต่อไป
ผมไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้บ้าง ขอออกมาพักหายใจบ้างก็ยังดี
"ไม่ บอกว่าไม่ให้ไป เฟิงเฟิงไม่เข้าใจรึไง" อีกฝ่ายดูไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่
แต่สุดท้ายเถียงกันไปมา จนผมออกมาได้ซะที หัวใจผมค่อยสงบลง>>>
ระหว่างทางเดินกลับโรงแรม ตอนนี้ผมได้เติ่งเติงน้อยมาแล้ว คืนนี้ถ้าไม่มีอะไร ผมคงหลับสบายซะที
ผมจึงเดินอารมณ์ดี โดยลัดเลาะไปด้านหลังถนนช็องเซลิเซ่ เพื่อมุ่งหน้าไปโรงแรม...
เดินไปสักพัก ผมรู้สึกว่าเหมือนมีคน 2-3 คนตามผมมา ผมไม่กล้าหันไปมอง
ได้แต่เดินเร็วขึ้น แต่ฝีเท้าด้านหลังก็ยังเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง พวกมันเข้ามาจับที่ข้อมือผม
และกระชากถุงในมือไป!!!
ผมเห็นหน้าไม่ชัด แต่ทั้งหมดล้วนเป็นคนผิวสี ผมพูดภาษาฝรั่งเศสถามว่าอยากได้อะไรกันแน่
แต่คนกลุ่มนี้ไม่ฟัง คนที่เอาถุงผมไป...โยนไปให้อีกคน พวกมันหยิบมาดูแล้วปาเติ่งเติงน้อยผมทิ้ง
พร้อมทั้งเอาเท้าเหยียบจนมันเละเทะไปหมด
ผมเลยตัดสินใจร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ...
ผมเลยตัดสินใจร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ...
พวกมันเข้ามาปิดปากและล็อคตัวผม เตรียมจะต่อยหน้าผมแล้ววววว ฮือๆๆ ผมยังไม่อยากตายยยยย.....
ทันใดนั้นก็มีตำรวจกลุ่มนึงวิ่งเข้ามา พร้อมด้วยพี่ถิง ใช่!!! พี่ถิงพาตำรวจมา เค้ามาได้ยังไง>>>
เมื่อตำรวจมาถึง คนร้ายก็ปล่อยผมและรีบหนีไป ผมแค่เจ็บที่ข้อมือกับหัวไหล่ที่โดนล็อคเล็กน้อย
ผมบอกรูปพรรณคนร้าย ก่อนตำรวจจะกลับไป ก็บอกว่าน่าจะเป็นพวกไร้บ้านแถวนี้
ถามว่าผมจะฟ้องหรือดำเนินการอะไรมั้ย
แต่ผมคิดว่าช่างมันดีกว่า ในเมื่อไม่มีอะไรหาย เพราะตอนนี้คนที่น่ากลัวกว่าตำรวจ ยืนอยู่ต่อหน้าผมนี่ล่ะครับ
ดังนั้นไม่นานตำรวจจึงกลับไป
แต่ผมคิดว่าช่างมันดีกว่า ในเมื่อไม่มีอะไรหาย เพราะตอนนี้คนที่น่ากลัวกว่าตำรวจ ยืนอยู่ต่อหน้าผมนี่ล่ะครับ
ดังนั้นไม่นานตำรวจจึงกลับไป
แต่ปัญหาตรงหน้าผมสิ พี่ถิงตอนนี้เหมือนกอริลล่ายักษ์ออกอาละวาด
คราวนี้ผมหันไปมองเติ่งเติงน้อยที่บี้แบนเละเทะ...แล้วหันไปมองเค้าอีกทีนึง
คราวนี้ผมหันไปมองเติ่งเติงน้อยที่บี้แบนเละเทะ...แล้วหันไปมองเค้าอีกทีนึง
พี่ถิงไม่พูดอะไร ตรงเข้ามา ฉุดมือผม แล้วก็ลากผมไปจนถึงที่ห้อง เหวี่ยงผมลงไปที่เตียงแล้วตะโกนใส่หน้า
"เป็นไง!!! กล้ามาก กล้าตลอด นายนี่นะ ต้องทำยังไงถึงจะคิดว่าบางเรื่องก็ควรฟังพี่บ้าง"
ตอนนี้หน้าตาพี่ถิงน่ากลัวมาก ผมไม่เคยคิดเลยว่าเวลาเค้าโกรธมันจะน่ากลัวขนาดนี้!!!
"เอ่อ พี่ถิง...ใจเย็นๆก่อนได้มั้ย ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ขอบคุณมากนะครับที่พาตำรวจไป
ว่าแต่พี่รู้ได้ยังไงว่าจะมีเรื่อง สงสารก็แต่เติ่งเติงน้อยเท่านั้นแหละครับ"
"นี่จะไม่รู้สึกเลยใช่มั้ย ที่พี่พูดก็เพราะเป็นห่วง หัดห่วงตัวเองบ้าง
ตอนนี้หน้าตาพี่ถิงน่ากลัวมาก ผมไม่เคยคิดเลยว่าเวลาเค้าโกรธมันจะน่ากลัวขนาดนี้!!!
"เอ่อ พี่ถิง...ใจเย็นๆก่อนได้มั้ย ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ขอบคุณมากนะครับที่พาตำรวจไป
ว่าแต่พี่รู้ได้ยังไงว่าจะมีเรื่อง สงสารก็แต่เติ่งเติงน้อยเท่านั้นแหละครับ"
"นี่จะไม่รู้สึกเลยใช่มั้ย ที่พี่พูดก็เพราะเป็นห่วง หัดห่วงตัวเองบ้าง
ถ้าเฟิงเฟิงเป็นอะไรไป หรือถูกจับไปอีกคน พี่จะทำยังไง!!!"
คราวนี้สีหน้าคนตรงหน้ากลับกลายเป็นเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
"พี่ถิงครับ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ผมไม่เป็นไร พี่ไม่ต้องกลัวหรอก
คราวนี้สีหน้าคนตรงหน้ากลับกลายเป็นเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
"พี่ถิงครับ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ผมไม่เป็นไร พี่ไม่ต้องกลัวหรอก
ตอนนี้แค่เจ็บไหล่กะข้อมือนิดหน่อยเองครับ"
"ต่อไปอย่าไปไหนคนเดียวอีก แล้วก็อยู่ใกล้ๆพี่ไว้ เข้าใจมั้ย???"
"พี่ครับ มันจะเป็นไปได้ยังไง ผมก็ต้องไปเรียน แล้วก็ต้องทำอะไรเองอีกตั้งหลายอย่าง"
"ต่อไปอย่าไปไหนคนเดียวอีก แล้วก็อยู่ใกล้ๆพี่ไว้ เข้าใจมั้ย???"
"พี่ครับ มันจะเป็นไปได้ยังไง ผมก็ต้องไปเรียน แล้วก็ต้องทำอะไรเองอีกตั้งหลายอย่าง"
ผมเถียงออกไปโดยที่ไม่คิดว่า...
ฉับพลันนั้น คนตัวใหญ่จะไม่พูดอะไรต่อ เดินออกจากห้องไป แล้วก็ปิดประตูห้องตัวเองดังปัง!!!
ฉับพลันนั้น คนตัวใหญ่จะไม่พูดอะไรต่อ เดินออกจากห้องไป แล้วก็ปิดประตูห้องตัวเองดังปัง!!!
เหมือนตั้งใจให้ผมรู้ว่าตอนนี้เค้าโกรธผมมากแค่ไหน...
อ่ออ่อย@@@!!! ใจผมตอนนี้แป๊วมากเลยครับ ผมไม่อยากให้เค้าโกรธผมหรอก ผมรู้ว่าเค้าเป็นห่วงมาก
แต่ผมยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้น และทำไมเค้าต้องโกรธขนาดนี้ ผมก็เลยตัดสินใจไปเคาะประตูห้อง
"พี่ถิงครับ พี่เป็นอะไรอ่ะ บอกผมหน่อยสิ ว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่"
ผมยังคงเคาะประตูห้องต่อไป แต่ไม่มีเสียงตอบ ผมเลยลองเอาหูแนบไปกับประตู
อ่ออ่อย@@@!!! ใจผมตอนนี้แป๊วมากเลยครับ ผมไม่อยากให้เค้าโกรธผมหรอก ผมรู้ว่าเค้าเป็นห่วงมาก
แต่ผมยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้น และทำไมเค้าต้องโกรธขนาดนี้ ผมก็เลยตัดสินใจไปเคาะประตูห้อง
"พี่ถิงครับ พี่เป็นอะไรอ่ะ บอกผมหน่อยสิ ว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่"
ผมยังคงเคาะประตูห้องต่อไป แต่ไม่มีเสียงตอบ ผมเลยลองเอาหูแนบไปกับประตู
เหมือนจะได้ยินเสียงอาบน้ำนะ
เลยคงทำให้เค้าไม่ได้ยินผมมั้ง>>>
จังหวะนั้นเองที่ผมกำลังจะเอาหน้าออกจากประตู ประตูก็เปิดออก แล้วก็มีมือใหญ่มาจับข้อมือผม แล้วลากเข้าไปในห้อง ผลักผมเข้าชิดกำแพง จับข้อมือทั้งสองข้างชูขึ้นติดกำแพง แล้วระดมจูบมาที่หน้าผม
เลยคงทำให้เค้าไม่ได้ยินผมมั้ง>>>
จังหวะนั้นเองที่ผมกำลังจะเอาหน้าออกจากประตู ประตูก็เปิดออก แล้วก็มีมือใหญ่มาจับข้อมือผม แล้วลากเข้าไปในห้อง ผลักผมเข้าชิดกำแพง จับข้อมือทั้งสองข้างชูขึ้นติดกำแพง แล้วระดมจูบมาที่หน้าผม
"พี่ถิงๆ อย่าๆๆ ผมเจ็บแขน พี่จะทำอะไร!!!"
"พี่จะทวงค่ากระเป๋าไงล่ะ แค่นี้ไม่เข้าใจรึไง เสื้อผ้าที่ใส่ก็ของพี่ พี่จะเอาคืน!!!"
หลังจากนั้นเค้าก็ยังคงระดมจูบมาที่ซอกคอและแก้มไม่หยุด ผมดิ้นคลุกคลักอยู่ติดกำแพง ผมหันหน้าไปมาต้านทานแรงจูบตรงหน้า จนพอจะพูดออกมาได้
"พี่ถิง ผมไม่ต้องการของพวกนั้น พี่เอาคืนไปสิ"
คราวนี้พี่ถิงหยุด และจ้องหน้าผม ตอนนี้ผมมองที่ตัวเค้าชัดเจนขึ้น ท่อนบนเปลือยเปล่าเหมือนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ด้านล่างมีแค่ผ้าขนหนูสีขาวผืนใหญ่มัดไว้หลวมๆที่เอว...
เค้ายื่นหน้าเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นตัวและสบู่ที่คละเคล้ากันหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ นี่ถ้าเค้าไม่รุนแรงมาก ผมคงเคลิ้มไปอย่างง่ายดาย เพราะร่างกายและแผงอกแน่นตรงหน้า มันช่างปลุกเร้าส่วนล่างของผมจริงๆ
"เฟิงเฟิง จะให้พี่ทำยังไง พี่เป็นห่วง พี่บอกไม่ได้ว่าทำไม
รู้แต่ว่าพี่ไม่อยากให้คนที่พี่อยากอยู่ด้วยหายไปไหนอีกแล้ว"
ผมนิ่งฟัง คราวนี้เค้าจูบเบาๆลงมาที่ปากผม มันต่างจากตอนแรกมาก
เป็นจูบที่บอกให้ผมรู้ว่าเค้าอยากอยู่กับผมจริงๆ
เค้าค่อยๆคลายมือออก แล้วเอามาจับไว้ข้างหน้าอย่างหลวมๆ ผมเลยตัดสินใจถามออกไป
"พี่ถิง พี่ต้องการผมจริงๆเหรอ" นี่ผมกล้าอีกแล้ว!!! กล้ามากสินะที่พูดสิ่งที่อยากรู้ที่สุดตอนนี้ออกไป
โปรดติดตามตอนต่อไป........