วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน ตอนที่ 6

ตอนที่ 6 ลุงฟุ


ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง ในขณะที่เค้ายังคงจ้องผมแต่ผมก็เบือนหน้าหลับตาหนีเค้าไปอีกทางแบบนั้น

ชั้นขอกลับบ้าน วัดต้ามู่คือบ้านชั้น นายจะให้ชั้นช่วยอะไรก็บอก เสร็จแล้วก็ส่งชั้นกลับได้มั้ย?”

ผมยังคงบอกเค้าออกไปด้วยเจตนาเดิมที่ตั้งใจไว้ เค้ายังคงคร่อมอยู่บนตัวผมโดยไม่ขยับเขยื้อนไปไหน

ผมว่ามันนานเกินไปนิดหน่อย จึงหันหน้ากลับมาแต่ก็ยังพบว่าเค้ายังคงจ้องอยู่แบบนั้นเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง

นะ...นายฉีซาน นายเป็นอะไรหน่ะ?”

ชั้นขอถามใหม่อีกครั้ง นายจะอยู่กับชั้นที่นี่เลยได้มั้ย?”

ผมยังคงต้องยืนยันคำตอบเดิม ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมรู้สึกว่าหน้าตาเค้าเริ่มน่ากลัวขึ้นทุกที

ชั้นอยากกลับ นายส่งชั้นกลับได้ใช่มั้ย?”

ทำไมล่ะ นายไม่มีญาติที่ไหน ทำไมนายจะต้องกลับไปด้วย

แล้วทำไมชั้นต้องอยู่ล่ะ ในเมื่อที่นี่ชั้นก็ไม่มีใครเหมือนกัน

ทำไมนายถึงไม่เคยเชื่อฟังชั้นเลย ก็ชั้นบอกแล้วว่านายเป็นหลานของอู๋เหล่า ที่นี่นายมีปู่อยู่นะ

นายจะบ้ารึไง ชั้นไม่ใช่คนที่นี่ นายฉีซาน นายส่งชั้นกลับเถอะ นะๆๆ จะเอาเลือดเอาอะไรก็เอาไป แล้วชั้นขอกลับวัด

สรุปนายจะไม่ยอมอยู่ใช่มั้ย?”

ใช่!!! นะ... นาย นายจะทำอะไรหน่ะ ปล่อยนะ นายฉีซาน นายมันบ้าไปแล้ว

เค้าเอาหน้ามาซุกไซร้ที่ซอกคอของผม แล้วก็เอามือควานลงไปที่ส่วนล่าง ล้วงเข้าไปในกางเกงผ้าที่ง่ายต่อการเข้าถึง

มือเค้าจับเข้าที่ส่วนล่างของผมเต็มที่ ผมตกใจมาก...พยายามเอามือปัดป้องออกและยกขาขึ้นเพื่อขัดขืนเต็มที่ เหมือนสงครามเล็กๆเลย เราต่อสู้กันจนเสื้อเค้าและผมเริ่มเปิดออก มือผมไปปัดโดนรอยสักจนนูนขึ้นมาหลายครั้ง พอผมได้จังหวะกัดเข้าที่ไหล่ขวาเค้าเต็มแรง...

ผมไม่ยอมให้เค้ามาทำแบบนี้กับผมแน่ๆ...

โอ๊ย!!! อู๋น้อย นายกัดชั้น โอ๊ย!!!”

นายฉีซาน ลุกขึ้นเอามือกุมไหล่ สักพักก็มีเลือดไหลออกมาจากแผลที่ผมกัด เอ๊ะ!!! ผมรู้สึกว่าผมไม่ได้กัดแรงขนาดนั้นนี่นา ทำไมเลือดไหลซึมออกมาเรื่อยๆล่ะ

นายฉีซาน นาย...ทำไมเลือดออกแบบนั้น

ผมกำลังจะดูแผลตรงนั้น แต่เค้าลุกออกไปจากตัวผมและไปนั่งที่โต๊ะ พร้อมกับเอาผ้าสะอาดมาซับเลือดตรงนั้นไว้ พร้อมกับถอดเสื้อออก ทำให้ผมเห็นรอยสักมังกรที่แผ่อยู่ที่แผ่นหลังและส่วนไหล่ ผมเริ่มรู้สึกผิดจึงเดินเข้าไปจะไปซับเลือดให้ เค้ากลับปัดมือผมออก

ไม่ต้องมายุ่ง ชั้นจัดการเองได้

นายฉีซาน นายเป็นอะไรมากมั้ย ทำไมเลือดไม่หยุดสักทีล่ะ

นายจะมาเป็นห่วงชั้นทำไม ในเมื่อสุดท้าย นายก็จะไปอยู่ดี

ผมไม่เข้าใจเลย ว่าเค้าคิดอะไรอยู่ เค้าอยากให้ผมอยู่ด้วยไปตลอดจริงๆเหรอ พวกเราเจอกันไม่กี่วัน ทำไมเค้าถึงได้อยากให้ผมอยู่นักนะ

นายห้ามเลือดก่อนมั้ย

ไม่!!! ปล่อยให้มันไหลไปนี่แหละ ชั้นจะกลับห้อง นายก็พักนะ"

สุดท้าย เค้าก็ลุกและเดินออกจากห้องไป นี่มันอะไรกัน ผมงงไปหมดแล้ว รู้สึกปวดหัวตุ๊บๆขึ้นมาอีก เฮ้อ!!! คืนนี้ช่างมันก่อน หวังว่าเค้าจะไม่เป็นมาก ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ผมก็ไปนอนต่อดีกว่า

..................................เช้าวันรุ่งขึ้น...............................................

วันนี้มีพ่อบ้านมาดูแลผม พาผมไปห้องอาบน้ำ เอาชุดใหม่มาให้ผมเปลี่ยน เป็นชุดลำลองแบบยาว ผมเคยเห็นในภาพวาดหนังสือเก่าๆที่วัด

พ่อบ้านพาผมออกไปที่ห้องโถง ผมรู้สึกดีขึ้นมาก แต่พอเห็นหน้าคนที่
นั่งรออยู่ผมรู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ เค้าแต่งตัวในชุดยาวสีเทาสบายๆ ไถผมขึ้นอีกเล็กน้อย ใครเห็นก็ต้องว่าคนๆนี้ดูดีมากๆแน่ๆ ผมเห็นเค้าแบบนี้ก็อดชื่นชมไม่ได้จริงๆ...

กับข้าวมากมายวางอยู่ที่โต๊ะ แต่เหมือนมีแค่ผมกับเค้าที่กินกันอยู่สองคน ไม่มีเสียงใครพูดอะไร จนกระทั่งพ่อบ้านพูดขึ้น

คุณชาย อิ่มแล้วเหรอครับ ทุกทีคุณกินเยอะกว่านี้นะ แล้วนี่คุณก็มีแผล

หยุดนะลุงฟุ ไม่ต้องพูดอะไร ผมอิ่มแล้ว นายล่ะ อิ่มหรือยัง

เอาจริงๆผมก็กินอะไรไม่ค่อยลงหรอกครับ ผมเลยวางตะเกียบลง...

อืม...อิ่มแล้วผมเงยหน้ามองเค้า เค้าไม่เหมือนตอนอยู่ที่วัดต้ามู่เลย ดูซีเรียสมาก ตอนผมเอาข้าวมาให้เค้ากินตอนนั้น ยังดูหน้าตาสดใสกว่าตอนนี้อีกนะ

นายพักที่นี่อีกสองสามวัน ชั้นจะพานายไปบ้านสกุลอู๋

เค้าพูดแค่นี้แล้วก็ลุกขึ้นเดินหายไป ผมไม่รู้จริงๆว่าต้องทำยังไงต่อไป ก็คงได้แต่รอ...

ผมอยู่เฉยๆไม่เป็นหรอกครับ ดังนั้นผมจึงเข้าไปช่วยงานลุงฟุ และทำงานบ้านหลายอย่าง พวกลุงๆป้าๆพากันเกรงใจผมเพราะถือว่าเป็นแขกของคุณชายพวกเค้า 

ผมก็ชินกับการทำงานที่วัดอยู่แล้ว จึงไม่ได้รู้สึกอะไร เพียงแต่รู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงดีแล้ว อาการปวดหัวก็ไม่มีแล้วด้วย ผมแค่รู้สึกเครียดกับบรรยากาศเวลาที่มีนายฉีซานมากกว่า...

สองสามวันมานี้ เค้าดูหน้าซีดลงทุกวันๆ โดยที่จะมากินข้าวกับผมทุกมื้อเหมือนเป็นหน้าที่ ไม่ยอมพูดอะไรกับผมอีก จนบ่ายวันนั้นผมไปช่วยลุงฟุดูแลสวน ผมเริ่มชินกับทุกคนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว คงเป็นเพราะพวกเค้าก็เป็นคนน่ารักกันทุกคน

ลุงฟุ ทำไมคุณชายของลุงถึงได้ดูหน้าซีดแล้วก็ไม่ค่อยมีแรงเลยล่ะ?” ผมเอ่ยถามออกไป

คุณหนูอู๋ครับ...คุณชายไม่ยอมทายา ผมล่ะกลุ้มใจมากจริงๆ

ลุง ผมบอกแล้วไงว่าทำไมชอบเรียกคุณหนูกัน เรียกผมว่าอู๋เสียเฉยๆก็พอครับ
โอ๊ย ไม่ได้หรอกครับ คุณชายสั่งไว้ พวกผมก็ต้องทำตาม

นายนั่นอีกแล้ว แต่ผมว่าเค้าดูไม่ค่อยดีเลยนะ

นั่นแหละครับคุณหนูอู๋ พวกผมนะ พูดเท่าไหร่ๆ คุณชายก็ไม่กินยาเลย ยาก็ไม่ทา ผมแอบเห็นคุณชายมีแผลที่ไหล่ใหญ่มากเลย ไม่รู้ไปทำอะไรมา มันดูอักเสบและบวมด้วย ผมล่ะอ่อนใจจริงๆ"

ลุงบอกว่าแผลที่ไหล่เค้าใหญ่มากเหรอครับ แล้วเค้ายังฝืนมานั่งกินข้าวกับผมทุกมื้ออีก ทำไมไม่ไปนอนพัก

นั่นแหละครับ ผมว่าตั้งแต่คุณชายพาคุณมา ผมว่าคุณชายแปลกไปมาก ไม่ใช่ไม่ดีนะครับ แต่ผมไม่เคยเห็นเลย ตอนคุณหนูไม่ฟื้น คุณชายก็มานั่งเฝ้า ผมหน่ะ อยู่บ้านนี้มาหลายปี ก็เพิ่งเห็นคุณชายเป็นแบบนี้ก็ช่วงนี้แหละครับ

หลังจากทำสวนเสร็จ ผมก็กลับเข้ามาที่ห้องพัก อาบน้ำเตรียมตัวกินข้าวเย็น และกะว่าเย็นนี้จะต้องคุยกับเค้าให้รู้เรื่องว่าทำไมเป็นแบบนี้ไปได้ ผมกัดเค้า แต่ไม่ใช่ว่าจะให้เค้าไม่สบายซะหน่อย แล้วยังต้องมานั่งทรมานกินข้าวกับผมทุกวันแบบนี้ทำไม...

ทันใดนั้นลุงฟุก็มาตะโกนอยู่หน้าห้องผม

คุณหนูอู๋ครับ เปิดประตูหน่อยครับ

ผมเดินออกไปเปิดประตูไม้ด้านหน้า

มีอะไรเหรอครับลุง

ก็คุณชายหน่ะสิครับ ปัดยาตกทิ้งหมดเลย ผมจะทายาให้ก็ไม่ยอม คุณหนูช่วยไปพูดหน่อยได้มั้ยครับ ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่ๆครับ

ได้ๆ เดี๋ยวผมไปช่วยดูเองครับ

ผมจึงเดินตามลุงฟุไปจนถึงห้องนอนของนายฉีซาน เค้านอนอยู่ที่เตียง ในขณะที่มีคนกำลังเก็บกวาดเศษแก้วและเช็ดถูพื้นอยู่

ลุงฟุ ไปต้มยามาใหม่ไป แล้วไหนล่ะยาทา ออกไปก่อน เดี๋ยวผมดูเค้าเองครับ

สักพักทุกคนก็ออกไป ผมจึงเดินไปนั่งข้างเตียง เค้ายังคงนอนหันเข้าหากำแพงอีกฝั่งหนึ่ง โดยที่ไม่หันมาทางผมเลยเมื่อผมพูด

นี่...นายฉีซาน นายจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ ดูสิ คนทั้งบ้านเค้าเป็นห่วงนายกันทั้งนั้น ไหน ขอชั้นดูแผลนายหน่อย ชั้นว่าชั้นไม่ได้กัดแรงนะ ทำไมมันถึงเป็นเยอะได้ล่ะ

ก็คนสกุลอู๋ ทำร้ายชั้น นายกัดชั้น มันก็เป็นแบบนี้แหละ

ในที่สุด เค้าก็พูดออกมา แต่คุยกับกำแพงนะครับ ไม่ได้พูดกับผม ผมดึงเสื้อเค้าลง ทำให้เห็นแผลที่ค่อนข้างลึกและอักเสบจริงๆ

โหหหห เป็นขนาดนี้ นายยังไม่ยอมทายาอีก

เค้าดึงเสื้อกลับ แล้วหันมาพูดกับผม

นายจะมายุ่งอะไร?”

นี่ นายฉีซาน นายจะมางอนอะไร ในเมื่อวันนั้นก็เป็นนายนะ...ที่...เอ่อ...นายอย่าเพิ่งคุยเรื่องนี้เลย มา ทายาก่อน ชั้นจะทาให้ ดูสิ ทำจนทุกคนเค้าวุ่นวายกันไปหมด

ผมกำลังจะเอามือไปทายาให้เค้า เค้าก็สะบัดไหล่แล้วลุกขึ้นนั่ง

ไม่ ไม่ทา จนกว่านายจะรับปากว่าจะอยู่

นี่ นายจะมาใช้มุขแบบนี้ไม่ได้นะ

ก็ชั้นไม่มีทางเลือก ชั้นมันเป็นทหาร รู้จักแต่การใช้กำลัง นอกนั้นก็ไม่รู้แล้ว


เค้าเอื้อมมือมากอดผมไว้ ผมกำลังจะดิ้น แต่เค้าร้องขึ้นมา ผมเลยไม่กล้าดิ้นอีก กลัวเค้าเจ็บ

อู๋น้อย ชั้นชอบนาย"

“นายฉีซาน นายพูดอะไร”

.............................โปรดติดตามตอนต่อไป..................................




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น