วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ลิขิตแห่งฟ้า ใต้หล้านี้เพื่อเธอ ตอนที่ 2

"ภาพที่เห็น อาจไม่เป็นอย่างที่คิด"




ตอนที่ 2 องค์หญิงอู๋อี้


                  เช้านี้มีแต่ความตึงเครียดมากกว่าเช้าวันไหนๆ เค้ารู้ดีว่า การปกปิดแบบนี้ยิ่งทำให้คนตรงหน้าโกรธเคืองมากขึ้น แต่เขาไม่ได้คิดจะปิดบังนะ เขาแค่รู้สึกว่าจะจัดการปัญหานี้เอง เพราะยังไงเขาก็ไม่รับคนอื่นเข้ามาเพื่อเป็นราชินีอยู่แล้ว เขาทำไม่ได้ ในเมื่อเขาสองคนรักกัน ราชาถิงยื่อจึงจับข้อมือน้อยๆที่เพิ่งจะปาจดหมายใส่เขาไว้ แล้วปาดน้ำตาคนตรงหน้าอย่างแผ่วเบา

"เฟิงเฟิง ข้าไม่ได้อยากจะปกปิดเจ้านะ แต่ข้าคิดว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยก่อนที่นางจะมาถึงด้วยซ้ำ เจ้าอย่าเพิ่งเข้าใจผิดสิ"

"หมายความว่าไง เจ้าจะไม่รับนางมาเป็นราชินีเหรอ???"

"ข้าจะรับได้ยังไงก็ข้ามีเจ้าอยู่แล้ว หรือว่าเจ้าจะรับดีล่ะ"

คนตรงหน้าหลุดขำ เอามือเล็กๆที่กำอยู่ ชกมาที่เขาทีนึง

"ถิงยื่อ เจ้าจะบ้ารึไง ข้าจะไปรับนางมาเป็นสนมได้ไง ในเมื่อ...."

"ในเมื่อ...อะไร ในเมื่อเจ้าก็เหมือนเป็นฮูหยินข้าใช่มั้ย เอ๊ะ หรือข้าเป็นฮูหยินเจ้า 55555"

"ถิงยื่อ เจ้าหน่ะ มัวแต่ขำ เรื่องนี้มันไม่ใช่ว่าเราจะรับหรือไม่รับ แต่มันหมายถึงเรื่องราวของสองดินแดนเลยนะ"


"ข้ารู้ดี จึงเขียนจดหมายตอบไปแล้ว เพื่อให้ราชาของดินแดนซารับรู้ เราจะรับของกำนัลทั้งหมดเอาไว้เพื่อรับไมตรี แต่ว่าองค์หญิงนั้น เดินทางมาไกล เราจึงจะต้อนรับอย่างดี และให้ท่านพำนักก่อนค่อยส่งกลับพร้อมของเชื่อมสัมพันธ์ แบบนี้เจ้าว่าดีมั้ยล่ะ"

เจ้าว่าดีก็ดี แต่ทีหลังอย่าปิดข้า เข้าใจมั้ย??? เราปกครองดินแดนร่วมกัน ถึงแม้ว่าเรื่องการเมืองการปกครองอะไร ข้าจะไม่เก่งเท่าเจ้า แต่ว่าข้าก็อยากช่วยเจ้าแบ่งเบาด้วยเหมือนกัน

ถิงยื่อรู้สึกผิดหรือว่าอะไรไม่ทราบได้ หลังจากที่เค้ากอดเฟิงเยว่เอาไว้แน่น วันนั้นทั้งวัน เค้าก็เฝ้าคอยเอาใจ พูดคุยอยู่ไม่ห่าง หากแต่ว่าเฟิงเยว่ยังอดห่วงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อมาไม่ได้ โดยเฉพาะถ้าองค์หญิงแห่งดินแดนซามาถึงแล้ว จะเป็นยังไงต่อไป....


อีกสามวันให้หลังขบวนรับเสด็จขององค์หญิงแห่งดินแดนซาก็มาถึง ภายในเขตวังดินแดนยื่ออ้ายเยว่ ก็เตรียมการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ สองราชาแต่งกายด้วยสีที่ตัวเองชื่นชอบเพื่อให้เป็นคู่กัน มีลวดลายเล็กๆบนผ้าแบบเดียวกันด้วย ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องนึกชื่นชมความงดงามของทั้งสองอยู่ในใจ



เมื่อขบวนเกี้ยวมาถึงหน้าวัง ทั้งสองก็นั่งอยู่บนบัลลังก์เคียงข้างกันเพื่อรอการถวายคำนับซึ่งเป็นประเพณีที่ทุกดินแดนทำเหมือนกันหมด...


องค์หญิงแห่งดินแดนซา แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหมดจดเป็นสีเหลืองที่เป็นสีสัญลักษณ์ของดินแดนซา
ในสายตาของทุกคนในวังล้วนตกตะลึงในความงามขององค์หญิงเมื่อเดินผ่านเส้นทางเพื่อคำนับราชาทั้งสอง...


ข้าน้อยอู๋อี้ ขอถวายคำนับแด่ราชาถิงยื่อและราชาเฟิงเยว่ ท่านพ่อได้ฝากของเชื่อมสัมพันธไมตรีมายังดินแดนยื่ออ้ายเยว่ของพวกท่านและหวังว่าพวกท่านจะตอบรับมิตรจากพวกเราชาวดินแดนซา


หามิได้องค์หญิง อันของกำนัลเชื่อมสัมพันธ์ทั้งหมดนั้น เราและเฟิงเยว่จะรับไว้ และยินดีให้องค์หญิงพำนักที่นี่ได้อย่างสบายใจ ดินแดนของเรากว้างใหญ่และมีธรรมชาติสวยงาม ขอให้ท่านเที่ยวชมก่อน ข้าจะให้ท่านแม่ทัพกวงเมาพาท่านไปท่องเที่ยวตามแต่ท่านต้องการ

ราชาถิงยื่อตอบรับไมตรี และจัดการเรื่องทุกอย่างภายใต้คำพูดที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ในความรู้สึกขององค์หญิงอู๋อี้ นางรู้สึกได้ว่าราชาถิงยื่อไม่สนใจในตัวนางเลย ไม่ว่าจะเป็นคำพูดและหน้าตา หาได้หยุดอยู่ที่นางไม่....

ส่วนราชาเฟิงเยว่ถึงแม้จะดูสนใจในตัวนาง แต่เหมือนเพ่งพินิจเพื่อหาอะไรมากกว่าการตกตะลึงเช่นคนอื่นในห้องนี้ ตรงกันข้ามกับแม่ทัพใหญ่ด้านข้างที่มองนางเหมือนผู้ชายหลายๆคนที่เห็นนาง ทั่วทั้งดินแดนซา ไม่เคยมีใครไม่พอใจในตัวนาง ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเท่าใดนัก...


ข้าแต่ท่านราชาทั้งสอง ไม่ทราบว่าท่านได้รับจดหมายบอกข่าวจากท่านพ่อก่อนแล้วหรือไม่ ข้าน้อยอู๋อี้ หาได้มาที่นี่เพื่อเที่ยวเล่น ข้ามาเพื่อเป็นของกำนัลหนึ่งจากดินแดนซาด้วยเช่นกัน

ก่อนที่ราชาถิงยื่อจะพูดอะไรออกมา ราชาเฟิงเยว่รีบแย่งพูดขึ้นก่อนว่า

เรื่องนั้น ไว้ค่อยคุยกันจะดีกว่า ตอนนี้ท่านมาเหนื่อยๆ ข้าได้ให้นางกำนัลจัดห้องไว้ให้ท่านแล้ว ดินแดนซาไม่ค่อยมีธรรมชาติแบบที่นี่ ข้าเลยไม่แน่ใจว่าท่านจะพอใจหรือไม่ ถ้ามีอะไรที่ดินแดนยื่ออ้ายเยว่ทำให้ท่านไม่พอใจ ขอให้ท่านบอกข้าได้เลยนะ เรื่องภายในวังนี้ ข้าเป็นผู้รับผิดชอบเอง

ถ้ามีใครสังเกตใบหน้าที่กำลังก้มหน้าคำนับและมือที่กำลังกำแน่นขององค์หญิงอู๋อี้ จะเห็นได้ว่านางกำลังโกรธ อะไรกัน!!! ท่านพ่อส่งข้ามาให้พวกท่าน แต่ทำไมถึงได้รู้สึกว่าราชาทั้งสองไม่มีใครสนใจข้าเลยนะ...

องค์หญิงอู๋อี้ถูกนำทางมายังห้องพักอีกปีกหนึ่งของวัง โดยมีผิงอัน เป็นคนมาส่งและคอยดูแลความเรียบร้อย เนื่องจากเฟิงเยว่ไม่ไว้ใจคนอื่นให้ทำหน้าที่นี้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เค้าต้องการให้ผิงอันสังเกตความเคลื่อนไหวและสอดส่องความผิดปกตขององค์หญิงมาบอกแก่เขามากกว่า


นี่เจ้า ห้องพักฝั่งนี้กับฝั่งโน้น มันต่างกันยังไง ทำไมไม่ให้ข้าพักฝั่งโน้นล่ะ

เรียนองค์หญิง ทางด้านโน้นคือห้องแห่งจันทราเจ้าค่ะ เป็นที่พักของราชาทั้งสอง คิดว่าคงไม่สะดวกเท่าไหร่ ราชาเฟิงเยว่เลยให้ท่านพักฝั่งนี้ซึ่งเอาไว้ต้อนรับแขกจะดีกว่าเจ้าค่ะ

นี่พวกเค้าคิดว่าข้าเป็นแขกหรือยังไง ทำแบบนี้หมายความว่าอะไรกันแน่

ข้าน้อยไม่ทราบได้เจ้าค่ะ ข้าน้อยชื่อผิงอัน หากมีอันใดที่องค์หญิงต้องการเรียกใช้สอยก็เรียกข้าได้เลยนะเจ้าคะ ท่านราชาเฟิงเยว่สั่งไว้ว่าให้องค์หญิงพักผ่อนก่อน ช่วงค่ำจะมีงานเลี้ยงต้อนรับ แล้วข้าจะมาช่วยดูแลเรื่องการแต่งกายอีกครั้งนะเจ้าคะ

ไปเถอะ จะไปไหนก็ไป ข้าอยากพักผ่อน

หลังจากนั้นผิงอันก็ไปที่ห้องแห่งจันทราเพื่อรายงานให้เฟิงเยว่รับทราบถึงสิ่งที่นางเจอมา...
ไม่เห็นจะน่ารักเลยเจ้าค่ะ สวยก็ไม่สวย สู้ราชินีของผิงอันก็ไม่ได้ สวยกว่าอีกเป็นไหนๆ

ผิงอัน เจ้านี่ ชักจะมากไปแล้วนะ ข้าให้ไปดูว่านางเป็นยังไง อยู่สบายดีมั้ย มีอะไรน่าสงสัยหรือเปล่า ไม่ใช่ให้มาตำหนินางแบบนี้

ก็มันจริงนิเจ้าคะ ถามมาได้ ว่าทำไมให้มาอยู่ที่นี่ ตัวเองเป็นใคร คิดจะมาอยู่ห้องแห่งจันทราฝั่งนี้ เชอะ!!! ฝันไปเถอะ

เจ้านี่น้า.....ตกลงที่ข้าให้ไปดูแลความเรียบร้อยนี่เป็นยังไง แล้วนางตำหนิอะไรเรื่องห้องพักหรือเปล่า ข้าไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาด

ก็ไม่นิเจ้าคะ นางไม่เห็นบ่นอะไร หรือถึงจะบ่น ข้าน้อยก็ว่านางเรื่องมากไปเอง เพราะว่าที่ท่านสั่งให้จัดการ ห้องพักนั่นก็สบายมากๆแล้วนะเจ้าคะ


คืนนั้นที่วังยื่ออ้ายเยว่ ได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับองค์หญิงแห่งดินแดนซาอย่างเอิกเกริก องค์หญิงลอบสังเกตราชาทั้งสองว่าแต่ละคนมีท่าทีกับนางยังไงกันแน่

ดูเหมือนราชาถิงยื่อจะเป็นคนง่ายๆสบายๆเข้าหาได้ง่ายกว่า ส่วนราชาเฟิงเยว่นั้นไม่ต้องพูดถึง นางรู้สึกไม่ถูกชะตาเอามากๆ เพราะเค้าดูจะคอยจับตาและจ้องจับผิดนางตลอด

นางจะต้องรีบพูดเรื่องที่จะถวายตัวเข้ามาให้ได้ เพื่อที่ว่าดินแดนซาจะได้ปลอดภัยและท่านพ่อของนางที่กำลังป่วยจะได้วางใจซะที ดีไม่ดีนางคิดว่านางจะได้เป็นราชินีแห่งดินแดนนี้ ดินแดนซาก็จะสบายไปตลอดกาล ดังนั้นทางที่จะเป็นไปได้มากที่สุดคือ...ราชาถิงยื่อ....



ณ ห้องแห่งจันทรา...
ขณะที่ทั้งสองราชากำลังถอดจิตเพื่อคุยกับราชาเทียนอวิ๋นและราชินีเซียงยื่อแห่งดินแดนอวิ๋น เกี่ยวกับหลานคนใหม่และถามไถ่สารทุกข์กันตามประสาพี่น้อง

พี่เฟิงเยว่ ถ้าหากว่าพี่ถิงยื่อไปหลงองค์หญิงจากดินแดนซาล่ะก็ท่านมาบอกข้าเลยนะ ข้าจะไปจัดการให้

เซียงเซียง เจ้าจะเป็นแม่คนอยู่แล้ว ยังจะพูดจาไร้สาระแบบนี้อยู่ได้ จะพลอยทำให้ข้าเดือดร้อนทุกทีนะ น้องคนนี้ เทียนอวิ๋น เจ้าทนนางไหวได้ยังไงกันนะ 555”

ราชาถิงยื่อผู้ซึ่งโต้เถียงกับน้องสาวคนนี้มาแต่ไหนแต่ไร กล่าวขึ้นแบบติดตลก

ถิงยื่อข้าว่าเจ้าก็อย่าประมาทจะดีกว่านะ จำได้มั้ยคราวก่อนที่หลิงมู่ พวกเราก็ไม่รู้ที่มาที่ไปว่าเป็นยังไง คนดินแดนอื่นๆเหล่านี้มีความสามารถเฉพาะตัว โดยเฉพาะคนดินแดนซา เจ้าต้องระวัง เค้ามีทรัพยากรที่เราไม่มีมากมาย ไม่อาจหยั่งรู้ได้

ใช่ๆ พี่ถิงถิง ข้าว่านะ ท่านต้องระวังนางด้วย มาแบบนี้ไม่รู้ว่าจะมีอะไรแอบแฝง ส่วนพี่เฟิงเยว่ของข้า นับวันท่านจะสวยและน่ารักขึ้นทุกวัน ไว้ท่านต้องมาเยี่ยมข้ากับลูกด้วยนะ

เฟิงเยว่เห็นหน้าเซียงยื่อมีความสุข เค้าก็รู้สึกว่าคนเป็นแม่นี่ช่างมีใบหน้าที่บ่งบอกได้ถึงความสุขจริงๆ ส่วนตัวเขานั้น เกิดมาเป็นชาย แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่ทั้งร่างกายและตัวเขากลายเป็นแบบนี้ เขาก็ไม่โทษใครแต่ก็แค่น้อยใจในโชคชะตาที่ไม่สามารถรับความรู้สึกแบบนั้นได้

เซียงเซียงข้าต้องไปเยี่ยมเจ้าแน่ๆ อีกแค่ 3 เดือนเจ้าก็คลอดแล้ว พวกเจ้าตั้งชื่อกันรึยังล่ะ

คนดินแดนเหนือฟ้า ให้กำเนิดทารกใช้เวลาแค่ 3 เดือน รวดเร็วมาก แต่ว่าไม่ได้มีการเพิ่มประชากรได้เร็วเท่าใดนัก เพราะกว่าที่จะสามารถท้องได้แต่ละครั้ง ต้องเป็นความต้องการของเจ้าแม่หนี่วาร์ด้วย พวกเค้าเชื่อว่าต้องทำความดีสะสมมากพอ จึงจะสามารถให้กำเนิดทารกได้

ยังเลย ข้ารอท่านกับพี่ใหญ่มาตั้งให้แล้วกันนะ พี่ใหญ่ ท่านอย่าลืมที่ข้าบอก ดูแลพี่เฟิงเยว่ให้ดี ถ้าท่านเหลวไหลข้าจะอุ้มลูกไปจัดการกับพี่เลยนะ

หลังจากนั้นภายในห้องแห่งจันทราก็เข้าสู่ความเงียบอีกครั้งนึง...
เฟิงเยว่ยังคงเงียบไป เค้ามีเรื่องต้องคิดอีกแล้ว ทั้งเรื่ององค์หญิง เรื่องลูกและก็อะไรอีกหลายอย่างที่ยังกังวลอยู่ในใจ...

เฟิงเฟิง เจ้าเป็นอะไร เจ้าอย่าเงียบสิ เจ้าคิดว่าข้าจะเหลวไหลเหมือนที่เซียงยื่อบอกรึยังไง

ถิงถิง ข้าแค่รู้สึกกลัว ข้าไม่เคยคิดว่าจะตกอยู่ในสถานะที่จะต้องรู้สึกแบบนี้

เฟิงเยว่เดินมานั่งที่เตียงแล้วถอนหายใจ

ไม่เอาสิ เฟิงเฟิงของข้า เป็นคนเก่งจะตาย เจ้าไม่เคยกลัวอะไรนี่นา เมื่อก่อนข้าต่างหากที่กลัวเจ้า เวลาเจ้าทำตาสีน้ำเงินนะ น่ากลัวมากเลย

ถิงยื่อลงไปนั่งข้างๆ พร้อมกับจับมือเฟิงเยว่เอาไว้
เจ้าหน่ะเหรอกลัวข้า ข้าไม่เชื่อหรอก เห็นเจ้าท้าทายข้าหยั่งกับอะไร

ก็ดูตาเจ้าสิ ตอนนี้ก็ฟ้าดีๆอยู่หรอก แต่พอเจ้ามองข้าแบบโกรธๆนะ ข้ากลัวทุกทีเลย ตกลงเมื่อก่อนนั่นเจ้าโกรธข้าหรือว่าเขินข้ากันแน่

เฟิงเยว่หันไปเปลี่ยนตาเป็นสีน้ำเงินเข้มใส่ เพราะอดค้อนเค้าไม่ได้ ถ้าเอาเรื่องเก่ามาพูด เค้าซะอีกที่ต้องเขิน ตอนแรกคิดจะเอาชนะคนตรงหน้า แต่ไปๆมาๆกลับไปรักเค้าได้ แถมตอนนี้กลับตกอยู่ในสภาวะที่เขาก็ไม่รู้ว่าจะอึดอัดแบบนี้ไปอีกนานมั้ย

เฟิงเฟิง ดูตาเจ้าสิ น่ากลัวอีกแล้ว เอาล่ะๆ เจ้าอย่าทำตาดุใส่ข้าเลยนะ มามะ ข้าจะปลอบเจ้าให้หายโกรธเอง

หลังจากนั้นถิงยื่อก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้พร้อมกับพยายามจะจูบ แต่ตอนนี้เฟิงเยว่ยังรู้สึกว่าตัวเองอารมณ์ไม่ดีสักเท่าไหร่นัก จึงเอามือพลักปากเขาออกไป

ถิงถิง อย่าสิ ข้าไม่อยากเล่นกับเจ้านะ
อะไรกัน ข้าอยากจูบคนที่ข้ารัก นี่เจ้าหาว่าข้าเล่นเหรอ
ก็เจ้าหน่ะ ชอบทำเหมือนกับว่าทุกเรื่องมันง่ายๆ ยังไงเจ้าก็แก้ได้หมด ดูอย่างวันนี้สิ องค์หญิงอู๋อี้คิดยังไงเจ้าก็น่าจะมองออก เจ้ายังให้ข้าไม่คิดอะไรเลยได้เหรอ

คิดอะไร ใครจะคิดอะไรก็ช่างเค้าสิ ข้ารักเจ้าก็พอแล้วนี่นา คนอื่นข้าไม่เคยจะสนใจ

ไม่ได้หรอกถิงถิง นางมองข้าเหมือนกับจะบอกว่า นางต้องการมายึดครองเจ้าและดินแดนนี้ ข้ารู้สึกได้จริงๆ

เฟิงเฟิง เจ้าก็คิดมากไป แต่ถึงนางจะอยากทำแบบนั้น ข้าไม่ยอมซะอย่างนางจะมาทำอะไรได้

เจ้าเนี่ยนะ ไม่ยอม แค่เห็นนาง เจ้าก็ชอบแล้วล่ะสิ ข้ารู้หรอกนะ

เฟิงเฟิง ถ้าเจ้าจะหาเรื่องข้า แล้วก็ไม่อยากให้ข้ายุ่งกับเจ้าวันนี้ข้าก็ไม่ว่า แต่เจ้าอย่ามาเหมาเอาว่าใครๆก็ต้องชอบนางสิ ถ้าเจ้าไม่เชื่อใจข้า ข้าก็หมดคำพูด

คนตัวใหญ่ลุกขึ้น เขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ เขารักเฟิงเยว่แบบไม่มีข้อสงสัย อีกอย่างต่อให้มีผู้หญิงสวยมายั่วเขาตรงหน้า องค์หญิงแคว้นดินแดนไหน เขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิด

ถิงถิง เจ้าจะไปไหน
เขารู้สึกว่าเฟิงเยว่เริ่มเสียงอ่อนลงแล้ว เขาจึงเริ่มรู้ว่าเขาจะเป็นฝ่ายได้เปรียบแล้วตอนนี้....เขาจึงเริ่มเดินแบบไม่เร็วนัก ทำท่าจะออกประตูไป
และเป็นไปตามคาด เฟิงเยว่วิ่งมากอดเขาจากด้านหลัง พร้อมกับพูดและเริ่มร้องไห้

ถิงถิง ไม่ๆๆ ข้าขอโทษ ข้าเชื่อเจ้า ข้าเชื่อใจเจ้า จริงๆนะ เพียงแต่...พักนี้ข้าเป็นอะไรก็ไม่รู้ มันหลายเรื่องมาก ยิ่งข้าเห็นท่าทางขององค์หญิงอู๋อี้ที่มองเจ้า ข้ายิ่งไม่ชอบใจ เจ้าอย่าไปไหนเลยนะ อยู่กับข้าก่อน

ถิงยื่อไม่รอช้า เขารู้แล้วว่าเขาจะใช้จังหวะนี้ได้เปรียบได้ยังไง 555
เขาหันไปกอดร่างกายที่อวบอัด แน่นกำลังพอดีตรงหน้านี้ ถึงแม้พักนี้เฟิงเยว่จะผอมลงไปบ้าง แต่ก็ยังเป็นร่างกายที่เขาชอบและอยากสัมผัสเหมือนเดิมอยู่ดี

เฟิงเฟิง พักนี้เจ้าขี้แยนะ เป็นอะไร เดี๋ยวๆก็ร้องไห้ เดี๋ยวๆก็น้อยใจ นี่เจ้าเริ่มจะเป็นผู้หญิงมากขึ้นอีกแล้วนะ รู้ตัวมั้ย!!!

ฮืออออ ถิงถิง ข้า....ข้ารักเจ้านะ ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้ามีใครอีก แค่คิดว่าถ้านางมาเป็นราชินีเจ้าได้ เจ้าก็จะมีพร้อมทุกอย่าง ข้าก็ปวดใจมากๆแล้ว ข้าไม่ได้อยากจะเป็นแบบนี้

เอาล่ะๆ คืนนี้เจ้าพูดให้ข้าฟังหมดแล้ว ข้าเข้าใจทุกอย่าง หยุดร้องนะ ข้าขอสาบานต่อฟ้า เหมือนที่ข้าเคยสาบาน ข้ารักเจ้าและมีเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น ถ้าหากข้าผิดคำสาบาน ขอให้....

ก่อนที่ถิงยื่อจะสาบานจบ เฟิงเยว่ก็ยืดตัวขึ้น จูบที่ปากเขาอย่างนุ่มนวล มือที่โอบไว้ที่เอวของเฟิงเยว่ ได้ถูกโอบกระชับมากขึ้น ริมฝีปากประกบกันและเคล้าคลึงไปมา ถิงยื่อรู้สึกได้ถึงพลังแห่งจันทราของเฟิงเยว่อีกแล้ว มันทำให้เขาเย็นสบาย เขาจึงชอบที่จะจูบและกอดกับคนตรงหน้า เพราะมันทำให้เขาสบายทุกครั้งแบบที่ไม่มีใครทำได้ นี่ไงล่ะ เฟิงเยว่ยังไม่เชื่อเขาอีกเหรอว่าเขามีคนอื่นไม่ได้จริงๆ ต้องเป็นเฟิงเยว่เท่านั้น คนเดียวเท่านั้นจริงๆ...

ถิงยื่ออุ้มเฟิงเยว่ไปวางที่เตียง แล้วค่อยๆถอดชุดออก เผยให้เห็นร่างกายขาวผ่องตรงหน้าอีกครั้ง คราบน้ำตายังคงหลงเหลืออยู่บนใบหน้า
เฟิงเยว่เอามือถอดเสื้อผ้าให้ถิงยื่อเช่นกัน ตอนนี้เขาพร้อมที่จะให้ความสุขกลับคืนเพราะเขารู้แล้วว่าแค่คนๆนี้จะเดินออกไปเขายังทนแทบไม่ได้ ถ้าหากเขาไม่มอบความสุขนี้ให้ถิงยื่อ เขาก็คงแย่เต็มที่...

มือเล็กๆที่ค่อยๆถอดเสื้อคลุมออก ทำให้คนที่กำลังคร่อมตัวลงนั้นยิ้มเล็กน้อย...เขาแอบกระซิบข้างหูว่า
ยอมข้าแล้วล่ะสิ เจ้านี่นะ ต้องให้ข้าโมโหทุกที
เฟิงเยว่หันไปจูบที่แก้มของถิงยื่อที่กำลังกระซิบพอดี แล้วพูดตอบ
ก็ไม่งั้นข้าจะเป็นเฟิงเฟิงของเจ้าเหรอ ลิงยักษ์บ้า

หลังจากนั้นมีเสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังลอดออกมา ถ้ามีใครมาได้ยินเสียงหัวเราะนี้ก็คงรู้ว่าทั้งสองคนในห้องนี้กำลังมีความสุขมาก ม่านที่เตียงถูกปิดลง จึงไม่เห็นว่าด้านในนั้นกำลังส่งผ่านความสุขกันอย่างเร่าร้อนแค่ไหน...


ด้านนอกเงียบสงัด มีทหารยามเฝ้าอยู่ไกลๆ เป็นคำสั่งปกติถ้าราชาถิงยื่ออยู่แล้ว ไม่มีใครต้องกลัวอันตราย แต่ใครจะรู้ว่า บัดนี้นอกห้องแห่งจันทรา มีเงาของหญิงสาวคนนึงแอบซุ่มฟังอยู่ด้านหน้าประตู โดยนางได้ยินทุกอย่างแทบจะชัดเจน และเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าทำไม ถิงยื่อถึงไม่สนใจนางเลย

.....องค์หญิงอู๋อี้กัดฟันแน่น พร้อมใช้วิชาอำพรางตัวเองกลับไปที่ห้องอย่างง่ายดาย เมื่อมาถึงห้อง นางจึงจัดแจงเอาของที่เตรียมไว้ออกมาวางที่โต๊ะ พร้อมกับพูดว่า
ข้าต้องใช้เจ้าจริงๆสินะ"

………โปรดติดตามตอนต่อไป.....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น